30 ก.ค. 2562 | 01:17 น.
LANY วงอินดีป็อปสัญชาติอเมริกันจากลอสแอนเจลิส นำโดย พอล ไคลน์ (Paul Klein), เจค กอส (Jake Goss) และ เลส พรีสต์ (Les Priest) กลับมาเปิดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบอีกครั้งเป็นครั้งที่สามภายใต้ชื่อ “Malibu Nights World Tour 2019” ถ้าจะบอกว่านี่คือคอนเสิร์ตที่หาบัตรได้ยากที่สุดคอนเสิร์ตหนึ่งในรอบปีนี้ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดขายบัตร เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีก็มีรายงานว่าบัตรทั้งหมด sold out เป็นที่เรียบร้อยจนต้องเพิ่มรอบพิเศษอีกหนึ่งรอบ โชว์ในครั้งนี้ของ LANY มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยโดยเฉพาะสเกลงานที่ใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการอันก้าวกระโดดของวง
คอนเสิร์ตในครั้งนี้เริ่มเวลาประมาณ 20.42 น. อาจจะเลทจากเวลาเดิมอันเนื่องมาการเตรียมความพร้อมของโชว์ระหว่างตัวศิลปินและผู้จัด โดยบนจอแอลซีดีบนเวทีมีการขึ้นวิชวลนับถอยหลังเป็นตัวเลขสองนาที ก่อนที่ทางวงจะค่อย ๆ ทยอยขึ้นมาบนเวที และเมื่อตัวเลขเดินมาถึงวินาทีที่หนึ่งหนุ่มพอลก็ได้พาทุกคนเข้าสู่ความสนุกด้วยเพลง ‘Thick and Thin’ ผลงานจากอัลบั้มใหม่ Malibu Nights ก่อนทั้งสามหนุ่มจะต่อเนื่องด้วยเพลงดังอย่าง ‘Good girls’ ซึ่งแฟนเพลงสาว ๆ หลายคนน่าจะใจละลายไปเลยกับเพลงนี้ เพราะหนุ่มพอลดูอ้อนซะเหลือเกิน เพลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่เรียกหาความรัก ให้สาวคนรักกลับมา โดยเฉพาะท่อน “Baby, come back, I know my way around your heart” บอกได้เลยว่ามีคนร้องตามดังมาก จนในท่อนหลังเบรคดาวน์ หนุ่มพอลถึงขั้นพูดว่า “You’re so good” ให้แฟน ๆ เลยทีเดียว
เพลงที่สามของโชว์ LANY หยิบเพลง ‘4EVER!’ ขึ้นมาเล่น ซึ่งในช่วงต้น พอล ก็ได้พูดกับแฟน ๆ ว่า รู้สึกดีที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง ซึ่งในเพลงนี้เราจะสังเกตเห็นว่าการมาทัวร์ไทยรอบนี้ หนุ่มพอล ดูตื่นตัวและเอนเตอร์เทนโชว์มากขึ้น มีการโยกเป้าแสดงให้เห็นถึงความขี้เล่นมากขึ้นอีกด้วย ทั้งสามปิดท้ายโชว์ในช่วงนี้ด้วยเพลง ‘Yea, Babe, No Way’ ‘และอีกหนึ่งผลงานฮิตอย่าง ‘I Don't Wanna Love You Anymore’
มาถึงเพลง ‘Taking Me Back’ พอล แสดงถึงความขี้เล่นของเขาอีกครั้งด้วยการบอกให้แฟน ๆ ทั้งฮอลล์ อ่านเนื้อเพลงบนเวที แถมในช่วงท้ายของเพลง พอล ได้โชว์โซโล่ซินธิไซเซอร์ ปิดท้ายเพลงได้ดีทีเดียว ก่อนจะเข้าเพลงต่อไปอย่าง ‘Made in Hollywood’ ที่อยู่ดี ๆ พี่แกก็ลงมาจากเวทีเพื่อมาเล่นกับคนดู
ก่อนที่จะเล่นเพลงต่อไปนี้ พอล ได้พูดกับทุกคนอีกครั้งว่า “ทุกคนโอเคไหม” แน่นอนเช็คสภาพกันขนาดนี้เพลงต่อไปที่พวกเขาจะเล่นคือเพลงจังหวะโยก ๆ อย่าง ‘Hurts’ ซึ่งในตอนท้าย พอล ได้บิลด์แฟนเพลงอีกครั้งว่า “อย่าให้ผมต้องเต้นคนเดียว” ซึ่งในเพลงนี้ระบบแสงและวิชวลบนเวทีทำหน้าที่ได้ดีมาก สังเกตได้จากการเล่นแสงสอดรับกับจังหวะกลองของหนุ่ม เจค ที่ทำออกมาได้ดีมากและเท่มาก
‘Run’ กลายเป็นอีกผลงานจากอัลบั้มชุดใหม่ที่ถูกหยิบมาเล่น ซึ่งแฟนเพลงต่างร้องตามกันได้ชนิดทำเอาหนุ่มพอล พูดขึ้นมาว่า “I love when you sing with me” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ผมรักเวลาที่พวกคุณร้องตาม” ก่อนจะต่อเนื่องด้วยเพลงที่มีเนื้อหา ที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่มาจากประสบการณ์ตรงของพวกเขาอย่าง ‘13’
กรุงเทพมีใครอยู่ไหม ! พอลกล่าวทักทายแฟน ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดกับแฟน ๆ อย่างเป็นทางการยาว ๆ ว่า “ผมรักพวกคุณมาก ทุกคนแฮปปี้กันใช่ไหม แล้วทุกคนรู้สึกดีใช่ไหม ขอบคุณทุกคนเลยที่ใจดีกับพวกเรา มันจะโอเคไหมถ้าพวกเราจะกลับมาอีกหลายต่อหลายรอบ คุณรู้ไหมว่าอาหารไทยเนี่ยเป็นอะไรที่ดีที่สุดในโลกเลย และพวกคุณก็น่ารักมาก พวกคุณชอบไหว้ ทำให้ผมอยากจะไหว้ตามตลอดเวลาเลย (แล้วนางก็ไหว้ๆๆๆ พร้อมกับพูดว่า You’re the best, I love you)” บอกเลยว่าพี่แกไหว้สวยมาก
ต่อมา พอล จะแนะนำคนอื่น ๆ โดยเริ่มจากหนุ่ม เจค ในตำแหน่งกลอง “ผมขอแนะนำมือกลองที่เก่งที่สุดในโลก คุณ เจค กอส” ก่อนที่เขาจะให้แฟน ๆ พูดชื่อ เจค ไปเรื่อย ๆ “และคืนนี้มันจะไม่สมบูรณ์เลยถ้าไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนนี้ คุณ เลส พรีสต์ "(แล้วพี่แกก็ให้เรียก “เลสๆๆๆ” ตามเช่นกัน) “ส่วนผมชื่อ พอล ไคลน์” แล้วทุกคนก็ตะโกน “พอลๆๆๆๆๆ” แล้ว พอล ก็พูดว่า “ผมอยู่ในวงที่ดีที่สุดในโลกเลยล่ะ สาว ๆ เพลงต่อไปคือ ‘If You See Her’ ร้องไปกับผมนะ”
ซึ่งหลังจากนั้นวงก็ทยอยขนเพลงโดนมากระแทกใจแฟน ๆ เช่น ‘The Breakup’ หรือ ‘Pink Skies’ เพลงที่สื่อถึงความโรแมนติคของหนุ่มพอล ซึ่งที่มาของเพลงนี้หนุ่มพอลเล่าว่าเขามักจะไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินคนเดียวบ่อย ๆ ก่อนจะปิดท้ายโชว์อย่างไม่เป็นทางการด้วยเพลง ‘Hericane’ และเพลงฮิตของเขาพวกเขาอย่าง ‘Super Far’ และ ‘Malibu Nights’
แน่นอนถ้ายังไม่พูด goodbye หรือเปิดไฟไล่ คอนเสิร์ตก็ยังไม่เลิก ใช่แล้วทั้งสามกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับช่วง encore ส่งท้ายให้แฟน ๆ ซึ่งระหว่างที่ พอล เดินกลับขึ้นมาไม่รู้พี่แกคิดยังไงลงไปหมอบกับพื้นเฉย หลายคนก็นึกว่าพี่แกเป็นอะไรไป แต่หลังจากอินโทรเพลง ‘Thru These Tears’ ขึ้น พอล ก็กระโดดลุกขึ้นมาร้องได้เพราะสุด ๆ ทีเดียว ก่อนพวกเขาจะปิดท้ายโชว์นี้จริง ๆ ด้วยเพลง ‘ILYSB’ ซึ่งตอนจบหนุ่ม พอล ได้หยอดคำหวานใส่แฟนเพลงอีกด้วยว่า “ช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ พวกเราจะกลับมาที่นี่อีกตลอด”
ภาพรวม : โชว์ครั้งที่สามของ LANY สะท้อนให้เห็นถึงก้าวที่สำคัญมากสำหรับพวกเขาโชว์นี้มีความพร้อมมาก และสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการอันก้าวกระโดดของวง เริ่มจากพอลนักร้องนำของวงมีการเอนเตอร์เทนที่ดีมากขึ้นกว่าทุกครั้ง เขาแสดงถึงความเป็นฟรอนต์แมนที่แท้จริง มีทั้งความเต็มที่และเสียงร้องที่มีคุณภาพตลอดทั้งโชว์ เช่นเดียวกันกับเจคและเลสที่พัฒนาความสามารถได้โดดเด่นมากขึ้น เจคมีไดนามิคการตีกลองหนักเบายอดเยี่ยมขึ้นทีเดียว เช่นเดียวกันเลสที่เป็นเหมือนตัวปิดทองหลังพระก็คุมซาวนด์ของวงได้อยู่หมัด
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมคือแฟน ๆ ชาวไทยที่สนุกและร้องตามกันได้ตลอดทั้งโชว์จนหนุ่ม พอล ออกปากว่า “You sound so good” บ่อยมาก แต่ที่ส่วนตัวผมชอบที่สุดคือแสงบนเวที ที่ช่วยทำให้โชว์สนุกขึ้นมาก ท่อนหยุดต่าง ๆ หรือจังหวะกลองเด่น ๆ ที่เล่นกับแสงตามไปมาสร้างมิติ และบิลด์เพลงได้ดีสุด ๆ ซึ่งการลงรายละเอียดของแสงสีให้สอดรับกับดนตรีเป็นอีกสิ่งที่ทำให้โชว์ออกมาสนุกและดูมีอะไร ซึ่งสมัยนี้หลายวงค่อนข้างจะตัดตรงจุดนี้ออก วันนี้ต้องขอบคุณ LANY ที่ทำให้เราเห็นถึงเสน่ห์ของการเล่นสดที่เรียกได้ว่า “แสงสีเสียงมาเต็ม” อีกครั้ง และมันยังทำให้เรามีความรู้สึกอยากดูโชว์ของพวกเขาอีกครั้งในอนาคต
“สำหรับผม ผมว่าเราทำได้ดีขึ้นทุกครั้งที่ได้ขึ้นแสดงแหละ มันเจ๋งมาที่ได้ขึ้นเล่น ไม่แน่คืนนี้อาจจะเป็นแสดงที่ดีที่สุดก็ได้” พอล ไคลน์
ขอขอบคุณภาพจาก Live Nation BEC-Tero