29 เม.ย. 2566 | 15:00 น.
“จะฟังเพลงแจ๊ส ต้องปีนบันไดฟัง”
อาจเป็นถ้อยคำหรือแนวคิดเสมือนกลายเป็นภาพจำของเพลงแจ๊สสำหรับบุคคลที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับดนตรีแนวนี้ ว่าเป็นประเภทดนตรีที่ฟังยาก ต้องอาศัยการเข้าถึงหลายระดับ แตกต่างจากแนวเพลงกระแสหลักที่ใคร ๆ ก็ฟังได้… ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ความยาก’ ในการเข้าถึงนี้ เสมือนว่ากลายเป็นภาพจำของ ‘ดนตรีแจ๊ส’ ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่คำถามที่น่าหาคำตอบต่อก็คือ… ภาพจำของเพลงแจ๊สตรงกับตัวตนที่แท้จริงของดนตรีประเภทนี้หรือเปล่า?
“แจ๊สคือทูตแห่งสันติไมตรี คือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นมากกว่าดนตรี คือสิ่งหนึ่งที่สามารถเชื่อมอะไรหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม สังคม หรือมิตรภาพ”
นี่คือกล่าวของ ‘แม็กซ์’ นักดนตรีแจ๊สและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Saraburi Jazz Community’ หรือ ‘ชุมชนคนรักดนตรีแจ๊สแห่งจังหวัดสระบุรี’ เมื่อ The People ได้เอ่ยถึงความหมายที่แท้จริงของดนตรีแจ๊สในชีวิตของเขา
“สำหรับผม เพลงแจ๊สเสมือนกับกับเข็มและเส้นด้ายที่ร้อยคนมากหน้าหลายตาที่มีความแตกต่างนานาประการ แต่มีรูเข็มอันเป็นความหลงรักในดนตรีเพลงแจ๊สที่เหมือนกันให้มารวมเข้าด้วยกัน”
แม้ว่าในผู้คนมากมายจะเต็มไปด้วยความแตกต่างที่ยากจะหยั่งถึง แต่แม็กซ์มองว่าเพลงแจ๊สสามารถทำหน้าที่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครหลายคนมองข้ามความแตกต่างเหล่านั้น และรวมเข้าหากัน ทำกิจกรรมที่อยากทำเหมือนกัน ทำสิ่งที่ชอบเหมือนกัน เพราะพวกเขาหลงใหลในดนตรีแจ๊สเหมือน ๆ กัน
นอกจากนั้น แม็กซ์ยังกล่าวอีกว่าดนตรีแจ๊สอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ยากจะเข้าถึงดังที่ใครหลายคนอาจจะมีภาพจำ แม็กซ์ให้เหตุผลว่า ด้วยความที่ดนตรีแนวแจ๊สยึดแก่นกลางคือ ‘ความสดใหม่’ มีความกว้างขวางและหลากหลายในสไตล์การเล่นและความเป็นไปได้ แต่ด้วยความกว้างขวางนี้เองที่ทำให้ดนตรีแจ๊สเป้นดนตรีที่สามารถหลอมรวมวัฒนธรรมและความแตกต่างอีกมากมายให้มารวมอยู่ด้วยกันได้ ดังคำที่คุณแม็กซ์ได้กล่าวไปในตอนแรกว่าเพลงแจ๊สคือ ‘ทูตแห่งสันติไมตรี’
แต่สิ่งที่คุณแม็กซ์กล่าวมานั้น หาใช่อุดมคติหรือแนวคิดที่เขาคิดขึ้นมาเอง แต่มันคือสิ่งที่เขาได้เห็นมากับตาและเป็นส่วนสร้างมากับมือแล้ว ซึ่งก็คือการก่อตั้ง ‘Saraburi Jazz Community’ หรือ ‘ชุมชนคนรักดนตรีแจ๊สแห่งจังหวัดสระบุรี’ ที่ตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเอาสิ่งที่รักมาแปรเปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่จะทำให้คนอีกมากมายมีส่วนร่วมและได้ลองลิ้มรสความหลงใหลของเขาอีกด้วย
มากไปกว่านั้น มันยังเป็นเข็มและเส้นด้ายสำคัญที่ช่วยร้อยคนในสระบุรีเข้าหากัน เพื่อที่จะมาชื่นชมเริงรมย์กับเสียงดนตรีแจ๊ส อันเป็นสิ่งที่พวกเขาหลงใหลเหมือน ๆ กัน
“จะทำอย่างไรให้สระบุรีมีสังคมดนตรีที่รวมคนรักดนตรีเหมือน ๆ กันเข้าด้วยกัน?”
คือโจทย์แรกที่ผุดขึ้นมาในใจของแม็กซ์ อดีตนักร้องลูกทุ่งที่เปลี่ยนแนวมาเล่นเครื่องดนตรีแซ็กโซโฟนเพลงแจ๊ส ภายหลังจากที่ได้ไปบากบั่นทำงานในกรุงเทพมหานคร ได้เห็นวัฒนธรรมและกลุ่มก้อนของเหล่าคนรักดนตรี ครั้นได้หวนกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอย่างสระบุรี เขาจึงวาดภาพฝันและตั้งเป็นเป้าหมายว่าอยากจะสร้างอะไรแบบนั้นให้เกิดขึ้นจริงบ้าง
ริเริ่มจากจัดกิจกรรมทางดนตรีเล็ก ๆ น้อย เช่นการจัดการแสดงดนตรีตามสถานที่สาธารณะ แต่หากต้องการให้การใหญ่สำเร็จ ต้องมีแรงที่ช่วยขับเคลื่อนเพิ่มขึ้น แม็กซ์จึงได้ทั้งรวบรวมจากคนรู้จักและเฟ้นหาบุคคลอื่น ๆ ที่สนใจมาร่วมขบวนการในการรันวงการแจ๊สในสระบุรีให้เกิดขึ้นจริง จนได้กลายเกิดเป็น Saraburi Jazz Community ดังที่เราพูดถึงกันอยู่ ณ ขณะนี้
นอกจากจะทำให้การสร้างชุมชนคนรักเพลงแจ๊สเกิดขึ้นจริงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้แม็กซ์เห็นคือศักยภาพอันล้ำค่าอีกมากมายของคนไทยในสระบุรีที่หลบซ่อนอยู่ แม็กซ์ได้เห็นว่ามีคนมีทักษะและฝีมือมากมายที่พร้อมปล่อยของให้สาธารณะเห็น เพียงแต่พวกเขาต้องการตัวกลางในการนำเสนอเท่านั้นเอง จึงได้ทำให้เขาวาดภาพฝันที่ใหญ่กว่าเดิมอีกหนึ่งขึ้น
“ผลักดันเพลงแจ๊สให้เป็นที่ยอมรับมากกว่าที่เป็นอยู่ อยากให้ดนตรีแจ๊สมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของจังหวัด”
เริ่มต้นจากการรวมตัวคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน ผันแปรสู่การตั้งเป้าหมายให้ดนตรีแจ๊สกลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าสนใจของกิจกรรมต่าง ๆ ในจังหวัด รวมทั้งพัฒนาส่งเสริมศักยภาพที่อาจจะขึ้นไปถึงเอกลักษณ์หนึ่งของสระบุรีเลยทีเดียว นับเป็นการต่อสู้เพื่อสิ่งที่รักและหวังจะแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังแห่ง Soft Power ที่ไม่เพียงตอบสนองความหลงใหลในเสียงดนตรีของตัวเอง แต่เป็นส่วนช่วยและสร้างประโยชน์ให้แก่จังหวัดอีกด้วย
หากกล่าวถึง Soft Power แม็กซ์ได้แบ่งปันให้กับ The People ฟังว่าไม่เพียงแค่พวกเขาพยายามสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนแจ๊สกับจังหวัดเท่านั้น แต่เขายังหวังที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่อาจกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความใหม่ที่มีดีเอ็นเอจากความดั้งเดิมอีกต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น ดนตรีแจ๊สที่ผสมกับดนตรีล้านนาและการฟ้อนรำ ดนตรีแจ๊สที่รวมกับเพลงลูกทุ่ง หรือแม้แต่การนำเอาดนตรีไทยเข้ามาผสม
การผสมผสานเพื่อสร้างสิ่งใหม่นี้ไม่เพียงแค่ยกระดับวัฒนธรรมจากของเดิมที่รับมาจากทางตะวันตกและใส่ความเป็นตัวเองลงไป แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่อาจกลายเป็นมูลค่าที่น่าสนใจสำหรับจังหวัดอีกด้วย จากจุดนี้เราคงได้เห็นหลักฐานที่ชี้ชัดแล้วว่า
‘แจ๊สเป็นดนตรีสำหรับทุกคน’
และถ้าหากใครสนใจแนวทางและคอนเซ็ปต์ของ Saraburi Jazz Community ในวันที่อาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2566 นี้ ซึ่งจะตรงกับวันแจ๊สโลก (International Jazz Day) ทาง Saraburi Jazz Community จะมีการจัดงาน ‘Swing & Wine 2023’ ที่จะจัดขึ้น ณ สนามลานแค้มป์ ร้าน HOBBYLOG ตั้งแต่ 15.30 น. ยาวไปจนถึง 23.30 น. เลยทีเดียว
ภายในงานก็จะประกอบไปด้วยสาระและความบันเทิง เพราะในช่วงบ่ายจะมีการเวิร์คช็อปทางด้านดนตรีแจ๊สจาก ‘วรรณวุฒิ วรรณการุณ’ (เอ๊าะเสาร์สะดุ้ง) และ ‘อนันต์ ลือประดิษฐ์’ ก่อนที่ในช่วงเย็นจะมีวงดนตรีแจ๊สขนขบวนยกทัพมาปล่อยของกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Saraburi All Stars, VRU Jazz Big Band, Siam Cubano, และ Sea ‘N Gun Brothers
หากผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ Saraburi Jazz Community