22 พ.ค. 2566 | 17:00 น.
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี อุดมไปด้วยรถราหนาแน่น หันไปทางไหนก็พบแต่คำว่า ‘ลานจอดรถเต็ม’ ใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะหาพื้นที่ว่างเพื่อแทรกรถของผู้เขียนเข้าไปจอดในพื้นที่ว่างอันล้ำค่านั้นได้ พอก้าวขาลงจากรถเพื่อที่จะเดินทางไป ณ ที่หมาย ยังไม่ทันเอ่ยถามผู้รักษาความปลอดภัยว่าที่หมายของเราต้องเดินไปในทิศทางไหน เขาคนนั้นก็เอ่ยมาทันทีว่า
“มาคอนเสิร์ต ไมโคร ใช่ไหมครับ?”
เราเอ่ยตอบว่าใช่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ชี้แนะทางซึ่งบ่งชี้ได้ง่ายว่าเราไม่ใช่คนแรกที่มาถามคำถามนี้ (แม้จะยังไม่ทันได้เอ่ยถามเลยเสียด้วยซ้ำ) มาถึงตรงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนักที่บริเวณอิมแพค อารีน่า จะอุดมไปด้วยรถยนต์จนยากที่จะหาที่จอด เพราะในวันนั้น ใครหลายคนได้มีนัด ‘อำลา’ กับเพื่อนเก่าที่ไม่เคยเก่าของพวกเขา ที่ไม่ได้พบกันมานานกว่า 13 ปี กับ ‘ไมโคร’ ในวาระคอนเสิร์ตเต็มวงครั้งสุดท้าย ‘Chang Music Connection presents The Last ร็อค เล็ก เล็ก’ ที่จะชวนแฟน ๆ ทุกคนมาชูมือขวาไปพร้อม ๆ กัน
ราวเวลา 5 โมงครึ่ง อีกไม่นานประตูเข้าสู่การแสดงก็จะเริ่มขึ้น และเป็นเวลากับที่ประตูฮอลล์จะเปิดพอดิบพอดี สิ่งที่เราจะเห็นนอกจากความคึกคักของเหล่าแฟนคลับร็อคมือขวาที่ได้โอกาสมาย้อนความมันส์ในวันวานของพวกเขาอีกครั้งคือ ‘ความเป็นหนึ่งเดียวกัน’ ของผู้เข้าชมหลาย ๆ ท่านที่พร้อมใจกันใส่เสื้อคอนเสิร์ตสีดำที่ระบุทั้งชื่อวงและคอนเสิร์ตเหมือน ๆ กัน ซึ่งดูแล้วอบอุ่นอย่างปฏิเสธไม่ได้
น่าเสียดายที่ผู้เขียนซื้อไม่ทัน… แต่ก็มีเวลาไม่นานนักที่จะยืนอยู่หน้าฮอลล์ เพราะการแสดงโชว์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 6 โมงตรง ผู้เขียนจึงซื้อเครื่องดื่มมาหนึ่งแก้วแล้วจึงรีบเดินเข้าไปหาที่นั่งเพื่อเฝ้ารอความสนุกที่จะมาถึงในวันนี้
เมื่อถึงเวลาอันสมควร แสงไฟสีขาวและควันหมอกก็ปรากฏขึ้นบนเวที ก่อนจะแซมด้วยแสงสีแดงที่วับแวบสลับไปมา เคล้าด้วยเสียงเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่สตาร์ทเครื่องที่เสมือนเป็นสัญญาณบอกผู้ชมให้เตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
ไม่ทันไรชื่อวงอันเป็นลายมือเขียนและโลโก้ของวงที่เขียนว่า ‘ไมโคร’ ในน้ำหมึกสีแดงก็ปรากฏขึ้น พร้อมทั้งแสงสปอตไลต์ที่ฉายไปยังสมาชิกทั้งหก ที่อยู่ข้างเคียงกันอย่างพร้อมหน้า ตั้งแต่ หนุ่ย - อำพล ลำพูน, กบ - ไกรภพ จันทร์ดี, อ้วน - มานะ ประเสริฐวงศ์, บอย - สันธาน เลาหวัฒนาวิทย์, อ๊อด - อดินันท์ นกเทศ, และ ปู - อดิสัย นกเทศ พร้อมชูมือขวาอันเป็นสัญลักษณ์ประจำวงเพื่อที่จะบอกกล่าวกับ ‘เพื่อน’ ทุกคนว่าพร้อมหรือยัง
และเมื่อพร้อมแล้ว… ก็คง
“ถึงคราว ดับเครื่องชน!”
วงร็อคมือขวาของพวกเราเปิดการแสดงด้วยเพลงเรียกจังหวะความมันส์อย่าง ‘ดับเครื่องชน’ ก่อนจะรักษาจังหวะความเร็วเดิมโดยการต่อด้วยเพลง ‘อยากได้ดี’ ด้วยแสงไฟสีฟ้า ก่อนที่แสงสีฟ้านั้นจะสลับเป็นแสงสีชมพูที่มาพร้อมเสียงกลองนำจังหวะไปสู่เพลง ‘อู๊ดกับแอ๊ด’ ให้เหล่าผู้ชมได้เต้นหรือขยับเขยื้อนตัวไปกับเสียงเพลงอย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากนั้น ก็ต่อด้วยบทเพลงที่นำด้วยเสียงกีตาร์ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยความมันอีกครั้งกับเพลง ‘สมน้ำหน้า..ซ่าส์..นัก’
“สบายดีนะ”
หลังจากรัวความมันส์มาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 เพลง ก็ถึงเวลาที่ไมโครจะเบรกจากเสียงเพลงและพูดคุยกับเหล่าเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานครั้งนี้อย่างเป็นทางการ สิ่งแรกที่ หนุ่ย ไมโคร เอ่ยทักคือคำถามว่าทุกคน ‘สบายดีนะ’ ก่อนจะบรรยายความรู้สึกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า “สมควรแก่การรอคอยแล้ว”
“กว่าจะมาถึงวันนี้ คอนเสิร์ต The Last ร็อค เล็ก เล็ก ย้อนกลับไป 37 ปี โอโหตอนนั้น… เรียนชั้นอะไรกันบ้างเนี่ย… บางคน ลูกกี่คนกันแล้วเนี่ย…
“เราเริ่มส่งดนตรีร็อคจากวงไมโครจากรุ่นสู่รุ่น ผมคิดว่าทุกคนมีครั้งแรกแน่นอน เช่น มีแมวตัวแรก มีแฟนคนแรก ออกเดทครั้งแรก ทุกคนครับ เมื่อ 37 ปีที่แล้ว เพลงนี้คือเพลงที่ทำให้เรารู้จักกัน…”
หลังสิ้นเสียงของหนุ่ยในการเอ่ยทักทายกับแฟน ๆ พวกเขาก็เริ่มบรรเลงเพลงที่พาให้เพื่อน ๆ ของวงมารู้จักกับไมโครเป็นครั้งแรก กับเสียงอินโทรกีตาร์คุ้นหูจากเพลง ‘อย่าดีกว่า’ แม้จะผ่านไป 37 ปี ไมโครก็ยังทำให้เราสัมผัสได้ว่า ความมันส์จากวันวานยังคงไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเสียงกีตาร์อันคุ้นหูไปแล้ว ไมโครจึงได้บรรเลงอีกหนึ่งเพลงที่เพียงอินโทรคีย์บอร์ดบรรเลงขึ้นก็คงจำได้อย่างแน่นอนกับอีกหนึ่งผลงานยอดฮิต ‘เติมน้ำมัน’
ก่อนจะดำเนินไปสู่เพลงจังหวะช้าแต่สื่ออารมณ์ได้อย่างทรงพลังกับ ‘ฝันที่อยู่ไกล’ ก่อนที่บรรเลงเพลงต่อไปที่จะทำให้ บอย ไมโคร สำแดงฝีมือคีย์บอร์ดของตนได้อย่างต่อเนื่องกับเพลง ‘รุนแรงเหลือเกิน’ ก่อนที่เพลงถัดไปจะส่งสปอตไลต์และไมค์ร้องนำไปให้ กบ ไมโคร กับบทเพลง ‘รักซะให้เข็ด’ ก่อนจะตามด้วย ‘ตายเปล่า’ และ ‘เลือดเย็น’ ที่ทำให้ทั้งกบและอ้วนโชว์ฝีมือกีตาร์ประสานกันได้อย่างน่าจดจำ
“เพื่อนผม… 30 ปี ร้องเพลงครั้งเดียว”
แต่จะให้โชว์กีตาร์อย่างเดียวก็คงไม่คุ้มกับวาระใหญ่ครั้งนี้ กบจึงได้ส่งมอบสปอตไลต์ต่อให้กับอ้วน มือกีตาร์ของวงให้ได้พูดคุยและทักทายกับแฟน ๆ
“ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง คอนเสิร์ต เอาไมโครไปเลย ใครได้ไปบ้างครับ… แล้วจำได้หรือเปล่าครับว่ามีเพลงอะไรที่ผมเคยร้องไว้ครั้งหนึ่ง… วันนี้ผมจะขอร้องอีกสักครั้งนะครับ ช่วยผมร้องด้วยนะครับ!”
‘รักคุณเข้าแล้ว’ บทเพลงที่ขับร้องโดยอ้วน ที่หาฟังได้ไม่บ่อยนักเมื่อเทียบกับเพลงอื่น ๆ จึงบรรเลงขึ้น ตามด้วยเพลง ‘คิดถึง’ ที่เปิดโอกาสให้ทั้งกบและอ้วนได้มาสื่ออารมณ์ผ่านเสียงกีตาร์ได้อย่างสะเทือนถึงอารมณ์ สำหรับผู้เขียนเอง แม้ไม่มีเสียงคำร้องออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เสียงกีตาร์ที่ประสานกันของทั้งคู่กลับสื่อความหมายบอกอารมณ์ได้ลึกไปถึงข้างในเลยทีเดียว
“วันนี้เป็นคอนเสิร์ตที่แปลกที่สุดในชีวิตผม เราเล่นดนตรีกันแบบธรรมดา ไม่ได้มาทำการร้อยเรียงโชว์ให้มันเป็นที่สุด แต่เราตั้งใจมาเล่นด้วยความเป็นมนุษย์ ความเป็นคน ความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่เป็นน้อง ที่ทำให้เรามาเจอกัน…
“ผมจำได้ ในวันที่ผมเริ่มต้นเป็นไมโคร ผมเป็นแค่ ‘ไอ้กบตัวน้อย ๆ’ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 17 ปีเอง ที่หิ้วกีตาร์มาที่วงของพี่ปู และผมก็เริ่มต้นหัดเล่นดนตรีอยู่กับวงนี้ เติบโตมากับวงนี้ จนกระทั่งมาถึงวันนี้ เราทุกคนมีลูก มีหลานกันหมด ผมดีใจที่ได้กลับมายืนตรงนี้พร้อมกับ ‘คุณ’ ที่ได้เติบโตมาด้วยกัน… ก็เลย… สักครั้งหนึ่ง”
ไม่ทันได้หายซึ้งกับภาพวันวานที่สะท้อนผ่านเส้นทางของกบและวงไมโคร ที่เริ่มจากกับตัวน้อยสู่กบที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ เสียงกีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์จากอีกหนึ่งเพลงยอดฮิตที่ถูกจารึกเป็นตำนานที่สุดก็บรรเลงขึ้น เพื่อตอกย้ำความหวนคิดถึงให้ชัดขึ้นไปมากกว่าเดิม กับเพลง ‘รักปอนปอน’ เสียงกีตาร์เดิม คีย์บอร์ดเดิม และนักร้องคนเดิมดังที่เราคุ้นเคย ในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายนี้จึงไม่ได้ถ่ายทอดออกมาแค่ความไพเราะ แต่ยังสื่อความคิดถึงของวันเวลาในวันวานของเพื่อนอีกหลายคนภายในคอนเสิร์ตอีกด้วย
บรรยากาศของการแสดงโชว์วันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานกับเพลงสุดมันส์ที่เคล้าไปด้วยความคิดถึงจากวงดนตรีที่โตคู่เคียงกันมา แต่นอกจากนั้น ภายในคอนเสิร์ตนี้ก็มีความสนุกจากศิลปินคนอื่น ๆ มาร่วมแจมกับวงอย่างสนุกสนานถึง 3 คนด้วยกัน ตั้งแต่ ป๊อด - โมเดิร์นด็อก, ปุ๊ - อัญชลี, และ ตั้ม - สมประสงค์
ไม่เพียงแค่พวกเขาจะมาแจมร้องเพลงของไมโครเท่านั้น แต่ยังพาเพลงของตนเองมาครื้นเครงกับในงานครั้งนี้ด้วย ตั้งแต่ บุษบา, ด้วยความคิดถึง, และ ทนได้ทุกที ซึ่งแต่ละเพลงก็ล้วนเป็นผลงานชิ้นหูของผู้ฟัง ที่ใครต่อใครก็ร้องตามได้อย่างไม่ติดขัด
“ขอขอบคุณทุกคน 37 ปีที่ผ่านมา ไม่มีพวกคุณทุกคน ไม่มีเรา… ผมมีเพื่อนที่อายุน้อย ๆ หลายคน ผมมีเพื่อนที่อายุเท่ากันหลายคน นอกจากเพื่อนบนเวที 6 คนแล้ว ผมรู้ว่าในนี้ทุกคน ลึก ๆ พวกคนทุกคนก็คือเพื่อนไมโครนั่นแหละ…”
ภายหลังจากบรรเลงบทเพลงของไมโครที่ทำให้ผู้ฟังหลายคนหวนคิดถึงและขยับเนื้อตัวตามจังหวะเสียงเพลงกันมาตั้งแต่ ‘เอาไปเลย’, ‘ม้าเหล็ก’, ‘ฝากรอยเท้า’, และ ‘จริงใจซะอย่าง’ หนุ่ยก็ได้ทำหน้าที่ตัวแทนบอกกล่าวความรู้สึกและขอบคุณผู้ร่วมเดินทางมากับวงไมโครทุกคนตั้งแต่เบื้องหลัง เบื้องหน้า ยาวไปถึงผู้ชมที่เปรียบเสมือน ‘เพื่อน’ ที่เดินร่วมทางกันตลอด 37 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงขอส่งท้ายบทเพลงหนึ่งถึงเพื่อนทุกคนกับเพลง ‘โชคดีนะเพื่อน’
“โชคดี เพื่อนคงจะเจอ
ทุกสิ่งที่ดี ที่เคยฝันไว้
จะไม่ลืม วันนี้ไปจนวันตาย
แล้วเจอกันใหม่ เพื่อนเอย”
หลังสิ้นสุดเสียงเพลงที่เสมือนเป็นคำอวยพรในการอำลาเพื่อน ๆ ที่ร่วมเดินทางกันอย่างเหนียวแน่นในคอนเสิร์ตนี้ พวกเขาทั้ง 6 คนก็มายืนกันที่หน้าเวทีและโค้งคำนับขอบคุณผู้ฟังทุกคนที่มาร่วมสนุกและสร้างความรู้สึกที่ไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เดินร่วมทางกันมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้ ถือเป็นคำบอกลาที่ตราตรึงใจอย่างปฏิเสธไม่ได้ พร้อมทั้งฉากหลังที่เขียนโดยลายมือว่า
“โชคดีนะเพื่อน จากพวกเรา ไมโคร”
ภาพ : GMM Grammy