ชวนสำรวจปมเกี่ยวกับ ‘พ่อ’ ผ่านเพลง ‘Daddy Issues’ ของวง The Neighbourhood

• เจสซีที่ไม่เคยพูดถึงพ่อมาก่อน แต่กลับแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อพ่อ เช่น เพลง Daddy Issues
• Daddy Issues เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เสพติดกันและกันเหมือนกับการเสพยา ทั้งที่มีโทษแต่ก็ยังให้ความสุข ผ่านมุมมองของตัวเอกที่รู้ว่าคู่รักของเขามีปัญหาบางอย่างกับพ่อ

เกือบ 30 วินาทีของดนตรี Intro เพลง ‘Daddy Issues’ เป็นช่วงเวลาแห่งจังหวะและทำนองเสมือนเชื้อเชิญให้เราสงบสติอารมณ์ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของ ‘เจสซี รูเทอร์ฟอร์ด’ (Jesse Rutherford) นักร้องนำจากวงอินดี้ร็อกสัญชาติอเมริกา ‘The Neighbourhood’

Take you like a drug
I taste you on my tongue
เสพคุณเสมือนยา
ผมเสพคุณด้วยปลายลิ้น

‘Daddy Issues’ เป็นหนึ่งในเพลงจากอัลบั้ม ‘Wiped Out!’ อัลบั้มที่ 2 ของวงที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2015 เขียนขึ้นโดยสมาชิกวง ได้แก่ เจสซี, ‘เจเรมี ฟรีดแมน’ (Jeremy Freedman) และ ‘แซ็ค เอเบลส์’ (Zach Abels) มือกีตาร์, ‘ไมกี้ มาร์กอตต์’ (Mikey Margott) มือเบส และ ‘แบรนดอน ฟรายด์’ (Brandon Fried) มือกลอง ร่วมด้วยโปรดิวเซอร์ ‘จัสติน พิลโบรว์’ (Justyn Pilbrow) จนได้ออกมาเป็นแนวเพลงแบบอิเล็กโทรป็อป (Electropop) ที่มีทำนองช้าเนิบนาบ ประดับด้วยบีตในจังหวะคงที่ เข้ากันกับเสียงร้องของเจสซีเป็นอย่างดี

Daddy Issues เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เสพติดกันและกันเหมือนกับการเสพยา ทั้งที่มีโทษแต่ก็ยังให้ความสุข ผ่านมุมมองของตัวเอกที่รู้ว่าคู่รักของเขามีปัญหาบางอย่างกับพ่อ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเธอ แต่เขาเองก็ประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน

เจสซีบอกว่า เขาไม่ได้เป็นคนแนวสุนทรีย์ (Aesthetic) ทำนองว่า “โอ้! พ่อผมตาย ผมแต่งเพลงเชิดชูเขาสักเพลงดีกว่า” กลับกัน เจสซีซึ่งไม่ค่อยพูดถึงพ่อของตัวเอง เพราะพ่อของเขาจากไปตั้งแต่ยังเด็ก และนั่นได้ส่งผลต่อชีวิตของเขาหลายประการ เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับพ่อ ผ่านบทเพลงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งนอกจาก Daddy Issues แล้ว ก็ยังมี ‘Greetings from Califournia’ และ ‘R.I.P. 2 My Youth’ อีกด้วย

ไม่ใช่เจสซีคนเดียวที่มี Daddy Issues

‘Daddy Issues’ ที่เราเห็นผ่านสื่อโซเชียลฯ บ่อย ๆ ในปัจจุบันนั้น ถูกบิดเบือนความหมายที่แท้จริงของมันไปมาก แรกเริ่มเดิมที คำว่า Daddy Issues ไม่ได้มี และไม่เคยมีความหมายในเชิงสุนทรียศาสตร์ และไม่ได้เกี่ยวโยงกับการที่หญิงสาวมีรสนิยมรักใคร่ชอบพอหนุ่มรุ่นราวคราวพ่อ (อย่างแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ) หรือถูกใช้ในบริบทของแฟนคลับซึ่งชื่นชอบศิลปินเสมอไป

ในทางกลับกัน Daddy Issues คือ ‘ปมเกี่ยวกับพ่อ’ หรือผู้ให้การเลี้ยงดู ซึ่งเกิดขึ้นได้กับลูกทุกเพศ 

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของ ‘ซิกมันด์ ฟรอยด์’ (Sigmund Freud) อธิบายปรากฏการณ์ที่เป็นผลจากความรู้สึกที่เด็กผูกพันกับพ่อแม่ที่เป็นเพศตรงข้ามกับตัวเองผ่าน ‘ปมออดิปุส’ (Oedipus Complex) ซึ่งหากระหว่างทางของการพัฒนาตัวเองให้เหมือนกับพ่อแม่ที่เป็นต้นแบบ เด็ก ๆ เกิดมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับพ่อแม่ ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหันไปพัฒนาบุคลิกภาพตามเพศตรงข้าม เช่น เด็กชายที่ควรจะพัฒนาตัวเองไปเป็นแบบพ่อ (เพื่อให้แม่รัก) ก็ไปยึดแม่เป็นแบบอย่าง หรือเป็นไปได้ที่พวกเขาจะตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ได้ไม่ค่อยดีนัก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 

หรือคุณเองก็เช่นกัน

ตั้งแต่ที่ Daddy Issues ปรากฏให้เห็นบนสื่อโซเชียลฯ ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ บ่อยครั้งขึ้นคุณอาจเริ่มสงสัยว่า เรามีปมเรื่องพ่อแม่จนเป็นเหมือนตัวละครในเพลงนี้หรือเปล่า? ลองอ่านคำถามต่อไปนี้ แล้วดูว่าคุณตอบ ‘ใช่’ ไปกี่ข้อ? 

• ปรนนิบัติผู้อื่นเป็นนิสัย จนตัวเองต้องลำบากทั้งกายและใจ
• กลัวการอยู่คนเดียว จนยอมอยู่ในความสัมพันธ์ Toxic ดีกว่าไม่มีใครเลย
• ยอมเสี่ยงกับเซ็กซ์ที่รุนแรง แลกกับความรักความสนใจ

ถ้าคุณตอบว่า ‘ใช่’ เกือบทุกข้อ บางทีคุณอาจมีปมบางอย่างในใจที่ต้องได้รับการแก้ไข 

พ่อที่หายไป

I keep on tryin’ to let you go
I’m dyin’ to let you know
How I’m getting on
I didn’t cry when you left at first
But now that you’re dead it hurts
This time I gotta know
Where did my daddy go?
I’m not entirely here
Half of me has disappeared.

ผมยังคงพยายามที่จะปล่อยคุณไป
แต่ก็ยังอยากให้คุณรู้แทบตาย
ว่าผมเป็นอย่างไร
ผมไม่ได้คร่ำครวญในตอนที่คุณจากไป
แต่ในตอนนี้ที่คุณตาย
ผมจึงรู้ตัว
พ่อของผมอยู่ที่ไหน?
เสมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้
ครึ่งหนึ่งของผมอันตรธานหายไป

ท่อนบริดจ์นี้คงสามารถอธิบายความรู้สึกของเจสซีที่มีต่อพ่อได้เป็นอย่างดีและเห็นภาพมากที่สุด การที่พ่อของเขาจากไปแบบไม่มีวันกลับ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเขาได้หายไปเช่นกัน หรือในทางวิทยาศาสตร์อาจอธิบายได้ว่า ในร่างกายของเจสซีก็มีครึ่งหนึ่งที่มาจากพ่อ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป

ในบางครั้ง เด็กที่เติบโตมาพร้อมกับ Daddy Issues ก็มีสาเหตุมาจากความห่างเหินระหว่างลูกกับพ่อ ไม่ว่าด้วยการทำงานจนไม่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน การเสพติดอบายมุข การป่วย หรือแม้กระทั่งการตายจากไปในส่วนนี้จึงทำให้ลูก ๆ เกิดช่องว่างทางอารมณ์ จนอาจเกิดบาดแผลที่ถึงจะเล็กหรือใหญ่ก็ทิ้งรอยเอาไว้เช่นกัน

ระยะปรากฏ

ถึงแม้ว่ารอยแผลจาก Daddy Issues อาจไม่เห็นเป็นรูปธรรมตามร่างกาย แต่ภายในจิตใจของลูก ๆ ที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ก็มักจะถูกแสดงออกผ่านการสร้างความสัมพันธ์เชิงคู่รักในหลากหลายรูปแบบ 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไม่ยอมรับหรือไม่สามารถให้คุณค่ากับตัวเองและผู้อื่นได้อย่างสนิทใจ คุณจะคอยคิดว่าควรทำอย่างไรให้อีกฝ่ายพอใจ หรือพวกเขาจะทำอะไรให้คุณ นำไปสู่สาเหตุให้เกิดความไม่สบายใจ

หากเปรียบชีวิตเป็นเหมือนเชือกเส้นหนึ่ง เมื่อ Daddy Issues เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่คุณยังเป็นเด็ก การผูกเงื่อนเอาไว้ตั้งแต่ต้นเชือกจึงอาจทำให้ปลายเชือกสั้นลง เงื่อนแน่นเท่าไรก็ยิ่งแก้ยากเท่านั้น และหากปล่อยปมนั้นทิ้งไว้นานเกินไป จนหลงลืมที่จะกลับไปแก้มัน กว่าจะรู้ตัว ชีวิตก็คงดำเนินไปถึงสุดสายปลายเชือกแล้ว

คลายปม

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า การที่คุณมี Daddy Issues นั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบมันเพียงคนเดียว ‘พ่อ’ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลี้ยงดูคุณมา ควรเป็นผู้ช่วยและให้ความร่วมมือกับจิตแพทย์ในการคลายปมเหล่านั้นให้คุณ

หรือไม่คุณอาจลองใคร่ครวญว่าสิ่งที่ผ่านมาหรือกำลังเป็นอยู่นั้นคืออะไร ปล่อยให้ตัวเองได้เสียใจกับมันสักหน่อย แล้วค่อยเรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณ

 

ภาพ: Getty Images, Youtube

เรื่อง: กัญญาพัชร โสภณพิจิตรไพศาล 

อ้างอิง:

perspectivesoftroy

verywellmind

genius

songfacts

songmeaningsandfacts

thefamouspeople
 
 psy.chula

radio.callmefred