The Beatles - Now And Then : แล้วเราก็พบกันอีกครั้ง… ผลงานสุดท้ายของสี่เต่าทอง

“

ในวันที่เราเสียจอห์นไป พวกเราต่างรู้ดีว่าทุกอย่างมันจบแล้ว

”

 

มาถึงในวันนี้คงไม่ต้องมาบอกกล่าวกันอีกแล้วว่าใครคือ ‘เดอะบีเทิลส์’ (The Beatles) เพราะนับตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา หนึ่งในพลังแห่งการปฏิวัติทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากการผสานกันระหว่าง พอล แม็กคาร์ตนีย์ (Paul McCartney), จอห์น เลนนอน (John Lennon), จอร์จ แฮร์ริสัน (George Harrison), และ ริงโก สตาร์ (Ringo Starr) เพราะไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลทางดนตรีหรือความนิยมสุดคงกระพันก็เป็นบทพิสูจน์ที่แจ่มชัดแล้วว่า

 

สี่เต่าทอง เดอะบีเทิลส์ คือวงที่ดีที่สุดตลอดกาล

 

คอนเสิร์ตบนดาดฟ้าอันลือลั่นของสี่เต่าทองในปี 1969

 

อัลบั้ม Abbey Road (1970)

 

ถึงกระนั้น งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันที่จะต้องเลิกราเพราะผลงานสุดท้ายที่สี่เต่าทองร่วมมือกันฝากไว้คืองานสุดคลาสสิกอย่างอัลบั้ม ‘Abbey Road’ ในปี 1970 ก่อนจะตัดสินใจแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง เพราะความไม่ลงรอยกันในด้านของทิศทางการสร้างสรรค์งาน แต่แม้ว่าจะแยกย้ายกันไปก็หาใช่เรื่องน่าเศร้า เพราะแต่ละคนก็ล้วนไปสร้างตำนานในทางของตัวเองทั้งสิ้น

แต่แล้วในช่วงปลายปี 1980 เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น และมันถือเป็นจุดเปลี่ยนที่บอกเหล่าสมาชิกเดอะบีเทิลส์และแฟน ๆ ทุกคนว่า พวกเขาทั้งสี่จะไม่กลับมาเจอพร้อมหน้ากันอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะเกลียดกันเข้ากระดูกจนไม่อยากจะเห็นหน้า แต่เป็นเพราะการจากไปของ จอห์น เลนนอน จากการถูกยิงจนทำให้การแยกย้ายเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่มีทางใดที่จะหวนกลับคืนมาอีกแล้ว

จนกระทั่งปี 1994 ที่ความหวังใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น…

 

หรือเราจะพบกันอีกครั้ง?

24 ปีหลังจากเดอะบีเทิลส์ตัดสินใจแยกย้าย 14 ปีหลังจากหนึ่งในสมาชิกได้ลาลับ พอล จอร์จ และริงโกก็ตัดสินใจหวนกลับมาสร้างสรรค์ผลงานอย่างพร้อมหน้ากันอีกครั้ง แต่โจทย์สำคัญที่สุดที่ทั้งสามเต่าทองเห็นตรงกันอาจไม่ใช่แค่จะทำอะไรดี? แต่เป็นคำถามที่ว่า จะเป็นไปได้ไหม ถ้าพวกเขาจะดึงจอห์นกลับมาสู่การรียูเนียนครั้งนี้อีกครั้ง?

โยโกะ โอโนะ (Yoko Ono) ภรรยาของจอห์นครั้งที่เขามีชีวิตอยู่ คือบุคคลแรก ๆ ที่จอร์จยกหูไปหา เพื่อถามไถ่ว่าพอจะมีวัตถุดิบทางดนตรีของจอห์นหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ เผื่อว่าพวกเขาจะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่จากสิ่งที่จอห์นได้ทิ้งเอาไว้ โยโกะจึงได้ส่งเทปเดโมเพลง หนึ่งที่จอห์นได้อัดทิ้งไว้ด้วยเสียงร้องและการบรรเลงเปียโนโดยตัวเขาเอง และมีนามว่า ‘Now And Then’

ทันทีที่ได้ข่าวว่ามีเทปเดโมของจอห์นหลงเหลืออยู่ เต่าทองทั้งสามก็พากันตื่นเต้นกันอย่างมาก ที่จะได้ยินเสียงเพื่อนรักของพวกเขาอีกหลังจากผ่านไป 14 ปี ใครจะคิดว่าจะได้ร่วมร้องเพลงกับเขาอีกครั้ง หลังจากตัดสินใจแยกทางกันไปเมื่อ 24 ปีก่อน 

ริงโกย้อนบรรยายความรู้สึกที่เขามีตอนที่เดโมของจอห์นถูกเปิดในห้องอัดเป็นครั้งแรกเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนได้กลับมาเล่นดนตรีในห้องเดียวกับจอห์นอีกครั้ง และสิ่งนี้มันจึงก่อร่างสร้างตัวเป็นโปรเจกต์ที่ทุกคนหวังจะชุบชีวิตให้กลายเป็นเพลงฉบับสมบูรณ์ให้ได้

 

จอห์น เลนนอน, พอล แม็คคาร์ทนีย์, ริงโก สตาร์ และ จอร์จ แฮร์ริสัน

(จากซ้ายไปขวา)

คงจะเป็นไปไม่ได้…

ในวันที่เอาเดโมของเพื่อนกลับมาทำใหม่โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัว มันก็ทำให้พอลกลับมานั่งคิดว่า หากจอห์นยังนั่งอยู่ตรงนี้ และพอลเอ่ยถามเขาว่า “จอห์น แกอยากให้พวกฉันเอาเพลงสุดท้ายของแกมาทำให้เสร็จสมบูรณ์ไหมวะ?” พอลเล่าต่อว่าเขามั่นใจแบบสุด ๆ เลยว่าคำตอบที่เขาจะได้รับก็คือ “แน่สิวะ!” พอลรู้ว่าเพื่อนของเขาต้องภูมิใจในสิ่งนี้อย่างแน่นอน

 

โยโกะ โอโนะ, จอห์น เลนนอน, และ พอล แม็คคาร์ทนีย์

(จากซ้ายไปขวา)

 

แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางแห่งการชุบชีวิตเสียงของ จอห์น เลนนอน ในครั้งนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ว่า พอล จอร์จ ริงโก แถมยังเสริมทัพด้วย เจฟฟ์ ลินน์ (Jeff Lynne) แห่ง Electric Light Orchestra จะพากันสุมหัวหาทางที่จะแปรเปลี่ยนให้เทปเก่าชิ้นนี้มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีก็ตะโกนใส่หน้าพวกเขาอย่างชัดเจนว่า

 

“ฝันไปเถอะ!”

 

แม้ว่าแต่ละคนจะคิดสรรปั้นแต่งดนตรีต่าง ๆ ขึ้นมาอย่างมากมาย แต่เทคโนโลยีการแยกเสียงในสมัยนั้นก็ไม่สามารถแยกเสียงของจอห์นออกจากเสียงดนตรีที่เขาอัดมาพร้อม ๆ กันได้อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นว่าเมื่อพยายามที่จะเร่งเสียงของจอห์นขึ้น เสียงทั้งหมดก็จะถูกกลบด้วยเสียงเปียโนเสียหมด จนไม่สามารถนำเสียงจอห์นไปผสานรวมกับดนตรีอื่น ๆ ที่จะอัดเพิ่มไปได้เลย

วันแล้ววันเล่า ความหวังที่จะได้สะสางผลงานสุดท้ายให้จอห์นก็ยิ่งริบหรี่ลง ในขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นข้อเท็จจริงที่ย้ำเตือนกับพวกเขาว่า 

 

‘จอห์นจากไปแล้วจริง ๆ’

 

ในวันที่โปรเจกต์ในฝันของพวกเขาเริ่มเจอกับทางตัน ความสำคัญของบทเพลง Now And Then ก็ได้ถูกลดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ และพวกเขาแต่ละคนก็หันหน้าไปโฟกัสอย่างอื่นแทน และแม้ว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว เทปเสียงของจอห์นก็ไม่ได้ถูกหยิบกลับมาทำใหม่

ไฟในห้องสตูดิโอดับลง พอล จอร์จ และริงโกทยอยเดินออกจากห้อง และทิ้งบทเพลงสุดท้ายของจอห์น เลนนอน ไว้เช่นนั้น เพราะ ณ ตอนนี้พวกเขาคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว… แต่ไม่เป็นไร วันข้างหน้าเราอาจจะกลับมาทำมันใหม่ก็ได้… สักวันหนึ่งแหละมั้ง

 

จอร์จ แฮร์ริสัน

 

แต่แล้ว ในปี 2001 ไม่กี่ปีหลังจากวันที่สามเต่าทองเดินออกจากห้องอัด จอร์จ แฮร์ริสัน เต่าทองผู้เงียบขรึม ก็ได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง และการเสียชีวิตของจอร์จในครั้งนี้ ก็ยิ่งเปรียบเสมือนการตอกฝาโลงเพื่อยืนยันความเป็นไปไม่ได้และดับไฟความหวังในการชุบชีวิต Now And Then ไปมากกว่าเดิมเสียอีก

คงเป็นไปไม่ได้แล้ว… ที่พวกเราทั้งสี่จะพร้อมหน้ากัน… เป็นครั้งสุดท้าย...

 

หรือเปล่า?

 

‘Now And Then’ และเราก็พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

และแล้วสองทศวรรษก็ผ่านไป ในช่วงการขยับเข้าสู่ศตวรรษใหม่นี้ก็เต็มไปด้วยการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่ยากจะก้าวทัน โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 2020 ที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เมื่อ 10 ปีก่อน ผู้คนส่วนใหญ่ก็คงคาดไม่ถึง

ปีเตอร์ แจ็คสัน (Peter Jackson) ผู้กำกับเจ้าของผลงานฮอลลีวูด ผู้ถนัดและสนใจด้านการบูรณะสิ่งเก่าให้ใหม่ไฉไลกว่าเดิม ก็ได้มาทำภาพยนตร์สารคดี Get Back ที่เล่าถึงการเตรียมตัวของเดอะบีเทิลส์ไปสู่การเล่นคอนเสิร์ตบนดาดฟ้าครั้งสุดท้ายอันลือลั่น และสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้การนำเอาภาพเหตุการณ์มาตีแผ่ใหม่อย่างละเอียดก็คือเทคโนโลยีการบูรณะที่ติดมาด้วยนั่นเอง

 

 

 

ด้วยเทคโนโลยีการบูรณะ (Restoration Technology) ที่อำนวยให้เราสามารถแยกเสียงต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดตามใจนึก ทำให้พอลนึกขึ้นได้ว่ามีเทปเดโมหนึ่งของจอห์นที่พวกเขาเคยพยายามจะชุบชีวิตมันกลับมาให้ได้เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว หรือว่าในวันนี้คือวันที่เราพร้อมแล้วที่จะกลับมาทำมันอีกครั้ง?

พอลจึงได้คว้าเอาเทปเดโมฉบับต้นตำรับไปให้ทางทีมงานได้ลองนำไปเข้าสู่กระบวนการการแยกเสียงดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร พอลเล่าว่าพอพวกเขานำเพลงของจอห์นเข้าไปใส่ในระบบ เพียงเวลาไม่นาน ปาฏิหาริย์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เสียงจอห์นฉบับชัดแจ๋ว ปราศจากเสียงอื่นใดก็ก้องกังวานไปทั่วห้อง เปรียบเสมือนว่าจอห์นร้องมันด้วยตัวเอง ณ ตรงนั้น

ณ จุดนี้ พอลรู้ทันทีว่าเขาสามารถกลับไปสานต่อโปรเจกต์ที่เขาหยุดพักมากว่า 20 ปีได้แล้ว เขาจึงได้เริ่มดำเนินการอัดเสียงเบสเพื่อเตรียมการนำไปมิกซ์ใหม่อีกครั้ง พร้อมด้วยการโทรฯ หาริงโกเพื่อชวนมาสานต่อสิ่งที่ค้างไว้อีกครั้ง และความหวังที่เคยริบหรี่ก็กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง พอลและริงโกก็รุดหน้าอย่างเต็มกำลังที่จะบูรณะนำเพลงสุดท้ายที่พวกเขาจะได้บรรเลงร่วมกันกลับมาอีกครั้ง

และอย่างที่เราทราบกันว่าจอร์จจากไปแล้ว แต่ ณ ตอนนี้เรามีเสียงของจอห์น และดนตรีของพอลและริงโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วสำหรับจอร์จล่ะ?

ณ ตอนที่จอร์จยังอยู่ และทั้งสามก็พยายามจะบูรณะ Now And Then กลับมาอีกครั้ง จอร์จก็ได้อัดท่อนโซโล่ของเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นท่อนโซโล่ที่ใช้เทคนิคสไลด์กีตาร์ อันเป็นเอกลักษณ์เด่นของจอร์จ ด้วยเหตุนี้ Now And Then จึงไม่ได้เป็นเพลงที่กำเนิดขึ้นแด่จอห์นเพียงคนเดียวอีกต่อไป แต่มันยังรวมถึงจอร์จด้วย

และแล้วเดอะบีเทิลส์ก็พร้อมหน้ากันอีกครั้ง และแล้วมันก็เกิดเป็น Now And Then บทเพลงสุดท้ายจากสี่เต่าทองอย่างแท้จริง

Now And Then บทเพลงจากเดอะบีเทิลส์ แด่เดอะบีเทิลส์ และความทรงจำที่สวยงามตลอดมาและตลอดไป…

 

 

 

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง : The Beatles - Now And Then - The Last Beatles Song (Short Film) / Youtube