RENAISSANCE: A Film by Beyoncé: พื้นที่อิสระที่ ‘บียอนเซ่’ สร้างขึ้น ในโลกชายเป็นใหญ่

• แม้อัลบั้ม ‘RENAISSANCE’ จะทิ้งห่างจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘LEMONADE’ ถึง 6 ปี แต่กาลเวลาก็ไม่เคยทำให้ความนิยมในตัวบียอนเซ่ลดลงแม้แต่น้อย และเธอเองก็รู้ว่าแฟน ๆ ต่างรอคอยการกลับมาของเธอมากแค่ไหน ครั้งนี้เธอจึงไม่ได้กลับมาแค่อัลบั้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมภาพยนตร์ RENAISSANCE: A Film by Beyoncé
• ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำหน้าที่เป็นเหมือนพื้นที่ของความเป็นอิสระ ในโลกที่ถูกผู้ชายครอบงำมาอย่างยาวนาน เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร โดยไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน 

หลังประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์สารคดีเบื้องหลังโชว์สุดอลังการ ‘HOMECOMING: A Film by Beyoncé’ เมื่อปี 2019 ซึ่งได้ป่าวประกาศบอกโลกที่เคยจำกัดขอบเขตของคนดำเอาไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ ให้ได้รู้ว่า พวกเขาสามารถ ‘เป็น’ และ ‘ทำ’ ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้มากแค่ไหน และ ‘ความหลากหลาย’ คือสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้สวยงามเพียงใด 

ล่าสุดนักร้องตัวแม่อย่าง ‘บียอนเซ่’ ได้กลับมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกอีกครั้ง กับภาพยนตร์คอนเสิร์ต ‘RENAISSANCE: A Film by Beyoncé’ ที่เล่าถึงการเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของเธอ ตั้งแต่เริ่มเปิดฉากที่กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน จนถึงการปิดฉากลงอย่างงดงามที่เมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา

การกลับมาอีกครั้งของ A Film by Beyoncé

แม้อัลบั้ม ‘RENAISSANCE’ จะทิ้งห่างจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘LEMONADE’ ถึง 6 ปี แต่กาลเวลาก็ไม่เคยทำให้ความนิยมในตัวบียอนเซ่ลดลงแม้แต่น้อย และเธอเองก็รู้ว่าแฟน ๆ ต่างรอคอยการกลับมาของเธอมากแค่ไหน ครั้งนี้เธอจึงไม่ได้กลับมาแค่อัลบั้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมภาพยนตร์ RENAISSANCE: A Film by Beyoncé ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของการมีส่วนร่วมในโปรดักชัน การทำงานอย่างหนัก และความตั้งใจของเธอ ที่เผยผลลัพธ์ออกมาเป็นโชว์และเพลงสุดอลังการเสมอมา 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ‘Parkwood Entertainment’ ต้นสังกัดของเธอกับ ‘AMC’ เครือโรงภาพยนตร์ใหญ่ เริ่มเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2023 (เข้าฉายในประเทศไทย วันที่ 21 ธันวาคม 2023) โดยจะทำหน้าที่เป็นเหมือนพื้นที่ของความเป็นอิสระ ในโลกที่ถูกผู้ชายครอบงำมาอย่างยาวนาน เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร โดยไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน 

BEYCHELLA

ย้อนไปเมื่อปี 2018 บียอนเซ่ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เทศกาลดนตรี ‘โคเชลลา’ (Coachella) จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #BEYCHELLA เนื่องจากเธอเป็นนักร้องหญิงผิวดำคนแรกที่ได้ขึ้นแสดงเปิดงานเทศกาลดนตรีโคเชลลา ซึ่งเธอก็ไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้ในการส่งสารที่ทรงพลังและแฝงไปด้วยนัยของการต่อสู้ทางวัฒนธรรมของคนผิวดำ 

หลังจากนั้น ควีนบีก็ได้ปล่อยภาพยนตร์ HOMECOMING: A Film by Beyoncé บอกเล่าเรื่องราวการแสดงก่อนจะมาเป็นโชว์สุดยิ่งใหญ่ในเทศกาลโคเชลลา รวมถึงการเผยตัวตนของเธอในบทบาทต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการเป็นศิลปิน

‘ควีนบี’ ผู้สร้างพื้นที่อิสระให้ ‘ผู้หญิง’ 

บียอนเซ่เป็นผู้หญิงอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา ที่ใช้ความเป็นศิลปินในการขับเคลื่อนแนวคิดต่าง ๆ ผ่านบทเพลงและโชว์ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายทั่วโลก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับความเป็นผู้หญิง ท่ามกลางโลกดนตรีที่ถูกครอบงำด้วยระบบปิตาธิปไตย 

เธอเคยกล่าวไว้ว่า “แทบไม่น่าเชื่อว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉันคือผู้หญิงอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาคนแรกที่ได้ร้องเปิดในงานโคเชลลา มันจึงสำคัญสำหรับฉัน ที่ได้ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาอยู่บนเวทีกับเราด้วย 

ในฐานะผู้หญิงผิวดำคนหนึ่ง ฉันเคยรู้สึกว่าโลกนี้อยากให้ฉันอยู่แต่ในกล่องใบเล็ก ๆ ผู้หญิงผิวดำหลายคนมักรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูก ฉันอยากให้พวกเราภูมิใจไม่เพียงแต่กับการแสดงนี้ แต่จงภูมิใจในทุกกระบวนการของมัน ภูมิใจในการดิ้นรนต่อสู้ ขอบคุณสิ่งอันสวยงามที่มาพร้อมกับอดีตแสนเจ็บปวด ยินดีกับความไม่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่บกพร่องเหล่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ฉันอยากให้ทุกคนรู้สึกยินดีกับรูปร่างของตัวเอง เราสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย ที่ที่พวกเราไม่ถูกลดทอนความสำคัญ” 

เธอยังได้คัดเลือกทีมงานที่จะขึ้นไปแสดงกับเธอบนเวทีโคเชลลา เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนผิวดำและครอบครัวของพวกเขา ที่ได้มีโอกาสขึ้นแสดงกับศิลปินผู้ทรงพลังอย่างเธอ ทำให้คนผิวดำจำนวนมากรู้สึกภูมิใจในความเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา 

และเพราะความแตกต่างหลากหลายได้เพิ่มความงดงามให้กับโลกใบนี้ เราจึงควรสร้างพื้นที่ให้กับความหลากหลาย ไม่เฉพาะคนผิวดำ แต่ยังรวมถึง ‘ผู้หญิง’ ทุกคน 

“มันง่ายมาก สำหรับคำว่าเฟมินิสต์ ฉันเชื่อในสิทธิที่เท่าเทียมกันทั้งชายและหญิง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องยกเว้นเพศตรงข้าม หากคุณเป็นผู้ชายที่เชื่อว่าลูกสาวควรมีโอกาสและสิทธิเช่นเดียวกับลูกชาย นั่นก็แปลว่าคุณเป็นเฟมินิสต์” 

เธอพยายามสร้างพลังให้กับผู้หญิงทั่วโลก ด้วยการอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า การสนับสนุนเฟมินิสต์ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงจะต้องยิ่งใหญ่กว่าผู้ชาย หรือจะต้องมีใครยิ่งใหญ่กว่าใคร แต่มันคือพื้นที่ของความเท่าเทียมกันจริง ๆ 

เมื่อ ‘บียอนเซ่’ กลายเป็น ‘คุณแม่’ 

บียอนเซ่ก้าวเข้าสู่บทบาทของความเป็นแม่ตั้งแต่ปี 2012 หลังให้กำเนิดลูกสาว และอีกครั้งในปี 2017 หลังจากให้กำเนิดลูกแฝดชาย โดยในระหว่างที่เธอตั้งครรภ์ลูกแฝดอยู่นั้น เธอต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ 

“ร่างกายของฉันต้องผ่านศึกหนักอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ฉันต้องเผชิญการตั้งครรภ์ที่ยากลำบาก ลูกคนหนึ่งของฉันหัวใจหยุดเต้นไปถึง 2 - 3 ครั้ง นั่นทำให้ฉันต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน” 

หลังจากคลอดลูก เธอกลับขึ้นเวทีอีกครั้งในงานโคเชลลาปี 2018 และระหว่างซ้อม เธอเปิดเผยว่า 

“ร่างกายของฉันไม่ใช่ของฉันอีกต่อไป ฉันต้องฟื้นฟูร่างกายตัวเองหลังคลอด ฉันต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงรู้สึกมั่นใจมากพอและกลับมาเป็นตัวเอง สิ่งที่ไม่มีใครได้เห็นคือการเสียสละ หลังซ้อมเสร็จฉันจะไปให้นมลูก ๆ วันไหนที่ทำได้ฉันก็จะพาลูก ๆ มาด้วย ฉันเป็นคนใหม่ในบทใหม่ การที่ลูก ๆ ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลง มันเป็นสิ่งที่งดงามมาก” 

ไม่เพียงความเจ็บปวดทางร่างกายและปัญหาสุขภาพในระหว่างตั้งครรภ์ เธอยังเจอกับปัญหารูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปหลังตั้งครรภ์ เธอพยายามอย่างหนักหลังจากคลอดลูกสาวคนแรกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมตามความคาดหวังของสังคมที่กดดันให้ผู้หญิงมีรูปร่างตามมาตรฐานสังคม 

แต่สุดท้าย เธอได้เรียนรู้ว่าเธอควรจะใจดีกับตัวเอง

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า เธอเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นเดียวกับผู้หญิงหลายคนทั่วโลก แต่ถึงกระนั้นเมื่อเธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นและกลายมาเป็นคนใหม่ เธอก็ไม่ลืมที่จะส่งต่อพลังอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับผู้หญิงและแม่ทุกคนบนโลก 

COZY

หากจะปิดฉากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดด้วยเพลงในอัลบั้ม RENAISSANCE เพลงที่เหมาะสมที่สุดหนีไม่พ้นเพลง ‘COZY’ 

so cozy
I love me
They hate me
Because they want me 
(I’m dark brown, dark skin, light skin, beige) 
(Fluorescent beige, bxxxh, I’m black)

ในเพลงนี้ควีนบีของเราได้สะท้อนถึงความรักที่มีให้กับตัวเอง ความสบายใจ ความพอใจในการเป็นตนเอง ไม่ว่าจะมีสีผิวอย่างไร เรือนร่างแบบไหน และได้พูดถึงเฉดสีอื่น ๆ ซึ่งอาจหมายถึง LGBTQ+ ดังที่นักวิจารณ์บอกว่า อัลบั้ม RENAISSANCE  เป็นเครื่องบรรณาการให้กับชาว LGBTQ+ ผิวดำ 

ขณะที่บียอนเซ่เผยว่าเธออุทิศอัลบั้มนี้ให้กับลุงของเธอที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ 

ท้ายที่สุด RENAISSANCE คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากพื้นที่อิสระ หรือพื้นที่ปลอดภัยที่ปราศจากคำตัดสินของผู้อื่น นำไปสู่การยอมรับและความเท่าเทียมแก่ชนทุกกลุ่ม โดยมีกลุ่ม LGBTQ+ ผิวดำ เป็นหัวหอก 

 

เรื่อง : นิภาภรณ์ แพงจำปา (The People Junior)
ภาพ : อินสตาแกรม Beyoncé 

อ้างอิง : 
Beyoncé Concert Movie Box Office: ‘Renaissance’ Eyes $20M+ Opening - Deadline
How Beyoncé Made History With Her Coachella Performance (biography.com)
Times Beyoncé proved she's an average mom just like us | MamasLatinas.com
https://www.wmagazine.com/.../oasis-music-festival-morocco
Beyoncé announces Renaissance world tour concert film | Beyoncé | The Guardian