ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

‘ครูเจด้า’ อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง นักออกแบบท่าเต้นที่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะท่าเต้นจะดังหรือไม่ดัง ขึ้นอยู่กับความสนุกของคนออกแบบ

KEY

POINTS

  • ‘ครูเจด้า’ อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง ผู้อยู่เบื้องหลังท่าเต้นให้ TRINITY และเป็นอดีตแดนเซอร์ของพี่เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ 
  • เธอเคยได้รับรางวัล ‘MAMA’ (Mnet Asian Music Awards) สาขา The Best Choreographer of the Year และเป็น 1 ใน 8 กรรมการเวที International World Championship
  • แก่นสำคัญของการออกแบบท่าเต้นสไตล์ครูเจด้า คือ ความสนุก ที่ทำให้ศิลปินโดดเด่นและใช้ท่าเต้นเป็นสัญลักษณ์ของเพลงนั้น ๆ

‘ครูเจด้า’ อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง คือ อดีตแดนเซอร์ของมอส ปฏิภาณ, เจ เจตริน และเป็นแดนเซอร์หญิงผู้อยู่ข้างหลังและข้าง ๆ ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลอย่าง ‘พี่เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์’

จากแดนเซอร์เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคุณครู เจ้าของสตูดิโอ ‘Harlem Shake’ จนถึงวันนี้ที่เธอควบตำแหน่ง ‘นักออกแบบท่าเต้น’ ให้ศิลปินหน้าใหม่

เพราะ ‘ท่าเต้น’ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราจำศิลปินได้ และจำเพลงนั้นได้

แล้วใจความสำคัญของการเต้น คือ ‘ความสนุก’ คำสั้น ๆ ที่ครูเจด้า - อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง Executive Vice President of BLKGEM และเจ้าของสตูดิโอ Harlem Shake พูดหลายครั้งตลอด 1 ชั่วโมง 22 นาทีของการสัมภาษณ์กับ The People

เพราะเธอบอกว่า “ท่าที่ออกแบบจะดังหรือไม่ดัง ขึ้นอยู่กับเพลง และความสนุกของคนออกแบบ”

เส้นทาง 20 ปีที่ผ่านมา และทุกคำตอบการสัมภาษณ์ว่า ผู้หญิงที่ชื่อ ‘เจด้า’ ไม่มีอะไรที่เธอรัก อิน และสนุกไปมากกว่า ‘การเต้น’ อีกแล้ว

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

เด็กนาฏศิลป์ที่อยู่ในสายเอนเตอร์เทนเมนต์ 

ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงไทย วัยเด็กครูเจด้าเป็นเด็กสายกิจกรรม รำสวย เข้าตาครูจนถูกแนะนำให้ไปเข้าเรียนชั้นมัธยมที่วิทยาลัยนาฏศิลป์

แทนที่จะเรียนรำเหมือนที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เธอกลับเลือกเรียน ‘บัลเลต์’ แม้จะยังไม่รู้นิยามความหมาย แต่ครูเจด้าก็ตั้งใจสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติเข้ามาได้สำเร็จ 

โอกาสการเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ไม่ใช่แค่การต่อยอดศิลปะการแสดงของตัวเองเท่านั้น แต่เป็นโอกาสที่เธอจะได้เจอแมวมองที่คัดเลือกแดนเซอร์ไปประดับวงการเพลงและวงการบันเทิงไทย

ด้วยความสามารถที่โดดเด่น พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลงานก็ถูกใจแมวมอง ครูเจด้าจึงได้รับเลือกเป็นหนึ่งในแดนเซอร์ของ ‘มอส ปฏิภาณ’ ในวันที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอค้นพบเสน่ห์การเต้นในอีกแง่มุมหนึ่ง 

“บัลเลต์กับการเป็นแดนเซอร์ รากฐานคือการจัดระเบียบร่างกาย บัลเลต์มันมีรูปแบบ ต้องไปยืนที่บาร์ก่อน แล้วเธอต้องเต้นบาร์ไปสักหนึ่งชั่วโมงก็หนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วเธอกลับมาที่เซ็นเตอร์เธอต้องหมุนได้ แต่ว่าการเต้นแบบ entertainment ต้อง participate กับคน เป็นการเต้นแบบเสริมดนตรี เสริมศิลปิน ให้มันดี สนุก และน่าสนใจขึ้น”

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

หลังจากนั้น เธอก็ได้รับเลือกเป็นแดนเซอร์เอ็กซ์ตร้าให้กับศิลปินตัวท็อปอีกหลายคน เช่น ยุ้ย ญาติเยอะ, เจ เจตริน และซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลอย่าง ‘เบิร์ด ธงไชย’

ได้รับเลือกให้เป็นแดนเซอร์ประกอบหรือเรียกว่าเอ็กซ์ตร้า ในคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ด เต้นอยู่ข้างหลังพี่เบิร์ด แล้วก็มาได้เต้นข้างพี่เบิร์ดหลายปีมาก ๆ ขณะที่ยังทํางานกับแกรมมี่

“ตอนที่ได้เป็นเอ็กซ์ตร้า ดีใจมาก เพราะรู้สึกว่าพี่เบิร์ดคือซูเปอร์สตาร์ระดับประเทศ ไม่มีใครเทียบได้ แล้วก็ไกลตัวมาก แต่วันที่ได้มีโอกาสมาเป็นข้างหลังจริง ๆ เป็นแดนเซอร์ตัวเมน รู้สึกว่าเฮ้ยเรามีวันนี้ได้ยังไงนะ เพราะเราดูพี่ ๆ แดนเซอร์ที่มาจากนาฏศิลป์ในทีวีตอนเด็ก แล้วเรารู้สึกว่าโหพี่เขาสวยมากเลย มันรู้สึกเกินฝัน” 

แดนเซอร์ที่อยู่ข้างหลัง ทำสิ่งที่ตัวเองรัก

ถึงเส้นทางการเป็นแดนเซอร์จะไปได้ดี แต่ด้วยความสามารถของครูเจด้า ก็ทำให้เธอถูกชักชวนไปทำงานเบื้องหน้าอยู่บ้าง 

เริ่มจากการเป็นนางเอกของ ‘โอ๋ ฐาปกรณ์’ มาจนถึงความฝันที่ใกล้ที่สุด คือ การเกือบได้เป็น ‘China Dolls’

การได้ไปลองผิดลองถูกเป็นประสบการณ์ในชีวิตของครูเจด้าก็จริง แต่เธอกลับไม่อินกับการแสดง ไม่ได้สนุกกับการร้องเพลงขนาดนั้น ครูเจด้าจึงกลับมาทบทวนทุกเรื่องราว ทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต และดูว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เธอรักและอยากทำจริง ๆ 

“เราไปปรึกษาผู้ใหญ่ พี่อู๋ (เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี) เขาก็บอกว่า บางทีคนเราก็อาจจะเหมาะอยู่ข้างหลังมากกว่าข้างหน้า แล้วเราก็มาคิดว่าขอเลือกสิ่งที่มั่นใจและสิ่งที่รักจริง ๆ ก็เลยเป็นการตัดสินใจว่า ไม่เดินสายที่เป็นข้างหน้า เราก็เลือกที่จะเป็นซัพพอร์ตแดนเซอร์อยู่ข้างหลังมาตลอด 

“สุดท้ายแล้ว ยังมั่นใจที่เลือกเรื่องเต้น แล้วทําให้ทุกคนเห็นว่า วันนี้ที่มีก็เป็นเพราะวันนั้นทุกคนคิดว่าทําไมปล่อยโอกาส แต่โอกาสนั้นที่เราไม่เลือกแล้วเราใช้เวลาถึงวันนี้ มันคือคําตอบที่ทําให้ทุกคนเห็นว่า เพราะว่าเราเลือกสิ่งที่เรามั่นใจ แล้วเรารักจริง ๆ”

คำตอบในวันนั้น คือ เธอยังสนุกกับการเต้นและการแสดงมากกว่างานไหน ๆ ความมั่นใจในการทำงานนี้ก็เพิ่มสูงขึ้น

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

“เราชอบความเป็นตัวเอง การแสดงมันสนุก แต่มันไม่สนุกตรงที่มันเปลี่ยนบทบาทไปเรื่อย ๆ แล้วเราไม่เป็นตัวเอง ทุกอย่างมันไม่ใช่ตัวตน แต่การเต้น ทุกครั้งที่อยู่บน stage เรามีความสุขมากในการ perform ต่อให้เราเป็น Backup ศิลปิน ก็รู้สึกว่าเราโดดเด่น และ shine”

นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมครูเจด้าถึงชอบและรักการเต้น อยู่ในวงการ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังท่าเต้นของศิลปินมานานถึง 20 ปี 

ครูที่เชื่อในการ ‘สร้างคน’ 

เมื่อการเป็นแดนเซอร์อยู่ตัวและได้ลองออกแบบท่าเต้นให้ศิลปินบ้าง ชื่อของผู้หญิงที่ชื่อ ‘เจด้า’ ในฐานะนักเต้น เริ่มโด่งดังขึ้น ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องที่อยากจะลองเรียนกับเธอคนนี้สักครั้ง

จึงเป็นที่มาของการเริ่มเป็น ‘ครูสอนเต้น’ จากคนที่สื่อสารไม่เก่ง ขี้อาย การเข้ามารับบทครูที่ต้องพูดกับนักเรียนตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย 

“ตอนนั้นหนักใจ เพราะเราไม่ถนัดเรื่องการสื่อสาร แต่โชคดีที่คนชอบสไตล์หรือชอบความเป็นตัวเรา ฉันอยากเต้นเหมือนพี่คนนี้ เลยเป็นที่มาของการอยากเป็นครู แต่วันเวลาผ่านไป เราอยากเป็นครูที่ดีก็เลยต้องฝึกในการที่ฟังแล้วคิดก่อนที่จะพูด ทําอย่างไรให้นักเรียนทําได้ในแบบที่เราอยากชี้นํา อันนี้เป็นอีกขั้นหนึ่งในเรื่องการเต้น”

เพราะการสอนสไตล์ครูเจด้า ไม่ใช่แค่ทำให้เหมือน แต่ต้องเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของทุกการเคลื่อนไหวด้วย 

รู้สึกอย่างไร ทำไมต้องทำ ความรู้สึกของแต่ละการขยับร่างกายหมายถึงอะไร คือความท้าทายและบทเรียนในคลาสเต้นของครูเจด้า

“สอนเต้น ไม่ใช่แค่เต้นได้ เราจะบอกเขาอย่างไรว่า ถ้าจะเต้นท่านี้ สะบัดแล้วมากอดตัวเอง ทำไมต้องสะบัด เขาอาจจะทำได้ แต่ถ้าเกิดเราต้องการจะให้เขาเป็นนักเต้นที่ดี เราต้องบอกเขาว่า การสะบัด เรารู้สึกอะไร กอดแล้วรู้สึกอะไร เปรียบเทียบกับอะไร”

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

วันนี้ครูเจด้าคือเจ้าของโรงเรียนสอนเต้น ‘Harlem Shake’ ผลิตนักเต้นและศิลปินไปขับเคลื่อนวงการเต้นของไทย เพราะหัวใจสำคัญคือเธอเชื่อในการ ‘สร้างคน’

“งานสอนคือการสร้างคน ในการสร้างคน เรารัก เราเห็นคนทำได้ หรือสําเร็จแบบที่เราวางภาพไว้หรือเราเห็น ก็เลยทําให้เปิดสตูดิโอ Harlem Shake”

ปัจจุบัน Harlem Shake เดินทางมา 15 ปี ผลิตบุคคลทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ความรู้สึกของครูเจด้า ไม่มีอะไรไปมากกว่า ‘ภูมิใจ’ 

“สิ่งที่ Harlem Shake เดินมา มันเป็นจุดที่น่าภูมิใจมาก ๆ ใน 15 ปี สร้างทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และประสบความสําเร็จจริง”

‘ท่าเต้น’ หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้เพลงสมบูรณ์

อีกหนึ่งบทบาทของครูเจด้า คือ การเป็นนักออกแบบท่าเต้น

และ ‘ท่าเต้น’ จะช่วยให้เพลงเพลงหนึ่งสมบูรณ์มากขึ้น ส่งให้ศิลปินเฉิดฉาย แต่ครูเจด้าบอกว่า สำหรับนักออกแบบท่าเต้น อินเนอร์และความสนุกสำคัญที่สุด 

ครูเจด้ายกตัวอย่าง ท่าเต้นเพลง ‘แน่นอก’ ที่เธอเป็นคนออกแบบท่าจนกลายเป็นไวรัลในปี 2556  ท่าเต้นที่ไม่ได้คิดว่าจะทัชใจคน แต่ทุกอย่างเกิดจากความรู้สึกของเธอที่เกิดขึ้นระหว่างฟังเพลง

“ตอนทําเราสนุก ความสนุกมันทําให้มัน touch กับดนตรีแล้วทําให้เกิดท่าที่ดี เพราะฉะนั้น ท่าเต้นมันเสริมเพลง เสริมดนตรีท่อนนั้น ๆ เพลงแน่นอก มีแค่ sound นั้น  ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด แล้วคนเดาไม่ได้ว่าต้องเต้นอะไร มันก็จะอยู่ในผับ แล้วทุกคนก็เต้น เต้นไป แต่พอมันถูกออกแบบท่าเต้น มันทําให้ท่านั้นเป็นท่าจําของ sound นั้น”

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

ไม่เพียงแค่ท่าเต้น แต่การมีอยู่ของแดนเซอร์ ทำให้การแสดงนั้นกลมกล่อมขึ้น สนุกขึ้น และทำให้ศิลปินเปล่งประกายมากขึ้น เป็นภาพที่จะประทับลงในใจของผู้ชม

“ถ้าเต้นหนึ่งคน เต้นคนเดียวเหงา ๆ พอมีหลายคนอยู่ตรงกลาง มันดูสนุกขึ้น หรือแม้กระทั่งศิลปินร้องท่อนแรกกับไมค์คนเดียว จะไม่รู้สึกเท่ามีแดนเซอร์ห่อ มันทําให้เป็นภาพจํามากขึ้น เพราะฉะนั้น ท่าเต้นหรือเพอร์ฟอร์แมนซ์สําคัญมากกับเอนเตอร์เทนเมนต์”

ขณะเดียวกัน ไม่ต้องห่วงว่าท่าเต้นที่ออกแบบไปจะไม่ดัง แต่ครูเจด้าอยากให้ใช้ความสนุกสู้กับความกังวลว่า ท่าเต้นนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่

“เวลายิ่งคิด มันยิ่งยากที่จะสําเร็จ มันต้องรู้สึกมากกว่าคิด ทุกวันนี้ ทุกคนอยากได้ท่าเต้นใน TikTok ให้คนทําตาม อันนี้เป็นโจทย์ แต่ท่าจะดังหรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับเพลงด้วยส่วนหนึ่ง แล้วก็ความสนุกของคนออกแบบ”

เพราะทุกคนต่างมีช่วงและจังหวะเวลาของตัวเอง การที่เพลงเพลงหนึ่งจะได้รับความนิยม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าเต้น แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งท่าเต้น เพลง ดนตรี อินเนอร์ของศิลปิน และอีกหลายๆ เรื่องที่หล่อหลอมเป็นบรรยากาศโดยรวมของเพลงที่ส่งตรงถึงใจคนฟัง 

ดังนั้น โปรดให้กำลังใจตัวเองและ ‘อย่ายอมแพ้’

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

 

Don’t give up

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากบอกนักเต้นรุ่นใหม่ คำตอบของครูเจด้า คือ ‘Don’t give up’

เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้เวลาทุ่มเทให้กับการเต้นมานานหลายปีกว่าท่าของเธอจะเฉิดฉายและดังขึ้นมาจากเพลง ‘แน่นอก’

เพราะหลาย ๆ ครั้ง นักเต้นหมดไฟไปกับความต้องการลูกค้า เราอยากใส่ท่าเต้นนี้ แต่ลูกค้าอาจมองว่าอีกท่าหนึ่งหรือการแสดงอีกรูปแบบนั้นตอบโจทย์สินค้าหรือเพลงนั้น ๆ 

คำแนะนำของครูเจด้า คือ ไม่มีสิ่งไหนถูกต้องที่สุด แต่เราต้องหาจุดความสุข จุดที่เรายังสนุกกับงานนั้น ๆ ให้ได้ 

“เวลาที่คนจะยอมแพ้ มันมาจากที่เราคิดว่าของเราดีแล้ว ทําไมเขาไม่เลือก ทําไมมาเปลี่ยนฉัน ซึ่งอันนี้เราต้องสู้กับตัวเอง แล้วต้องบอกเลยว่า เที่ยวบินของการทํางานจะให้รู้ว่า มันไม่มีอะไรหรอกที่ถูกทั้งหมด ทําทุกวันให้ดี ทําไปเดี๋ยววันนั้นมันมาถึงเอง เพราะว่าสิ่งที่มันจะทําให้งานสําเร็จไม่ใช่แค่เรื่องท่าเต้น 

“ด้วยความเป็น Professional บางทีเราอาจจะไม่ได้มีความสุขในทุกเพลงที่เราได้รับโจทย์ แต่เราต้องหาแกนของแต่ละงานให้เราทําแล้วมีความสุขให้ได้ แล้วทําไปโดยไม่ต้องคาดหวังว่าท่าเต้นนี้จะดัง หรืองานนี้จะดัง เพราะเราตั้งใจมาก เพราะวันที่มันจะดัง มันเป็น timing ของแต่ละคนที่เราไม่รู้เลย”

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ
ถึงจะดูเป็นคำพูดซ้ำ ๆ ที่ใครหลายคนเคยบอกไว้ แต่ครูเจด้าเชื่อว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน และสนุกกับงานที่ทำ

“ทําให้ทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุด ให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่รักจริง ๆ แล้วเราจะใช้สิ่งที่รักดํารงชีวิต สร้างอาชีพเลี้ยงตัวเองในระยะยาว ต้องอยู่กับมันแบบมีความสุข อย่าคาดหวัง วันหนึ่งจะเป็นวันของคุณ เพราะไทม์มิ่งของแต่ละคน ไม่มีใครรู้ว่า จะมาวันไหนที่เป็นวันที่สําเร็จ”

ที่ทางของนักเต้นไทยในเวทีโลก

ปี 2016 ครูเจด้าเป็นนักเต้นไทยที่เดินขึ้นรับรางวัลจากเวที ‘MAMA’ (Mnet Asian Music Awards) สาขา The Best Choreographer of the Year

มากกว่านั้น เธอคือนักเต้นไทยที่ได้นั่งเก้าอี้กรรมการ International World Championship เวทีการแข่งขันที่ไม่ต่างจากการแข่งโอลิมปิกสาขา HipHop

นี่อาจเป็นสิ่งที่การันตีว่า คนไทยเก่งและมีที่ยืนบนเวทีโลก

เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เธอที่ได้ไปยืนอยู่บนเวทีระดับสากล ครูเจด้าบอกว่า คนไทยได้แชมป์โลกรุ่น Junior แบบ Mega Crew มาแล้วหลายครั้ง ถือเป็นภาพสะท้อนว่า คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

หากมองในสายตานักเต้นด้วยกัน เธอมองว่าคนไทยเก่งเรื่องทักษะ แต่เราจำเป็นต้องพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น เพราะความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เกิดภาพจำและสร้างความประทับใจให้ผู้ชม 

“Creativity จะทําให้ศิลปะมีเสน่ห์ หรือมีภาพจํา น่าจดจํา น่าประทับใจ จะทําให้มีจุดแตกต่าง เพราะฉะนั้น คนไทยมีสกิลและมาตรฐานที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้าถูกการฝึกฝนอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอเหมือนนักกีฬา แต่ Creativity เป็นสิ่งที่คนไทยต้องพัฒนา เราจะชนะทุกคนได้ในเรื่องของศาสตร์ของศิลปะ”

ครูเจด้าบอกว่า 5 ปีข้างหน้า วงการนักเต้นไทยจะได้รับความนิยมมากขึ้น สามารถอยู่บนเวทีโลกได้ และจะไปได้ไกลกว่านี้มาก ๆ ถ้ามีคนสนับสนุนอยู่ข้างหลัง

“ตอนนี้ วงการเต้นบูมมาก ๆ เริ่มมีการคัฟเวอร์ท่าเต้นเพลงไทยมากขึ้น ทุกอย่างต้องมีศาสตร์การเต้น ถ้าวันนี้เต้นไม่ได้ ก็ไม่ได้ถูกเลือกง่าย ๆ ตอนนี้ เพราะฉะนั้นทุกวันที่เราทําเหมือนกับโทรศัพท์ต้องพัฒนาทุกปี ไม่มีอะไรอยู่กับที่ เพราะฉะนั้นอีก 5 ปี แน่นอนว่ามันไปไกลขึ้นเยอะ แต่จะไปได้ไกลและแข็งแรงขึ้นมากยิ่งขึ้น ถ้าเกิดทุกภาครัฐของประเทศไทยสนับสนุน”
ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

ในฐานะคนทำงาน ครูเจด้ามองว่า การเต้นคือส่วนหนึ่งของธุรกิจบันเทิง (Entertainment Business) เป็นอาชีพสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งเรื่องโอกาสและพื้นที่

“วันนี้ทุกคนอยากเป็นศิลปินหรืออยากไปอยู่ข้างหน้า ต้องมาเรียนจากสถานที่เอกชน มันไม่ได้อยู่ในศาสตร์การเรียนตั้งแต่ต้น ในประเทศที่เจริญแล้ว มันเป็นสายอาชีพที่คนสามารถเรียนได้จริง

“แล้วส่วนใหญ่คนที่จะมาตรงนี้ ต้องเป็นคนที่มี passion มีความรัก ฝึกฝนเอง เดินเข้าไปหาในจุดที่เขาคิดว่าที่นี่จะช่วยเขาได้ แต่มันยังไม่ได้สนับสนุนแบบ public ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ที่รักการเต้น รักวงการศิลปิน จะเดินมาที่นี่ได้” 

สุดท้าย นักเต้นไทยคือตัวละครลับ ผู้ขับเคลื่อนวงการเพลง วงการศิลปิน วงการการแสดงไทยให้ก้าวไปข้างหน้าในอนาคต

‘BLKGEM’ สถาบันเจียระไนคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

ทุกวันนี้ หากต้องการเป็นศิลปิน แค่มีทักษะดนตรี ร้องเพลงได้ เต้นได้ ไม่พอ แต่ศิลปินวันนี้ต้องมีเอกลักษณ์ในแบบตัวเองที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ 

“ความสําเร็จของศิลปินคนหนึ่ง มันมาจากความ unique talent ของเขาที่แตกต่าง บวกกับการฝึกซ้อมที่ทําให้มาตรฐานในความเป็นศิลปินของคนนั้นมีความ stable แล้วเป็นที่ยอมรับระดับสากลได้” 

จึงเป็นที่มา ‘BLKGEM’ (แบล็คเจ็ม) สถาบันเตรียมบุคลากรที่จะกลายเป็นดาวดวงใหม่ในฐานะคนเบื้องหน้า และคนเก่งมากความสามารถในฐานะคนเบื้องหลัง

“ถ้าเราจะทําสถาบันที่สร้างคนได้จริง จากคนที่ทำงานข้างหลังจริง แล้วเอาประสบการณ์ทั้งหมดมารวมกันเป็นคลังความรู้ พัฒนาให้กับคนที่อยากเดินทาง Entertainment Business ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ให้ไปได้ไกล คงต้องเริ่มจากเรา” 

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

สถาบันแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของ Harlem Shake และ GMM Music ทำหน้าที่เป็นเหมือนเจียระไนเพชรเม็ดงาม ดึงจุดเด่นของคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพก่อนจะเข้าสู่วงการเต็มตัวจากคุณครูผู้มีประสบการณ์มากว่า 40 ชีวิต

“BLKGEM แปลว่าอัญมณีสีดํา เราตั้งชื่อเพราะอยากให้ที่นี่เป็นที่เจียระไนอัญมณีที่หลากสีหลากสไตล์ของประเทศ ในศาสตร์ของวิทยาศาสตร์เมื่อทุกสีมารวมกันจะกลายเป็นสีดํา เพราะฉะนั้นเราต้องการที่จะเจียระไนทุกคนที่รู้ว่าตัวเองรักอะไร ชอบอะไร ให้เขาเป็นศิลปินเวอร์ชันที่ดีที่สุดก่อนที่จะเดบิวต์ให้กับค่ายเพลง สร้างคนเบื้องหลังสู่เบื้องหน้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล”

ถึงเพชรเม็ดงามในวงการบันเทิงไทย

ศิลปินหน้าใหม่มีมากขึ้น เด็ก ๆ ฝันอยากเป็นศิลปิน แต่สิ่งสำคัญที่ครูเจด้าบอก คือ ทุกคนต้องรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ยึดสิ่งนั้นไว้ให้มั่น แล้วเดินหน้าต่อ

เริ่มจากมองหาพื้นที่ที่จะทำให้เราเก่งขึ้น ลองไปสัมผัสกับการทำงานจริง คุยกับคนในวงการจริง ๆ เรียนรู้ เติบโต และเป็นพื้นที่ที่ทำให้ความชอบของเราเปล่งประกาย 

“ต้องรู้ว่าตัวเองชอบและรักอะไร แล้วฉลาดที่จะเลือกว่าตรงไหนที่จะไปแล้วทําให้เราพัฒนาต่อไปจนถึงระดับมืออาชีพ แล้วฉลาดเมื่อไปอยู่จุดนั้นแล้วเรียนรู้รับข้อมูล เป็นฟองน้ำที่ซึมซับสิ่งที่ดีมากพอที่จะพัฒนาตัวเอง”

ครูเจด้า : นักออกแบบท่าเต้นที่ใช้ความสนุก แต่งเติมให้ศิลปินโดดเด่นและน่าจดจำ

ตลอด 20 ปีในวงการของครูเจด้า เธอผ่านมาแล้วหลายบทบาท ทั้งแดนเซอร์เอ็กซ์ตร้า แดนเซอร์หลัก นักออกแบบท่าเต้น คุณครู ผู้บริหาร และชีวิตที่ใกล้เคียงศิลปิน รวมถึงโอกาสแรก ๆ ที่เป็นนักแสดง สิ่งที่ครูเจด้าภูมิใจมากที่สุด คือ การที่เธอมีแพสชันทุกวัน พัฒนาตัวเอง และมุ่งมั่นมาไม่เคยหยุด

“อันแรกคือ passion ที่ต้องมีอยู่ตลอด ‘ความละเอียด’ คือความใส่ใจเรื่องงานตัวเองและคนทำงานรอบข้าง แต่ความละเอียดจะทําให้พัฒนาตัวชิ้นงาน ละเอียดและสูงขึ้น เหมือนพิกเซลที่เยอะขึ้นจากกล้องถ่ายรูปที่ถูกพัฒนาเรื่อย ๆ  

“‘ความมุ่งมั่น’ จะเกิดขึ้นได้ มาจากความหนักแน่นในเรื่องความคิด ความมีวินัย และอดทนสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้ความมุ่งมั่นหรือเป้าหมายนั้นสําเร็จ”

เพราะทุกอย่างที่กล่าวประกอบสร้างกลายเป็นครูเจด้า ผู้อยู่เบื้องหลังท่าเต้นศิลปินแถวหน้าของประเทศ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

“มันเป็นคีย์ที่ทําให้ตัวเราเดินทางมาถึงจุดนี้ เพราะถ้าเราเป็นคนเก่ง แต่ไม่มีเป้าหมายหรือความมุ่งมั่น มันก็จะทําให้คนจำว่าแค่เก่ง จํางานได้ แต่อยู่ยาวไม่ได้”