27 ก.ค. 2567 | 09:00 น.
หลังจากพิธีเปิดการแข่งขังกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 เสร็จสิ้นไป แม้จะมีหลายอย่างให้น่าตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่อลังการของโชว์แต่ละช่วง ซึ่งเราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือ การปรากฎตัวของ ‘Snoop Dogg’ แรปเปอร์ชาวอเมริกันในวัย 52 ปี มาในชุดเครื่องแบบนักกีฬาสีขาว พร้อมติดหมายเลข E015 ไว้บนหน้าอกด้านซ้าย เขาเดินถือคบเพลิงและวิ่งไปตามถนนในแซ็ง-เดอนี (Saint Denis) ท่ามกลางผู้คนหลากสัญชาติ พร้อมแจกรอยยิ้มอารมณ์ดี ถ่ายรูปเซลฟี่กับคนรอบสนามตลอดทาง ก่อนจะส่งต่อคบเพลิง เข้าสู่พิธีเปิดไปอย่างงดงาม
Snoop Dogg ชื่อที่ทำให้โลกแห่งความบันเทิงคึกคักมาตลอดระยะเวลา 30 ปี แถมยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการมาร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาระดับโลก ณ กรุงปารีส ราวกับราชาผู้ขยับโลกดนตรีกับกีฬามาบรรจบกันได้อย่างพอดิบพอดี แต่สำหรับคนในครอบครัวแล้วเขาคือ ‘คอร์โดซาร์ คาลวิน โบรดัส จูเนียร์’ (Calvin Cordozar Broadus Jr) เติบโตมาในย่านลองบีช แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และเพราะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับตัวการ์ตูนจากเรื่อง Peanuts คุณแม่ของเขาจึงมักจะเรียกลูกชายว่า Snoopy อยู่เสมอ
และนี่คือเรื่องราวของ Snoop Dogg แรปเปอร์ชาวอเมริกัน ผู้ขยับโลกสองใบมาบรรจบกันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024
Snoop Dogg เรียนรู้การร้องเพลงมาตั้งแต่มัธยมต้น เขาหลงใหลกับการแรปมากเป็นพิเศษ จึงมักจับกลุ่มร้องเพลงกับเพื่อนอยู่เสมอ อันที่จริงความชอบในดนตรีเริ่มแทรกซึมเข้ามาสู่จิตวิญญาณของเขาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่มักพาเขาไปเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์อยู่เป็นประจำ เสียงขับร้องจากสรวงสวรรค์จึงติดอยู่ในความทรงจำเขาเสมอมา
หลังจากเรียนจบจากโรงเรียน Long Beach Polytechnic High School ในปี 1989 เขาตั้งชื่อวงดนตรี 213 ขึ้นมา ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ ‘วาร์เรน กริฟฟิน’ (Warren Griffin) และ ’นาธาเนียล เฮล’ (Nathaniel Hale) AKA Nate Dogg โดยยึดโยงกับรหัสไปรษณีย์ของเมืองลองบีช ณ เวลานั้น
แม้จะเริ่มหันมาสนใจวงดนตรีมากขึ้น แต่เด็กชาย Snoop ยังคงแบ่งโลกอีกใบให้กับ The Crips แก๊งข้างถนนในลอสแองเจลิส ซึ่งพัวพันกับโคเคน และเข้าออกคุกอยู่เป็นประจำ กระทั่งเขาเริ่มเห็นเพื่อนในแก๊งค่อย ๆ หายตัวไปทีละคน บ้างก็ถูกเก็บ บ้างก็ถูกยิงต่อหน้าต่อตา เขาจึงไม่ลังเลที่จะหันหลังให้กับโลกใบนี้ และใช้ชีวิตอยู่กับเสียงเพลงต่อไปอย่างเงียบเชียบ
ที่บอกว่าเงียบเชียบ เป็นเพราะวงที่เขาตั้งไม่ได้ถูกรู้จักมากนัก ใครคือ คอร์โดซาร์ คาลวิน โบรดัส จูเนียร์ ไม่มีใครรู้จัก แต่ราวกับฟ้าเป็นใจ เมื่อ Dr.Dre บังเอิญได้ยินท่อนแรปสุดปังจากชายคนนี้เข้า แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพลงจากเด็กหนุ่มข้างถนนไม่เอาไหน แต่เป็นเพชรเม็ดงามที่เขาจะปลุกปั้นให้โลกรู้จัก แต่ครั้นจะดึงเด็กโนเนมจากไหนมาร่วมงาน ดูจะเป็นการดูหมิ่นวงการดนตรีมากเกินไป เขาจึงใช้เทคนิคบางอย่าง เริ่มจากเรียก Snoop Dogg เข้ามาคุย บอกถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าเขาจะขุดเพชรในตมออกมาฉายแสงให้โลกเห็น แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมาเป็นศิลปินรับเชิญในอัลบั้ม The Chronic (1992)
และนั่นทำให้ Snoop Dogg เป็นที่รู้จัก พ่วงด้วยคำชมที่ส่งเข้ามาอย่างถล่มทลาย ผู้คนต่างตามหาว่า Snoop Dogg คือใคร และนั่นทำให้เขาออกอัลบั้มแรกของตัวเองในชื่อ ‘Doggystyle’ (1993) ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีหลังจากร่วมงานกับ Dr.Dre ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ได้ชายคนนี้มาช่วยควบคุมการผลิตเองกับมือ และเขาก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง จนครองชาร์ตบิลบอร์ด 200 ได้สมการรอคอย แถมยังมีเพลงที่ติดท็อปเท็นถึง 2 เพลง คือ What's My Name และ Gin & Juice ทำยอดขายทั่วโลกได้สูงถึง 11 ล้านก็อปปี้
เอาปีศาจตนนี้ออกไปจากประเทศเราซะ!
คำพาดหัวที่ปรากฎอยู่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Daily Star ปี 1993 จนทำให้เขาโดนชางอังกฤษเกลียดทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำการฆาตกรรมชายชาวเอธิโอเปีย โดยมี ‘แมกคินลีย์ ลี’ (McKinley Lee) บอดี้การ์ดของเขาเป็นคนลั่นไกปืน จนทำให้ ‘ว่าที่’ ราชาโลกฮิปฮอปพลอยโดนข้อหาร้ายแรงตามไปด้วย
จากชายผู้กำลังส่องประกาย เดินไปทางไหนก็ได้รับการยอมรับ แถมยังกำลังออกทัวร์คอนเสิร์ตอีกต่างหาก แต่ข่าวร้ายก็มาปะทะหน้าเข้าอย่างจัง เพราะบอดี้การ์ดคู่กายพรากชีวิตชายคนหนึ่งไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้รับการตัดสินให้พ้นผิดในปี 1996 สามปีหลังจากต่อสู้คดีมาอย่างยาวนาน
“ลองเดาดูสิว่าใครออกมาเอ่ยปากปกป้องผม” Snoop Dogg ให้สัมภาษณ์ในรายการ DJ Whoo Kid ปี 2005 ขณะที่เขาอายุ 34 ปี หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าเศร้ามาเป็นสิบปี แต่ราวกับว่าความทรงจำที่มีต่อ ‘สตรี’ ผู้ออกมาปกป้องเขาในยามวิกฤตยังไม่เคยจางหายไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ควีนไงล่ะ”
“สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นั่นแหละเธอ พระองค์ตรัสว่า ‘ชายคนนี้ไม่ได้มุ่งร้ายต่อประเทศของเรา ให้เขาเข้ามาได้’”
“นี่คือควีนเลยนะ เวลาเขาพูดเราต้องก้มหัว นั่นคือคุณย่าของเจ้าชายวิลเลียมและแฮร์รี่เลยนะ คิดว่าไง?”
“นายว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดเหรอว่า ‘คุณย่าฮะ ได้โปรดให้เขาเข้ามาเถอะ เขาไม่ทำร้ายใครหรอก เรารักเพลงของเขา’ บางทีพระองค์อาจจะบอกว่า ‘โอเค แฮร์รี่ ย่าจะให้เขาเข้ามาเพราะหลาน เขาก็ไม่ได้ดูเลวร้ายขนาดนั้น แถมยังดูน่ารักอีกต่างหาก’ นั่นละครับ ควีนของเรา that’s my gal.”
ข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2022 สร้างความปวดใจให้เขาไม่น้อย Snoop Dogg ออกมาโพสต์สตอรี่ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวเช่นกัน โดยเขียนบรรยายถึงความเอื้อเฟื้อของพระองค์ที่มีต่อคนนอกอย่างเขา ที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับสหราชอาณาจักรแม้แต่น้อย
นอกเหนือจากชีวิตด้านดนตรี Snoop Dogg ชีวิตรักของเขาก็น่ายกย่องไม่ต่างกัน ชายคนนี้แต่งงานกับ ‘ชานเต โบรดัส’ (Shante Broadus) แฟนสาวผู้เป็นคู่เต้นรำในงานพรอม ทั้งคู่พบรักในระหว่างเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ก่อนจะเรียนจบชั้นมัธยมปลายในปี 1989
ชานเต คือทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเป็นแฟนสาวที่น่ารัก พร้อมสนับสนุน Snoop Dogg อยู่เสมอ ตั้งแต่วันที่ไม่มีอะไร มาจนถึงวันที่เขากลายเป็นราชาของโลกใบนี้
4 มิถุนายน 1997 คือวันที่พวกเขาตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์ แม้ว่าทั้งคู่เคยแยกทางกันในปี 2004 แต่สุดท้ายก็กลับมาคืนดีกันในอีกสี่ปีให้หลัง และเป็นเวลา 27 ปีแล้วที่คู่รักคู่นี้ยังคงครองรักกันหวานชื่น ขณะที่ Snoop Dogg ทำงานเพลงอย่างต่อเนื่อง ชานเตก็คอยสนับสนุนเขาไม่ห่าง ดูแลธุรกิจมากมายของสามีให้อยู่กับร่องกับรอย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจกัญชา Leafs by Snoop, ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ดนตรี, วงการอีสปอร์ต, รายการโทรทัศน์ ไปจนถึงการเลือกรับงานในโลกภาพยนตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านการสแกนจากภรรยาคนเก่งคนนี้ทั้งหมด
“ทุกวันนี้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แต่เขารู้ว่าเขาสามารถไว้ใจฉันได้เสมอ จึงไม่แปลกที่เขาอยากจะให้โลกรู้ว่า ณ เวลานี้ เขามีภรรยาอยู่เคียงข้าง และพร้อมช่วยจัดการตารางชีวิต รวมถึงธุรกิจทั้งหมด เขาต้องการผู้หญิงที่พร้อมขึ้นมาเป็นผู้นำ และแน่นอนว่า นั่นคือตัวฉัน ฉันคือคนคนนั้นของเขาเอง”
ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสามคน ได้แก่ ลูกชาย Corde (เกิดในปี 1994) และ Cordell (เกิดในปี 1997) และลูกสาว Cori (เกิดในปี 1999) ลูก ๆ ทั้งสามคือความภาคภูมิใจ โดยลูกชายคนกลางและลูกสาวคนสุดท้อง เดินตามรอยเท้าพ่อได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งคู่ยึดอาชีพศิลปินเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต
ส่วนเคล็ดลับในการครองคู่มาอย่างยาวนาน เขาเผยในปี 2003 ว่า “ผมคิดว่า เพราะเราทั้งคู่ยังเด็ก และเราต่างเต็มใจเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่กัน เธอรู้ว่าความฝันของผมคืออะไร ส่วนผมเองก็รู้ว่าเธอฝันอยากจะทำอะไรเช่นกัน”
“การมีครอบครัว แต่ยังคงความเป็นตัวของตัวเองได้อยู่นั้น เราทั้งคู่ต้องยอมถอยกันคนละก้าว เพื่อให้ไปถึงสิ่งที่พวกเราฝันถึง มันเป็นเรื่องยากแน่ ๆ ใช่ มันยาก เพราะมีอะไรเข้ามาหลายอย่างเหลือเกิน ที่พร้อมสะบั้นชีวิตการแต่งงาน ผู้คนหย่าร้างกันทุกวัน แต่เมื่อคุณรักใครสักคนจริง ๆ ผมเชื่อว่า คุณคงไม่อยากทำลายมันเองกับมือ และผมว่านั่นแหละ คือความรักที่แท้จริง”
นอกจากผลงานเพลง และธุรกิจกัญชาที่หลายคนมักนึกถึงชายคนนี้แล้ว เขายังมีผลงานภาพยนตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Training Day (2001), Starsky & Hutch (2004) และ Scary Movie 5 (2013) แถมยังชื่นชอบการออกรายการโทรทัศน์อีกหลายต่อหลายหลายการ ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศว่า Snoop Dogg ได้จากไปแล้ว หลังจากเดินทางไปเข้ารับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณจากลัทธิรัสตาฟาเรียน (Rastafarianism) ในประเทศจาไมกา ซึ่งเป็นลัทธิเดียวกับที่ ‘บ๊อบ มาร์เลย์’ (Bob Marley) ศิลปินนักปฏิวัตินับถือ แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาเป็น Snoop Dogg ราชันแห่งวงการดนตรีฮิปฮอปที่ชื่อของเขายังคงถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
ภาพ : IMDb
อ้างอิง