PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

PiXXiE คือ คลื่นลูกใหม่วงการ T-Pop ไอดอลรุ่นใหม่ของเด็กยุคใหม่ที่สะท้อนความกล้า ชูความมั่นใจของผู้หญิง และทำให้เห็นความแสนซนและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร

KEY

POINTS

  • ความหมายของชื่อวง PiXXiE มาจาก Pixie Gnomes ภูติตัวจิ๋วที่คอยป่วนสวนดอกไม้  ซึ่งตรงกับคาแรคเตอร์ของ "มาเบล พิมมา และอิงโกะ" สามสาวที่เป็นตัวจี๊ด และมีเอกลักษณ์ต่างกัน
  • สำหรับสมาชิกทั้ง 3 คน PiXXiE เป็นตัวแทนของความกล้าที่ทำให้ผู้หญิงมั่นใจและยอมรับทุกด้านของตัวเอง
  • การพูดคุยเพียงไม่นาน แต่ทำให้ความซน ความน่ารักสดใส และเสน่ห์เกินต้าน

ถ้าจะให้นิยามว่าพลังของ PiXXiE เป็นแบบไหน ก็ตอบว่า มันคือพลังกล้าและความเชื่อมั่นในตัวเอง 

พิมมา อิงโกะ และมาเบล สมาชิกทั้งสามคนของ PiXXiE ต่างก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ต่างกัน แต่เมื่ออยู่ร่วมกัน คือ ‘บันเทิง!’ อย่างที่พวกเธอบอกไว้จริง ๆ 

The People มีเวลาคุยกับพวกเธอไม่นาน เพื่อโปรโมตคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของ PiXXiE ที่ชื่อว่า ‘PiXXiE Tales Concert : Welcome to PiXXiE Land’ ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 นี้ 

แต่เรารับรู้ได้ถึงความน่ารัก สดใส ความซน รอยยิ้มแสนหวานที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

บทสัมภาษณ์นี้ เราชวน PiXXiE ย้อนนึกถึงวัยเด็ก การออกคว้าฝัน ก้าวแรกของการเป็นศิลปิน และคำขอบคุณจากใจที่ทำให้เราเห็นว่า PiXXiE จะต้องเป็นหญิงสามคนนี้เท่านั้น

หญิงสามคนที่ต่างที่มา แต่มีความฝันและเป้าหมายเดียวกัน

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

การคว้าฝันของเด็กซน 3 คน

ก่อนจะมาเป็นสามสาว PiXXiE ที่ใช้พลังของหญิงสาวมอบรอยยิ้มให้กับผู้คน ในอดีตพิมมา มาเบล และอิงโกะ ก็คือ เด็กหญิงแสนซน 3 คน ที่มีฝันเดียวกัน คือ การเป็นศิลปิน

เริ่มจาก ‘มาเบล’ เธอชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ถามว่าซนขนาดไหน ก็ซนจนทำให้เธอมีแผลใหญ่ที่กลางหลัง และเป็นเด็กซน ๆ ที่อยากทำฝันของตัวเองให้สำเร็จ

“หนูชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ชอบร้องเพลงในห้องน้ำมาก จนแม่บ่นว่า หนวกหู  แล้วเหมือนความชอบก็ทำให้เราวิ่งเข้าหาสิ่งนั้น พยายามประกวด พยายามไปหาคุณครูดนตรี แบบพาหนูไปประกวดหน่อยไหมคะ”

ส่วน ‘พิมมา’ เธอบอกว่า แผล 4 จุดใหญ่ในวัยเด็กจากการละเล่นที่ไม่เหมือนใคร ถึงจะดูเป็นเด็กซน แต่ความแสบซนในวันนั้นมอบความกล้าที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองลองมาเป็นศิลปินในวันนี้

“ความซนมันน่าจะมาพร้อมกับความกล้า มันทำให้ตัวหนูกล้าที่จะลองออกจากเซฟโซนของตัวเอง ที่ไม่ชอบร้องเพลงมาทำศิลปินดู”

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

ขณะที่น้องเล็กอย่าง ‘อิงโกะ’ เธอเป็นเด็กสดใสร่าเริง อยู่ไม่ติดบ้าน ออกไปเล่นกับเพื่อนอยู่เสมอ ยิ่งเป็นงานบุญ เธอคือนักเต้น นักเอนเตอร์เทนบนเวที จนทำให้แม่พาเธอไปเรียนร้อง เรียนเต้น จนเข้าตากรรมการถูกเรียกมาออดิชันเป็นสมาชิก PiXXiE

“ตอนเด็กๆ ก็ซน เวลาไปตามงานบวช งานแต่ง ก็จะใช้ความซนของตัวเอง ด้วยความเป็นเด็ก ชอบร้อง ชอบเต้น ก็จะขึ้นไปอยู่บนเวที  แล้วแม่เห็นว่าเราชอบ เขาก็พาเราไปเรียนร้องเพลง พาไปเรียนเต้น เหมือนทุกอย่างที่เราชอบมันหล่อหลอม ให้เราเดินตามเส้นทางนี้”

แล้วการคว้าฝันของหญิงสาวทั้ง 3 คนก็สำเร็จอีกขั้น เมื่อพวกเธอเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัด ภายใต้ค่าย LIT Entertainment และเดบิวต์อย่างเป็นทางการในชื่อของ PiXXiE

ช่วงเวลาที่ต้องสู้กับตัวเอง

ย้อนกลับไป มาเบล พิมมา อิงโกะ คือ เด็กสาว 3 คนที่มีเส้นทางและเรื่องราวชีวิตที่ต่างกันออกไป

สำหรับมาเบล หรือชื่อเดิม คือ ‘มิ้นท์’ เป็นสาวจันทบุรี ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่ออกเดินทางมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ

ใช่ มันไม่ง่ายเลย… มาเบลเองก็บอกแบบนั้น

“ช่วงที่พี่มุก (นิตา ชวลิต) พี่โดม (จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม) ทักมา น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตเลย จากเด็กต่างจังหวัด ย้ายเข้ามาในเด็กกรุงเทพฯ ช่วงนั้นก็ค่อนข้างปรับตัวยาก เพราะหนูไม่เคยห่างจากบ้านเลย คิดถึงแม่ด้วย เหมือนพอมาใช้ชีวิตคนเดียว เวลาเศร้า เวลาท้อ เวลาเหนื่อย เราก็จะอยู่คนเดียว อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม แล้วก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ช่วงนั้นหนักหน่วงเหมือนกัน แต่พอผ่านมาได้ก็โตขึ้น”

ถึงจะยาก แต่มาเบลเชื่อว่า เวลาจะทำให้เธออยู่ได้ และมีความสุขกับปัจจุบัน

อีกหนึ่งคนที่ต้องจากบ้านมาอยู่เมืองหลวง ก็คือ ‘พิมมา’ แตกต่างตรงที่เหตุผลหลักของเธอ คือ เธอสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เธอจึงมีเวลาปรับตัวอยู่บ้าง

แต่สิ่งที่ท้าทายตัวตนของพิมมา คือ การออดิชันร้องและเต้นที่เธอไม่เคยทำมาก่อน ด้วยความตั้งใจและความสามารถที่ถูกค้นพบ ก็ทำให้เธอผ่านมาได้

“ของพิมมา ตอนนั้นพี่โดมเพิ่งเปิดค่าย น้องชายพี่โดมเขาชวนหนูมาออดิชัน ก็ลองมาออดิชัน เพราะตอนนั้นก็ไม่มีประสบการณ์เรื่องการออดิชันค่ายเพลง ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปโชว์ (หัวเราะ)  ตื่นเต้นมากและก็กดดันนิดหนึ่ง มันเป็นโอกาสที่สำคัญ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พร้อมขนาดนั้น แต่ว่าโชคดีมาก ๆ ที่พี่ๆ ให้โอกาส แล้วพอเราได้โอกาสนั้นมา ก็รีบคว้าไว้ ตั้งใจ และรีบพัฒนาตัวเองให้ได้เร็วที่สุด”

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

ถ้าถามว่า การมากรุงเทพฯ เหนื่อยไหม คำตอบของพิมมา คือ เหนื่อย แต่ความเหนื่อยก็แลกมาด้วยประสบการณ์ชีวิตและประตูโอกาสที่เข้ามาในชีวิต

“ถ้าตั้งใจจะมากรุงเทพฯ เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ หนูรู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเหนื่อยมาก ๆ เพราะที่นี่โอกาสมันเข้ามาเยอะมากจริง ๆ  ช่วงแรกมันเหนื่อยหน่อย แต่ว่ามันจะคุ้มเหนื่อยแน่นอน”

 

ก้าวแรกของการเป็นศิลปิน

11 กุมภาพันธ์ 2564  คือ วันเดบิวต์อย่างเป็นทางการของ PiXXiE ที่พวกเธอปรากฎตัวพร้อมซิงเกิลแรกที่ชื่อว่า ‘เด็ด’ 

ถือว่าเป็นการประกาศตัวตนของสามสาม PiXXiE ได้ชัดเจน เพราะเพลงเด็ดที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก เป็น

Pixie Gnomes ไปป่วนสวนคนอื่น เจ้าพวกนี้ก็จะคอย"เด็ด"ดอกไม้ใบหญ้าในสวนจนเกลี้ยง ที่เลือกใช้คอนเซ็ปต์เนื้อเพลงที่ว่า "แค่เธอน่ารักเดี๋ยวฉันรักเอง" เพราะฉะนั้น ถ้าจะมาจีบ ดอกไม้ไม่ต้องเอามาให้ เพราะฉันจะเด็ด!

ภาพ: LIT Entertainment

กระแสความปังยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเพลงมูเตลูของสาว ๆ กลายเป็นเพลงฮิตสุดไวรัล การันตีด้วยยอดวิวมิวสิกวิดี โอที่สูงถึง 20 ล้านวิว (ข้อมูล 14 สิงหาคม 2567) แล้วก็ดูเหมือนว่า เพลงนี้จะทำให้พวกเธอถูกจับตาในฐานะคลื่นลูกใหม่ของวงการ T-Pop

เพราะหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘ติดฝน’ ‘DEJAYU’ และ ‘FEAT’ ก็กลายเป็นเพลงยอดนิยมในแพลตฟอร์ม TikTok ที่ชาวติ๊กต็อกและเด็ก ๆ เต้นตาม

การเข้ามาเป็นศิลปินไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงจะใช้แรงรักในการร้องการเต้นขับเคลื่อน และโอบรับความรักของ PiXXeL (ชื่อแฟนคลับของ PiXXiE) แต่อีกทางหนึ่ง ก็คือ การแบกความคาดหวังไว้ 

หน้าที่ตรงหน้าจึงทำให้เธอต้องรับผิดชอบมากขึ้น คิดมากขึ้น และตั้งใจทำผลงานให้ดีขึ้น 

“หนูรู้สึกว่า พอก้าวมาเป็นศิลปิน หนูต้องรับผิดชอบหลายอย่างมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการพูด หรือว่าสิ่งที่เราจะทำอะไรออกไป พอเรามีชื่อว่าเป็นศิลปินข้างหลังแล้ว เวลาจะทำอะไรก็ต้องคิดให้มากขึ้น” มาเบลบอก

เอาเข้าจริงอายุเฉลี่ยของสมาชิกวง PiXXiE ในวันนี้ อยู่ที่ 22 ปี แต่ถ้านับรวมเส้นทางการฝึกฝนก่อนเดบิวต์ พวกเธอก็แทบจะเสียสละเวลาช่วยวัยรุ่นกับสิ่งที่รัก 

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

เสียดายไหม? ก็คงมีบ้าง 

แต่อิงโกะบอกว่า ช่วงเวลาที่สูญเสียไปนั้นแลกมาด้วยประสบการณ์การทำงานจริง และทดลองใช้ชีวิตผู้ใหญ่ก่อนเพื่อนวัยเดียวกัน 

“อิงโกะคิดว่า สิ่งที่เสียไปก็คือ การมีชีวิตเล่นแบบวัยเด็ก แต่ว่าสิ่งที่แลกมาก็คือ การที่เราได้มาทำงานตรงนี้ เราได้ลองทำงานจริงก่อนถึงวัยจริงๆ ได้เรียนรู้ที่จะทำงาน ได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในโลกของการเป็นผู้ใหญ่ ก่อนคนอื่น  มันก็เสียดาย แต่ถ้าหนูไม่เลือกมาอยู่ตรงนี้ หนูจะรู้สึกเสียดายมากกว่า” 

ส่วนพิมมาบอกว่า การเข้ามาทำงานเป็นศิลปินทำให้พวกเธอเติบโตมากขึ้น ไม่ใช่แค่การพัฒนาตัวเองในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปเพียงอย่างเดียว แต่พวกเธอเรียนรู้ที่จะเปิดรับมุมมองของทุกคน ‘ฟัง’ อย่างไม่ตัดสิน แล้วหาพื้นที่ตรงกลางร่วมกันที่ทุกคนแฮปปี้ และอยู่ด้วยกันได้

“ไม่รู้ว่าเบสิกของการโตขึ้น ทุกคนมันนิยามแบบไหน แต่สำหรับพวกหนู พวกเราฟังกัน ไม่ใช่แค่พวกหนูสามคน แต่เวลาเราไปคุยกับพี่ๆ คนอื่น เราฟัง แล้วเราก็จะคิดในมุมของคนนี้ หรือว่าแบบ ไม่ได้บอกว่าตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่เราจะได้มองเห็นหลายๆ มุมของคนในสังคม 

“หนูรู้สึกว่าในโลกใบนี้ไม่ได้มีอะไรถูกอะไรผิด แค่ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แล้วเราก็แค่หาตรงกลาง หาความแฟร์ที่สุด เพื่อให้อยู่ด้วยกันได้  มันคือความโตขึ้นในแบบของพวกหนูมั้งคะ อะไรแบบนี้ที่เข้าใจหัวอกคนอื่น เข้าใจเขา เข้าใจเรา รับฟังกัน”

พลังกล้าของความเป็นหญิง

รู้หรือไม่ ทำไม่ชื่อวง PiXXiE ถึงใช้ ‘XX’ แบบนี้?

เหตุผล คือ XX เป็นสัญลักษณ์แทนโครโมโซมของเพศหญิง เน้นพลังความเป็นหญิงของสามสาวให้ชัดเจน เพราะถ้าดูกันตามคอนเซ็ปต์ พวกเธอคือ ภูติตัวจิ๋วที่คอยป่วนสวนดอกไม้  ซึ่งตรงกับคาแรคเตอร์ของ "มาเบล พิมมา และอิงโกะ" ที่สนุกซุกซนตามสไตล์เด็กยุคใหม่  

แล้วความกล้าของมาเบล พิมมา และอิงโกะเป็นแบบไหน?

เริ่มจากมาเบล เธอใช้ความกล้าทลายความกลัว เก็บกระเป๋าจากบ้านที่จันทบุรีออกมาเดินทางทำตามความฝันในเมืองหลวง และเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์เมื่ออยู่บนเวทีในปัจจุบัน

“อย่างที่บอกไปว่า หนูเป็นคนกลัวสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา หนูกลัวการมากรุงเทพมาก หนูกลัวมาก ๆ จริง ๆ เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่หนูเคยอยู่ มันไม่ใช่สิ่งที่หนูคลุกคลีกับมัน มันคือการที่หนูตัวคนเดียว แล้วก็ขึ้นแท็กซี่ ขึ้น BTS ซื้อข้าวกินเอง หรือว่าตื่นมาจะไม่เจอหมา จะไม่เจอแม่ จะไม่เจอพี่สาว  มันคือความกล้าที่หนูรู้สึกว่า ขอบคุณตัวเองที่กล้าในวันนั้นมาก ๆ”

ส่วนพิมมา เธอใช้ความกล้าเดินทางออกจาก Safe Zone จากเด็กผู้หญิงที่กลัวการร้องเพลง ไม่เคยออดิชัน แต่เธอก็ใช้ความกล้าที่สุดในชีวิต นั่นคือ การมาเป็นหนึ่งในสามาชิกวง ‘PiXXiE’

“ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยกล้าร้องเพลงค่ะ การมาเป็นศิลปิน และการมาเป็น PiXXie ถือว่าเป็นความกล้าที่สุด ถ้าให้นึกความกล้าที่สุดในชีวิต ก็น่าจะเป็นสิ่งนี้  ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองร้องเพลงได้เลยด้วยซ้ำ ก็เลยรู้สึกว่านี่คือความกล้าที่ represent ออกมาจากตัวหนู”

และอิงโกะ ใช้ความกล้าพาตัวเองไปให้พ้นขีดจำกัดที่ตั้งไว้ และใช้ความกล้าในการดำเนินชีวิต ผ่านช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ให้ไปต่อได้อย่างมั่นคง

“ความกล้าของหนูคือ การข้ามผ่านความไม่แน่นอนหรือว่าความไม่มั่นคงที่ใจเราตั้งไว้ แค่เรากล้าที่จะเดินต่อไป กล้าที่จะไปให้พ้นขีดจำกัดของตัวเอง เราตั้งเป้าหมายไว้เท่าไหร่ ถ้าเรากล้า เราจะพุ่งไปได้ไกลกว่าที่เราตั้งไว้”

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

เมื่อความกล้าของสามสาวผนวกกับความแสนซน เมื่ออยู่รวมกัน พวกเธอบอกตรงกันว่า ‘บันเทิง!’

มากกว่านั้น PiXXiE ยังเป็นตัวแทนพลังความกล้าของความเป็นหญิง กล้าบอกรัก กล้าบอกว่าตัวเองเสียใจ และกล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง 

น้องเล็กของอิงโกะ พูดถึงความกล้าของ PiXXiE ไว้ว่า พวกเธอคือความกล้าของผู้หญิงและเป็นแรงที่ช่วยชูให้ผู้หญิงมีความมั่นใจ

“PiXXiE น่าจะสะท้อนความกล้าของความเป็นผู้หญิง  กล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงออกในความรู้สึกของตัวเอง พวกเรามีเพลงที่ทำให้เห็นมุมมองของผู้หญิงหลาย ๆ แบบ มุมมองที่อยากจะบอกว่าเราเสียใจ เราก็มี เรากล้าที่จะบอกรักฝ่ายตรงข้าม พวกเราก็มีเหมือนกัน มันเป็นการชูความมั่นใจของผู้หญิง”

พิมมาเสริมว่า ความกล้าแบบ PiXXiE ไม่เพียงแค่การยอมรับคนอื่น แต่เป็นการยอมรับตัวเองว่า ผู้หญิงก็ร้องไห้ เสียใจเป็น และไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง

“เราอยากจะ represent ความตรงไปตรงมาของความรู้สึกเรา การที่เราจะสื่อสารอะไรออกไป ถ้ามีเหตุผลมากพอ ทำไมเราถึงจะไม่พูดออกไป รวมถึงการยอมรับเองด้วย  อะไรที่เราทำผิด เราก็ต้องยอมรับว่าเราทำผิด อะไรที่เราเสียใจ เราก็ต้องยอมรับว่าเราเสียใจ ถ้าเรารักเขา เราก็ต้องยอมรับว่าเรารักเขา”

ความกล้าของสามสาวจึงเป็นพลังที่ไม่ว่าใครก็คงต้านไม่ไหว

เกิร์ลกรุ๊ปที่เป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่

ตอนนี้ วงการ T-Pop กำลังเฟื่องฟู และกำลังจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ทั่วโลกจับตามอง แทนที่จะเต้นโคเวอร์เพลง K-Pop แต่ทุกวันนี้เราเห็นเด็ก ๆ เต้นโคเวอร์เพลง T-Pop 

และเด็กหลายคนก็มีศิลปิน T-Pop เป็นไอดอลหรือคนต้นแบบ หนึ่งในนั้น ก็คือ สามสาววง PiXXiE 

ในฐานะคนต้นแบบ พวกเธอไม่มีคำอื่น นอกจากคำว่า “ขอบคุณ” พร้อมกับอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อให้คนที่รักและติดตามภูมิใจ

“ขอบคุณที่ชื่นชอบเรา และก็ชื่นชอบผลงานของเรานะคะ และก็แรงซัพพอร์ตนี้แหละค่ะ จะสัญญาว่าจะทำผลงานให้ดีขึ้น” มาเบลเสริม

พิมมาเองก็ขอบคุณแรงสนับสนุนจากทุกคน สิ่งที่เธออยากบอกกับ แฟนคลับที่มีพวกเธอเป็นต้นแบบนั้นเรียบง่าย แค่อยากให้ทุกคนเดินตามความฝัน แล้ววันของเราจะมาถึง

“หวังว่าการที่เราป็นศิลปินอยู่ตอนนี้ จะ Inspire น้อง ๆ ที่อยากเป็นศิลปินด้วยให้พวกเราเป็น case study ของหลาย ๆ คนก็ได้ ที่รู้สึกว่า ทำไมการที่เราจะไปถึงความฝันมันเหนื่อย หรือลำบากเหลือเกิน ก็รู้สึกว่าอย่างน้อยการที่เราได้เดินตามความฝัน อย่างน้อยหนึ่งข้อคือ เราได้ทำอะไรที่เราชอบแล้ว แล้วถ้าเรา Happy กับสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ สักวันมันจะถึงวันของเราเอง”

เพราะชีวิตของพิมมา เธอทุ่มเทแรงกาย แรงใจเพื่อความฝัน ด้วยความเชื่ออย่างสุดใจว่า เธอทำได้ เพราะการลงมือทำก่อนก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย  

“เราต้องเชื่อก่อนว่าเราทำได้ Faith it till you Make it  ไม่ได้พยายามเชื่อ แต่เชื่อจริงๆ ว่าเราทำมันได้ แล้ว มันไม่ได้สามารถทำได้ภายในวันเดียว แต่หนูรู้สึกว่าอย่างน้อยถ้าเราเชื่อวันนี้ เชื่อพรุ่งนี้ เชื่อวันมะรืน มันก็ต้องมีสักวันที่เราไปถึงตรงนั้นได้ ถ้าเกิดว่าเรามัวแต่คิด เห้ยไม่ได้หรอกๆๆ มันคือโอกาส 0% แต่ถ้าอย่างน้อยเราเริ่ม มันก็คือ 0.00001% มันก็ยังดีกว่าแบบว่าเรายังไม่ได้ลองทำอะไรเลย”

มาเบลเองก็เช่นกัน เธอเชื่อมั่นในตัวเอง แรก ๆ อาจจะยาก แต่อย่ากลัว แล้วออกไปทำ จะได้รู้ว่าเราทำได้หรือไม่ได้  

“หนูเป็นคนขี้กลัวค่ะ กลัวสิ่งใหม่ ๆ  กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่หนูชอบบอกกับตัวเองว่า  มิ้นท์ทำได้ แกทำได้ อย่ากลัวเลย ลองทำก่อน ลองทำถึงจะรู้ว่าทำได้หรือไม่ได้ แล้วสุดท้ายพอลอง บางงานเราอาจจะไม่เหมาะ แต่เราพยายาม สุดท้ายเราก็ทำได้ดี แค่ลองทำ กล้าทำ แล้วก็เชื่อใจในตัวเอง”

ส่วนอิงโกะ น้องเล็กที่อยากทำทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้รู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่ลงมือทำ

“พยายามบอกตัวเองทุกวันว่า ทำทุกวันให้เต็มที่ที่สุด ให้เรามองกลับมาแล้ว เราจะไม่เสียดายสิ่งที่เราไม่ได้ทำ  ก็ทำทุกวันให้เต็มที่ แล้วเราก็ผ่านวันนั้นมาแบบที่เราภาคภูมิใจ และรู้สึกว่า ณ วันนั้นเราไม่ได้เสียดายอะไรอีกแล้ว”

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

ดินแดนของ PiXXiE

แล้วดูเหมือนความเชื่อที่บอกตัวเองว่าทำได้ และต้องทำให้ดีที่สุดจะนำพาให้พวกเธอทั้ง 3 คนมีคอนเสิร์ตครั้งแรกเป็นของตัวเองใน ‘PiXXiE Tales Concert : Welcome to PiXXiE Land’ ที่จะจัดขึ้นวันที่ 31 สิงหาคม 2567 นี้ หลังจากเดบิวต์มาได้ 3 ปี

เพราะคอนเสิร์ตเป็นความฝันที่ทั้งสามคนมีรวมกัน พาทุกคนเข้าสู่ดินแดน ค้นหาเวทมนตร์ของเหล่าภูติสาว PiXXiE ไปด้วยกัน

อิงโกะบอกว่า ดินแดนทำให้เธอนึกถึงเพลงเด็ด เพลงเดบิวต์เพลงแรกที่มีเพียงบ้านหลังเล็กกับสวนหน้าบ้าน แต่วันนี้สวนก็กว่างขึ้น

“ตอนแรกที่พูดถึงคอนเซ็ปต์เพลงเด็ดกัน  หนูนึกเป็นบ้านเล็ก ๆ แล้วก็มีสวนอยู่ข้างหน้า พวกเราก็เป็นภูติจิ๋วที่ไปเด็ด แต่พอมาถึงวันนี้สวนมันกว้างขึ้น เป็นดินแดน เป็นอาณาจักรที่มันสวยมาก ๆ ภาพมันชัดเจนและใหญ่ขึ้น”

ส่วนมาเบลเสริมว่า  “จากบ้านเล็ก ๆ ตอนนี้กลายเป็นบ้านหลาย ๆ หลังที่มีหลาย ๆ มิติ มีหลาย ๆ องค์ประกอบในเพลงของเรา”

คอนเสิร์ตนี้เกิดขึ้นได้ เพราะความรักและความฝันที่อยากเป็นศิลปิน เหมือนประโยคดังของหนังจากเรื่อง Fast&Feel Love ที่กำกับโดยพี่เต๋อ นวพลที่บอกว่า ‘ถ้าเรารักอะไรสักอย่าง มันจะพาเราไปสักที่นึง’

มาเบลตอบทันทีว่า ที่เธอมาถึงจุดนี้ได้ ก็มาจาก ความรัก ความฝัน และการวิ่งชนทุกโอกาส

“ความฝันหนูคือการเป็นนักร้อง แล้วหนูก็รักสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วหนูก็วิ่งเข้าหามันตลอด ไม่ว่าจะเป็นจุดไหน หนูพยายามวิ่งไปหามันตลอด แล้วมันทำให้หนูได้ทำในสิ่งที่หนูรักจนถึงปัจจุบันนี้”

ก่อนที่อิงโกะจะตอบต่อว่า เพราะความรักในการเป็นศิลปินก็พาให้พวกเธอมาอยู่ตรงนี้ วันนี้ วันที่ PiXXiE กำลังจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง

“หนูวิ่งตามหาโอกาสไปประกวดเวทีนู่น เวทีนี้ เวทีนั้น ถึงแม้ว่าในแต่ละเวที เราจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ เราจะไม่ได้รางวัล ไม่ได้ตำแหน่งอะไรมา แต่ว่าอย่างน้อยเราได้ทำสิ่งที่เรารัก แล้วก็สิ่งที่เรารักหลายๆ ที่รวมกันมทำให้เราได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เราได้เป็น PiXXie เราได้มีคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ค่ะ”

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

ส่วนพิมมาบอกว่า ถ้าเรารักอะไรสักอย่าง มันจะพาเราไปสักที่ แต่ทุกวันนี้ ความรักต่องานของเธอ ทำให้เธอมาไกลกว่าที่คิด จากฝันการเป็นนักเต้นก็ได้มาเดบิวต์เป็นศิลปิน 

“ถ้าเรารักอะไรสักอย่าง มันจะพาเราไปสักที่ สำหรับหนูที่ที่มันพาหนูมาตอนนี้ ไกลกว่าที่หนูคิดไปเยอะเลยค่ะ เพราะว่าก็อยากเป็นนักเต้นค่ะ (หัวเราะ) และก็รู้สึกว่าแค่เป็นแดนเซอร์ให้ศิลปินก็ฟินแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ได้เป็นศิลปินก็ฟินกว่าเดิมอีกค่ะ (หัวเราะ) 

“มันก็จริง ที่เรารักอะไรสักอย่าง มันก็จะพาเราไปสักที่ แค่เราต้องรอดูว่ามันจะพาเราไปที่ไหน แล้วเราตั้งใจกับการเดินทางนั้นมากแค่ไหน ยิ่งถ้าเราตั้งใจมาก มันก็ไปไกลมากขึ้น”

เพราะดินแดนของ PiXXiE จะมีทั้งภูติจิ๋ว บทเพลงที่สะท้อนความกล้า และแรงรักจากเหล่า PiXXeL (แฟนคลับของ PiXXiE) ที่จะมาร่วมท่องดินแดนลับ เพื่อสร้างช่วงเวลาแสนพิเศษไปพร้อมกัน

PiXXiE to PiXXiE and PiXXiE to PiXXeL 

ความรัก ความฝัน และความเป็นหนึ่ง คือ สิ่งที่ทำให้ PiXXiE เดินทางมาถึงทุกวันนี้

ช่วงเวลาที่ผ่านมา มีทั้งเรื่องทุกข์ เรื่องสุข ยิ้ม และหัวเราะ แต่พวกเธอก็กอดกันแน่น ผ่านวันแสนยากเหล่านั้นมาได้ 

นี่คือคำขอบคุณจาก PiXXiE ถึง PiXXiE ที่ตอบพร้อมน้ำตา เสียงหัวเราะ และความรู้สึกจริงจากใจ

พิมมา - “อยากขอบคุณทั้งสองคนที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้หนูแล้วกัน จริง ๆ พวกหนูคุยกันตลอดว่า ที่หนูทำอยู่เพราะว่าสองคนนี้ทำอยู่  ขอบคุณที่แบบว่าคอยอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ว่ามันจะมีวันที่ไม่สนุกหรือวันที่เหนื่อยมาก ๆ  ก็ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกัน หนูไม่เคยรู้สึกเหงาเลย ตั้งแต่อยู่กับ PiXXiE เพราะว่ารู้สึกว่ามันเชื่อมกันมากค่ะ วันไหนที่เราสนุก ก็รู้สึกว่ามีคนสนุกกับเรา วันไหนที่เราเหนื่อย วันไหนที่เราท้อ อย่างน้อยก็มีอีกสองคนที่เหนื่อยไปด้วยกัน แล้วก็ดีใจที่ได้เป็น PiXXiE”

อิงโกะ - “อยากขอบคุณเหมือนกันค่ะ ลำพังความฝันของหนูคนเดียว อาจจะไม่ได้พาพวกเราทั้งสามมาไกลได้ขนาดนี้ไรงี้ค่ะ หนูคิดว่าความฝันและความพยายาม ความตั้งใจของพวกเราทั้งสามคน มันมัดรวมกันแน่นมาก หนูรู้สึกไม่เหงา รู้สึกว่าไม่ได้ทำงานคนเดียว ไม่ใช่แค่ว่าเรามีกันสามคน แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้สามคนมาตั้งแต่แรกมั้ง  หนูเห็นแต่ความรักที่มันรายล้อมอยู่รอบ ๆ ตัว”

มาเบล -  “ขอบคุณที่ช่วยกันเติมความฝันของกันและกัน ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าอีกกี่ปีจะเป็นอย่างไร แต่อยากให้รู้ว่าช่วงเวลานี้มันน่าจดจำในชีวิตมาก ๆ และก็ดีใจมาก ๆ ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้มีเพื่อนทั้งสองคน ได้มีคนสำคัญในชีวิต ขอบคุณที่เหนื่อยกัน เชื่อว่าทุกคนเหนื่อยไม่แพ้ใครเลย แล้วก็ขอบคุณที่สู้ และก็พา PiXXie ได้ไกล ได้มีคอนเสิร์ตที่เราวาดฝันกันไว้แรก ๆ มันใกล้สำเร็จแล้วล่ะ” 

PiXXiE : พลังความกล้าของหญิงสาวแสนซนที่มีเสน่ห์เกินต้าน

และความฝันของพวกเธอทั้ง 3 คนคงจะเป็นไปไม่ได้เลย หากขาดแรงซัพพอร์ตจากแฟนคลับของพวกเธอ PiXXiE สัญญาว่า จะตอบแทนความรักที่ให้มาด้วยผลงานและคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง

“ขอบคุณที่ซับพอร์ตพวกเราทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการมอบความรักให้ การมาซับพอร์ตพวกเราในที่ต่าง ๆ เวลาที่พวกเรามีงาน พวกเราไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ให้พวกเรา เพราะเรารู้ว่า ทุกคนมีสิ่งที่ต้องทำ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ แต่ว่าทุกคนก็ยังมองความรักและมอบสิ่งดี ๆ ให้พวกเรามาโดยตลอด

“มันจะถึงวันคอนเสิร์ตที่พวกเราอยากที่จะมอบพลังความรักให้กับพิกเซลและก็คนดูทุกๆ คน เป็นการตอบแทนผลกำไรที่ทุกคนส่งมอบสิ่งดีๆ มาให้พวกเรา”

ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวและพลังความสดใสของสามสาว PiXXiE ที่ออกเดินทางตามหาความฝันด้วยพลังความกล้าที่เกินต้าน

ภาพ: ดำรงฤทธิ์ สถิตดำรงธรรม