23 พ.ย. 2566 | 09:14 น.
คุณอิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย (Head of Product Department) หรือ “Ingck” พลิกหลังกล่อง และพี่ชาย คุณธัช-กีรธัช กิติยาดิศัย (Managing Director) นำแบรนด์ "INGU" อิงกุ ต่อยอดธุรกิจสร้างแบรนด์ของตัวเองสู่ความสำเร็จที่มากกว่า กวาดรายได้ยอดขายทะลุ 100 ล้านบาท เพียง 6 เดือนภายในปี 2566 พร้อมตั้งเป้าดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า เตรียมเดินหน้าสู่ตลาดต่างประเทศแบบเต็มตัวภายในปี 2567 จ่อตีตลาดสกินแคร์และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้ง Existing Customer และ Potential Customer ทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าได้ครบทุกจุดสัมผัส ภายใต้แนวคิด Business Core Value 5 ข้อหลักการสร้างแบรนด์ของ INGU เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา INGU ไม่ได้ทำแค่เรื่องของกลยุทธ์การตลาด แต่ได้เข้าใจใน Insight ของลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ที่เน้นความต้องการพื้นฐานของผิวมากกว่าการทำการตลาด พร้อมงานวิจัยรองรับจากทั่วโลก จนทำให้แบรนด์ได้รับรางวัลในหมวด “ผลิตภัณฑ์สกินแคร์” ไปถึง 2 รางวัลภายในปี 2566 คือ THE BEST MOISTURIZER FOR SENSITIVE SKIN จาก HELLO! Beauty Awards 2023 และ Best of MOISTURIZING CREAM จากสุดสัปดาห์ Beauty Awards 2023 เพราะเชื่อเสมอว่าคนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากแบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทย
คุณชยธร กิติยาดิศัย กล่าวว่า แบรนด์ INGU เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นจากการทำตลาดออนไลน์ จนเริ่มขยายธุรกิจผ่านช่องทางต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ นอกจากความจริงใจที่เน้นการทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เข้าใจ Insight ของกลุ่มเป้าหมายแล้ว การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีก็มีส่วนช่วยให้แบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดด และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ เพราะเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการขยายช่องทางการขายในรูปแบบออฟไลน์เปิดช็อป Physical Store ไปตามสาขาต่างๆที่ร้าน EVEANDBOY ทั่วประเทศ, Beautrium พร้อมเดินหน้าขยายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพื่อนำเสนอ Brand Experience ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินค้าให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน INGU มีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็น 5 ประเภท ทั้ง Essential Series, Supplement Series, Lip Care Products, Skin Accessories และ Body Series ครอบคลุมทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทางแบรนด์มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยภายในปี 2567 มีแผนในการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมอัพเดทสูตรใหม่เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคด้าน Wellness นอกเหนือจากสกินแคร์ เพราะเราต้องการจะสร้างพื้นฐาน Healthy Lifestyle และตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดหย่อน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี จุดเด่นหรือความสำเร็จของแบรนด์ INGU ที่ผ่านมา คือการนำเสนอด้วย “Facts without Fear” ใช้ความจริง ไม่ใช่การโฆษณาแบบเกินจริง แต่บอกให้คำแนะนำช่วยเหลือมากกว่า ช่วยลูกค้าทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลกับลูกค้าลองพิจารณาถึงความจำเป็นในการเลือกใช้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ซึ่งได้ผลมากและลูกค้าจำได้ถึงความจริงใจนี้ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามีการแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้จริงบนโซเชียลมีเดีย มีการกลับมาซื้อสินค้าซ้ำนี่คือการตลาดสู่ผู้บริโภคที่ยั่งยืนที่สุด นอกจากนี้ยังคงเน้นย้ำถึงกลยุทธ์ของแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจ คือ Business Core Value 5 ข้อ ได้แก่ 1. Simplicity สกินแคร์ที่ดีจะต้องมีความเรียบง่าย และมีส่วนผสมจำเป็นต่อผิวเท่านั้น 2. Transparent Science การพัฒนาสูตรโดยใช้งานวิจัยคุณภาพและวิทยาศาสตร์ที่ดีเป็นตัวตั้งต้นเสมอ 3. Empower Local Producers เลือกใช้สารสกัดท้องถิ่นเข้ามาเป็นส่วนผสม และการให้ลูกค้าได้ใช้สารสกัดที่ดี 4. Realistically Sustainable ทุกบรรจุภัณฑ์ของ INGU จะใช้วัสดุรีไซเคิล รังสรรค์ผลิตภัณฑ์จากแนวคิด PCR (Post-Consumer Recycled) เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยลดการสร้างพลาสติกใหม่และใช้ซ้ำอย่างยั่งยืน 5. Facts without Fear การสื่อถึงความจริงใจ ไม่ใช้คำเคลมเกินจริงเพื่อโน้มน้าวใจ มีการให้ความรู้และความเข้าใจถึงผลลัพธ์ของสกินแคร์อย่างแท้จริง
คุณกีรธัช กิติยาดิศัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทั้งนี้สำหรับตลาดกลุ่มลูกค้าของ INGU ในปัจจุบัน มีลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ได้รับการยอมรับจากทุกเพศ ทุกวัย กับราคาที่จับต้องได้ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์ได้ง่าย ทางแบรนด์จึงเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะขยายช่องทางการขายให้มากขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้านก็ตาม และต้องบอกว่าปัจจุบันผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยฉลาดเลือกมากขึ้น มีการค้นหาข้อมูล อ่านรีเสิร์จ ดูรีวิว ก่อนตัดสินใจซื้อจริง ซึ่งตรงกับ Passion ของแบรนด์อยู่แล้ว เพราะแบรนด์เน้นให้ความรู้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ในมุมมองส่วนผสมในสกินแคร์ที่สามารถเลือกใช้ว่าอะไรเหมาะสมกับตัวเองจริงๆ ทำเรื่องสกินแคร์เป็นเรื่องง่าย มากกว่าการทำการตลาดแบบพูดแต่ข้อดีสินค้า โดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคจริงๆ ในฐานะของคนทำแบรนด์จึงอยากจะฝากเรื่องนี้ไว้