เหลียง เหวินเฟิง : ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เอไอม้ามืดสัญชาติจีน เจ้าของประโยค "หมดเวลาตามแล้ว ถึงเวลาขึ้นมานำ"

เหลียง เหวินเฟิง : ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เอไอม้ามืดสัญชาติจีน เจ้าของประโยค "หมดเวลาตามแล้ว ถึงเวลาขึ้นมานำ"

'เหลียง เหวินเฟิง’ (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เอไอต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูงสัญชาติจีน กำลังสร้างความปั่นป่วนในตลาดโลกหลังจากเปิดตัวไม่กี่สัปดาห์

“หมดเวลาทำตามคนอื่นแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาขึ้นนำ” ประโยคอันทรงพลังของ ‘เหลียง เหวินเฟิง’ (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เอไอ 'ม้ามืด' สัญชาติจีน

เหวินเฟิงในวัย 40 ปีกำลังถูกจับตามองจากคนทั่วโลก และยิ่งถูกจับตามองมากเป็นพิเศษจากรัฐบาลจีน ว่าเทคโนโลยีที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้นอาจเป็นภัยคุกคามต่อชาติ เพราะสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานั้นสามารถทำให้คนที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติจีน หรือเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ‘อาจ’ เข้ามาหลอกเค้นข้อมูลจากเจ้าเอไอตัวนี้ แน่นอนว่าเหวินเฟิงเข้าใจถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี เขาเลยเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไม่ป้อนข้อมูลให้ DeepSeek เข้าถึงเหตุการณ์ที่อาจทำให้ความมั่นคงของชาติสั่นคลอน โดยการบอกผู้ที่เข้ามาถามว่า ไม่พบข้อมูล เราเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นกันแทนดีมั้ย?

เหลียง เหวินเฟิง : ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เอไอม้ามืดสัญชาติจีน เจ้าของประโยค \"หมดเวลาตามแล้ว ถึงเวลาขึ้นมานำ\"

ม้ามืดตัวฉกาจ

หากถามว่าการเข้ามามีบทบาทของ DeepSeek สร้างความสั่นสะเทือนแก่เศรษฐกิจทั่วโลกอย่างไร คงต้องย้อนกลับไปยังประเทศต้นกำเนิดอย่างจีนเสียก่อน หลังจากประกาศเปิดตัวได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ชื่อของเหวินเฟิงก็ถูกเสนอไปยังรัฐบาลจีนแทบทันท่วงที เขาได้รับเกียรติให้เข้าร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรี ‘หลี่ เฉียง’ (Li Qiang) เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2025 สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังให้ความสนใจกับบริษัทสตาร์ทอัพเล็ก ๆ แห่งนี้อย่างมาก

DeepSeek คือ ‘ม้ามืดตัวฉกาจ’ ของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ และนั่นทำให้การประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เหวินเฟิงได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง ว่ารัฐบาลควรปรับตัวอย่างไร เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“เราต้องการปัจจัยที่นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ โดยอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง กล่าวในที่ประชุม

ดูเหมือนว่ามหาอำนาจอย่างจีนกำลังจะเข้ามาเล่นสงครามเอไออย่างเต็มตัว และการรุกคืบของ DeepSeek ก็ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่น ๆ ทั้งสามารถทำให้ ‘ราคา’ ต้นทุนต่ำกว่าเอไอจากทางตะวันตก โดยใช้เงินทุนเพียง 5.58 ล้านดอลลาร์ (ต่ำกว่า GPT-4 ที่ใช้งบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์) ทุนต่ำชนิดที่ว่าบริษัทเอไอหลายรายในประเทศต้องลดราคาการใช้บริการกันแทบแหลกลาญ

“เป็นเวลาหลายปีแล้วที่บริษัทจีนคุ้นเคยกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาจากชาติตะวันตก และพวกเขาก็สร้างรายได้จากมันไปอย่างมหาศาล แต่สิ่งนี้ไม่ยั่งยืน เป้าหมายของเราไม่ใช่การได้มาซึ่งกำไรก้อนโต ในทางกลับกัน เราอยากจะก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปอยู่แถวหน้าของวงการเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต

“ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาของการปฏิวัติไอที เราแทบไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลักเลย เราคุ้นเคยกับกฎของมัวร์ (Moore's law) มัวแต่รอคอยเวลา 18 เดือนเพื่อให้ได้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เปลี่ยนไปในทิศทางดีขึ้น

“ความก้าวหน้าเหล่านี้เป็นผลมาจากความพยายามอย่างไม่ลดละของชุมชนเทคโนโลยี ซึ่งนำโดยตะวันตกหลายชั่วอายุคน เนื่องจากเราไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในกระบวนการนี้ เราจึงมองข้ามความสำคัญของมันไป แต่ช่องว่างที่แท้จริงอยู่ที่ความคิดริเริ่ม ไม่ใช่แค่เวลา”

จากต้นทุนที่ถูกกว่าส่งผลกระทบเข้าอย่างจังต่อตลาดการเงินในวันที่ 27 ม.ค. 2025 ตลาดหุ้นแนสแด็กซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ร่วงลงมากกว่า 3% โดยมีการเทขายหุ้นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงหุ้นของผู้ผลิตชิปและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก

แน่นอนว่าบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Nvidia บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ผลิตชิปและสามารถนำมาใช้ประมวลผลเอไอได้ โดยพวกเขาต้องสูญเสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์ ลดฮวบถึง 17% นับเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทก็ว่าได้

“ผมค่อนข้างประหลาดใจ เราไม่ได้มองว่าราคาจะเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ เราเพียงแค่ทำตามจังหวะของตัวเอง คำนวณต้นทุน และตั้งราคาตามนั้น หลักการของเราคือไม่ขายขาดทุนหรือแสวงหากำไรมากเกินไป อย่างการตั้งราคาในปัจจุบันก็สมเหตุสมผล เราสามารถอยู่ได้กับราคาเช่นนี้”

ห้าวันต่อมา Zhipu AI ก็ลดราคาตาม และไม่นานหลังจากนั้น ByteDance, Alibaba, Baidu และ Tencent ก็เข้าร่วมการแข่งขัน “ต้องบอกอย่างนี้ครับว่าการดึงดูดผู้ใช้บริการไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา เราลดราคาลงเพราะประการแรก ช่วงที่เราสำรวจโครงสร้างโมเดลรุ่นถัดไป ก็พบว่าเราสามารถลดราคาต้นทุนให้ต่ำกว่านี้ได้อีก ประการที่สอง เราเชื่อว่าการให้บริการ AI และ API ควรจะมีราคาที่เอื้อมถึงและทุกคนเข้าถึงได้ เราไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นผู้ก่อกวนหรือสร้างความวุ่นวายในตลาด”

เมื่อพิจารณาจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ของจีน คาดว่าตลาดเอไอของจีนจะมีมูลค่า 765 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ตามข้อมูลของ China International Capital Corp (CICC)

“ในยุคสมัยของเอไอ บริษัทเทคโนโลยีย่อมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะภูมิรัฐศาสตร์กำลังจะเปลี่ยนไป” วินสตัน หม่า (Winston Ma) ศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์กกล่าวถึงการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีปัญญหาประดิษฐ์

เด็กเนิร์ดกับทรงผมสุดเห่ย

เหวินเฟิงเป็นเด็กเนิร์ดชนิดที่ว่าเขาทำสิ่งที่หลายคนอาจเบือนหน้าหนี ทั้งทรงผมประหลาด การกระทำสุดพิลึก จนนำมาสู่การก่อตั้งกองทุน High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนที่ใช้โมเดล Machine Learning ในการวิเคราะห์ และซื้อขายหลักทรัพย์ทางการเงินเมื่อปี 2016

ในปี 2021 เหวินเฟิงได้กว้านซื้อชิป Nvidia A100 ไว้นับหมื่น ๆ ตัว (ปัจจุบันถูกห้ามส่งออกไปยังประเทศจีน) เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโปรเจกต์เอไอของตัวเอง เพื่อนร่วมงานต่างมองว่านี่อาจเป็นงานอดิเรกเล็ก ๆ ไม่ได้มองว่าการเขาจะพัฒนามันขึ้นมาอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเรียนจบจากสาขาวิศวกรรมสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์ การสะสมชิปไว้กับตัวอาจเป็นแค่ความคลั่งไคล้ส่วนตัวก็เป็นได้

"ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาเป็นผู้ชายเนิร์ดที่มีทรงผมแย่มาก พูดถึงแต่การสร้างคลัสเตอร์ชิปนับ 10,000 ตัว เพื่อฝึกโมเดลของเขาเอง เราไม่ได้สนใจความคิดของเขาเท่าไหร่นัก” หุ้นส่วนทางธุรกิจรายหนึ่งบอกถึงความทรงจำแรกที่มีต่อเหวินเฟิง

“เขาไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ของเขาให้เห็น นอกจากพูดแค่ว่า ‘ผมอยากสร้างสิ่งนี้ และมันจะเข้ามาเปลี่ยนเกม’ ผมคิดว่าสิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรายังมีคู่แข่งรายใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba ให้น่ากังวลอยู่”

กำเนิด DeepSeek

“ผมเติบโตในกวางตุ้งช่วงทศวรรษ 1980 พ่อของผมเป็นครูประถมศึกษา อีกสิบปีต่อมาผมมองเห็นโอกาสมากมายในการหาเงินจากเมืองแห่งนี้ ผู้ปกครองหลายคนแวะมาที่บ้านของเราและบอกว่าการเรียนหนังสือไม่มีประโยชน์

“แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มุมมองเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป เพราะสมัยนี้การหาเงินมันไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน แม้แต่การขับรถแท็กซี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้อีกต่อไป ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วอายุคน สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป” เหวินเฟิงให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 เวลาหนึ่งปีหลังจากเกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อเขาตัดสินใจเปิดตัวห้องวิจัยในปี 2023 เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AGI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีศักยภาพใกล้เคียงมนุษย์ โดยแยกการดำเนินงานออกจาก High-Flyer อย่างชัดเจน

ต่อมาในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน ห้องวิจัยดังกล่าวได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทอิสระในชื่อ DeepSeek โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง อย่างไรก็ตาม High-Flyer ยังคงมีบทบาทเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายสำคัญ บริษัทแห่งนี้มุ่งเน้นงานวิจัยด้าน AI โดยมองเรื่องผลประโยชน์ของมนุษยชาติเป็นสำคัญ

“DeepSeek ดำเนินธุรกิจเหมือนกับ DeepMind ในช่วงแรกที่เปิดบริษัท พวกเขาเน้นไปที่ความสำคัญของการวิจัยและวิศวกรรมเพียงอย่างเดียว” นักลงทุนด้านเอไอแสดงความคิดเห็น ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้นำอย่างเหวินเฟิง เพราะเขาอยากทำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน ไม่ได้มองว่าต้องแข่งขันด้านราคากับใคร

“ในอนาคต กลยุทธ์ของเราอาจมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เราพัฒนาขึ้นจะไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกขั้นตอน แต่ทุกกระบวนการทดสอบที่ผ่านมา ได้ช่วยเสริมความมั่นใจในระดับหนึ่ง ผู้คนอาจเห็นความสำเร็จในช่วงปี 2015 แต่ในความเป็นจริง เราได้ศึกษาและทำงานในด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 16 ปี”

“เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมเอไอ ความก้าวหน้าของสิ่งที่เราพัฒนาขึ้นยังคงสอดคล้องกับสิ่งที่เราคาดหวังไว้ตั้งแต่ต้น OpenAI ไม่ใช่พระเจ้า พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ได้ตลอด”

ความพิเศษของ DeepSeek คือการให้เหตุผล แสดงขั้นตอนการคิดอย่างลำดับ และอธิบายผลลัพธ์อย่างเป็นระบบ สิ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับคนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเรื่องการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และตรรกะที่ซับซ้อน พวกมันสามารถทำออกมาได้ดี โดยตัวโมเดล R1 นั่นมีความสามารถเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดล o1 ในงานบางประเภท เช่น ‘แบบทดสอบคณิตศาสตร์ AIME’ ที่ DeepSeek-R1 ได้คะแนน 79.8% ขณะที่ OpenAI ทำได้ 79.2%

DeepSeek ยังรองรับภาษาโปรแกรมมากกว่า 80 ภาษา สามารถช่วยนักพัฒนาในการสร้างโค้ด ตรวจสอบโค้ด และแก้ไขข้อผิดพลาด ช่วยตอบคำถาม แปลภาษา และเขียนบทความขั้นมาใหม่ ได้ตั้งแต่เรียงความ บทกวี บทสนทนา ตลอดจนช่วยวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) 

การจะได้มาซึ่งเอไอสุดล้ำนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง พวกเขาไม่มีแบ่งแยกเรื่องอายุ ความอาวุโสไม่มีผลต่อการทำงาน มีเพียงสิ่งเดียวที่มีร่วมกันคือ ความเก่งกาจเหนือมนุษย์

“เราไม่มีผู้วิเศษที่นี้มีเพียงบัณฑิตจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำ ผู้สมัครปริญญาเอก (แม้กระทั่งนักศึกษาฝึกงานปีที่สี่หรือห้า) และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถซึ่งมีประสบการณ์ทำงานเพียงไม่กี่ปี”

การให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน รับฟังความคิดเห็นของพวกเขาโดยปราศจากอคติ ผลักดันให้ DeepSeek กลายเป็นสตาร์ตอัพน้องใหม่ที่น่าจับตามอง นอกจากจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แล้ว เหวินเฟิงยังมีความคิดว่าจีนจะต้องเป็นแหล่งรวมคนเก่งด้านเอไอระดับหัวกะทิมาไว้ ณ แดนมังกรแห่งนี้ให้ได้

“แม้ว่าคนเก่งด้านเอไอ 50 อันดับแรกของโลกอาจไม่ได้อยู่ในประเทศจีนในช่วงเวลานี้ แต่เราตั้งเป้าว่าจะหว่านเมล็ดพันธุ์สร้างคนเก่งของเราขึ้นมาเอง”

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

 

อ้างอิง