กาเบรียล อามอร์ธ บาทหลวงไล่ผีแห่งวาติกัน เชื่อ ‘สตาลิน’ ถูกสิง Harry Potter เป็นนิยายปีศาจ

กาเบรียล อามอร์ธ บาทหลวงไล่ผีแห่งวาติกัน เชื่อ ‘สตาลิน’ ถูกสิง Harry Potter เป็นนิยายปีศาจ

หลวงพ่อ ‘กาเบรียล อามอร์ธ’ (Gabriele Amorth) อดีตหัวหน้าบาทหลวงไล่ผีแห่งวาติกัน ผู้ก่อตั้งสมาคมขับไล่ปีศาจนานาชาติ (International Association of Exorcists) และเคยออกความเห็นว่า ‘โจเซฟ สตาลิน’ (Joseph Stalin) โดนปีศาจสิง และ ‘Harry Potter’ คือนวนิยายซาตาน

  • หลวงพ่ออามอร์ธเชื่อว่าต้นตอสาเหตุที่ทำให้ ‘ฮิตเลอร์’ กับ ‘สตาลิน’ ก่อการกระทำอันโหดร้ายในประวัติศาสจตร์เป็นเพราะถูกปีศาจเข้าครอบงำ
  • ท่านยังเคยออกมาแสดงความคิดเห็นอีกว่า ‘โยคะ’ กับนวนิยาย ‘Harry Potter’ เป็นสิ่งชั่วร้าย
  • วีรกรรมมือฉมังของหลวงพ่ออามอร์ธกับผลงานที่เคยปราบผีกว่า ‘แสน’ ครั้ง จนกลายเป็นตัวตึงด้านการปราบผีแห่งวงการ

เพราะถูกปีศาจเข้าสิง จึงเป็นต้นตอสาเหตุของความชั่วร้ายที่ฮิตเลอร์และสตาลินได้ก่อ และการออกกำลังกายโยคะและการอ่านนวนิยาย Harry Potter เป็นสิ่งชั่วร้าย คือความเห็นของ กาเบรียล อามอร์ธ (Gabriele Amorth) หรือที่รู้จักกันในนาม หลวงพ่ออามอร์ธ (Father Amorth) บาทหลวงตัวท็อปแห่งวงการการขับไล่ปีศาจที่เคยลงสนาม (และผ่าน Skype) มานับแสนครั้ง ที่มีผู้คนตั้งคำถามกันอยู่ไม่น้อย

แม้จะจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 2016 แต่เรื่องราวของท่านกับการต่อกรกับอำนาจชั่วร้ายของปีศาจกลับถูกนำมาสร้างใหม่จากหนังสือที่ท่านเคยประพันธ์เอาไว้ในภาพยนตร์ที่จะนำแสดงโดย รัสเซลล์ โครว์ (Russell Crowe) ในชื่อเรื่อง The Pope’s Exorcist (2023)

ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับเขาคนนี้ บาทหลวงมือฉมังด้านการปราบผี กับความเห็นสุดโต่งพร้อมเหตุผลว่าทำไมท่านจึงเชื่อแบบนั้น
 

‘ฮิตเลอร์’ กับ ‘สตาลิน’ ถูกปีศาจเข้าสิง?

ผมมั่นใจว่าพวกนาซีทั้งหมดถูกปีศาจครอบงำ คุณลองคิดถึงสิ่งที่ ‘ฮิตเลอร์’ กับ ‘สตาลิน’ ทำก็ได้ มันยิ่งชัดเจนเลยว่าพวกเขาถูกปีศาจเข้าสิง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำของทั้ง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) และ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) นั้นโหดร้ายผิดมนุษย์มนาเป็นอย่างมาก ผู้คนนับล้านชีวิตต้องถูกคร่าไปด้วยอุดมการณ์และอำนาจที่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาเหล่านั้น จึงไม่แปลกเลยแม้แต่น้อยถ้าใครจะเปรียบเผด็จการทั้งสองเป็นดั่งปีศาจในร่างมนุษย์

แต่ดูเหมือนว่าหลวงพ่ออามอร์ธไม่ได้พยายามจะเปรียบเปรยว่าพวกเขาชั่วช้าดั่งปีศาจ แต่ท่านเชื่อจริง ๆ ว่าทั้งคู่ และรวมถึงสมาชิกนาซีทั้งหลาย ถูกครอบงำ (Possessed) โดยปีศาจ โดยหลวงพ่อได้อธิบายเพิ่มเติมว่า

หลักฐานที่พิสูจน์ได้ชัดก็มาจากพฤติกรรมและการกระทำที่พวกเขาได้ก่อและความสยองขวัญและโหดร้ายที่เกิดขึ้นจากคำสั่งของพวกเขานี่แหละ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องปกป้องสังคมเราให้ห่างไกลจากเงื้อมมือของปีศาจ

การถูกปีศาจเข้าสิงร่าง ใครหลายคนก็น่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว บ้างก็จากภาพยนตร์ บ้างก็จากสารคดี หรือบ้างก็จากพิธีกรรมจริง ๆ เอาละ…เราคงไม่มาถกเถียงกันว่ามันจริงหรือเท็จอย่างไร แต่ส่วนมากที่เราเห็น เราจะเห็นว่าปีศาจมักจะเข้าครอบงำร่างทีละคน ไม่ได้เข้าสิงเป็นหมู่คณะ แต่หลวงพ่ออามอร์ธเชื่อว่าเหล่านาซีทั้งหลายถูกครอบงำกันทั้งนั้น

นั่นหมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นถูกสิงพร้อม ๆ กันทุกคนเลยหรือเปล่า?

โดยหลวงพ่ออามอร์ธเคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับวิทยุวาติกัน (Vatican Radio) เอาไว้ว่า

แน่นอนว่าปีศาจนั้นมีอยู่จริง และไม่เพียงแค่มันสามารถเข้าครอบงำคนคนเดียวได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถครอบงำผู้คนเป็นหมู่คณะได้อีกด้วย

บางคนก็อาจจะตั้งคำถามว่าหลวงพ่ออามอร์ธคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า ในประเด็นนี้เราอาจจะต้องบอกว่าไม่ใช่ท่านคนเดียวที่สันนิษฐานไปในแนวทางนั้น เพราะย้อนกลับไปในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 (Pope Pius XII) ก็เคยได้ทำ ‘พิธีไล่ผีทางไกล’ (Long Distance Exorcism) กับฮิตเลอร์ แต่กลับไม่เป็นผล

สำหรับหลวงพ่ออามอร์ธ ผู้ที่เคยประกอบพิธีกรรมการไล่ผีทางไกลผ่านโปรแกรมอย่าง Skype มาก่อน (ซึ่งได้ผลเสียด้วย) ท่านเองก็ได้แสดงความเห็นต่อการที่สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ขับไล่ปีศาจออกจากฮิตเลอร์ไม่สำเร็จเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ยินยอมหรือมีเจตจำนงเดียวกับที่อยากจะขับไล่ปีศาจออกจากร่าง จึงทำให้พิธีกรรมครั้งนั้นไม่เป็นผล

ผมไม่ข้องใจเลยแม้แต่น้อยว่าฮิตเลอร์ถูกปีศาจสิงหรือเปล่า และผมก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมท่านพระสันตะปาปาปิอุสถึงได้ลองประกอบพิธีกรรมขับไล่ปีศาจแบบทางไกล (กับฮิตเลอร์) ดู

ท้ายที่สุด จะจริงจะเท็จประการใดก็ขึ้นอยู่แต่ละความเชื่อและวิจารณญาณของผู้อ่านแต่ละคน แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จ มันก็ไม่สามารถมาหักล้างหรือกลบความชั่วร้ายอันเป็นจุดด่างพร้อยของประวัติศาสตร์มนุษยชาติออกไปได้ เพราะการกระทำเหล่านั้น - ไม่ว่าจะถูกเข้าสิงหรือไม่ - มันจะต่างอะไรกัน ในเมื่อมันก็โหดร้ายไม่ต่างอะไรกับการกระทำของปีศาจ…

 

Harry Potter คือเครื่องมือของซาตาน?

การฝึกโยคะนับเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย มันคือหนทางของปีศาจ คล้ายกับการอ่าน Harry Potter นั่นแหละ

ในกรณีก่อนหน้า ผู้อ่านหลายคนก็น่าจะพอจินตนาการกันออกว่าทำไมหลวงพ่ออามอร์ธถึงมองว่าผู้นำเผด็จการเหล่านั้นถูกปีศาจครอบงำ…

แต่โยคะกับนวนิยาย Harry Potter เนี่ยนะ!!!!

โยคะ (Yoga) นับเป็นการออกกำลังกายที่มอบความสงบเปรียบดั่งการได้ทำสมาธิให้แก่ผู้ปฏิบัติเป็นอย่างมาก แถมยังแพ็กคู่มากับสุขภาพที่ดีอีกด้วย นวนิยายแห่งโลกเวทมนตร์ที่วาดฝันจินตนาการที่ใครหลายคนก็อยากจะลองเข้าไปในหนังสือดูสักครั้งอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ก็นับเป็นเรื่องราวอมตะที่มีแฟน ๆ คอยติดตามอยู่ทั่วทั้งโลก

แล้วทำไมหลวงพ่ออามอร์ธถึงมองทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนัก?

เริ่มที่โยคะกันก่อน ในบทสัมภาษณ์หนึ่ง หลวงพ่ออามอร์ธได้อธิบายเหตุผลเกี่ยวกับการมองว่าโยคะเป็นกิจกรรมที่เลวร้าย เป็นเพราะมันเป็นหนทางและหลักคำสอนที่ใกล้เคียงกับศาสนาฮินดู (Hinduism) หรือความเชื่อจากศาสนาทางตะวันออกที่เชื่อในการกลับชาติมาเกิดใหม่ (Reincarnation) ซึ่งหลวงพ่อมองว่าเป็นความเชื่อที่ไม่เป็นความจริง 

สำหรับนวนิยายยอดฮิตอย่าง Harry Potter หลวงพ่ออาร์มอร์ธมองว่าโลกเวทมนตร์ในเรื่องเปรียบเสมือนการปลูกฝังเยาวชนที่ได้อ่านเรื่องราวดังกล่าวปักใจเชื่อในการมีอยู่ของมนตร์ดำ (Black Magic) มันเหมือนเป็นการปลูกฝังแนวคิดของปีศาจลงไปในความคิดของเด็ก ๆ เสมือนว่านวนิยายเรื่องนี้แฝงเจตจำนงของปีศาจไว้อยู่เบื้องหลัง

แน่นอนว่ามีผู้คนไม่น้อยที่เห็นต่างจากความเห็นของหลวงพ่ออามอร์ธ ทั้งประเด็นของโยคะและ Harry Potter เพราะหลายคนก็มองว่ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น และมองว่าความเห็นของหลวงพ่อสุดโต่งเกินไป

 

หลวงพ่ออามอร์ธ…ชื่อนี้ผีต้องกลัว

ในบทความนี้เราได้กล่าวถึงความเห็นสุดแหวกของหลวงพ่อมากันระดับหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเราจะลืมเล่ากันไปว่าหลวงพ่อท่านนี้เป็นใคร? มีชื่อเสียงหรือยิ่งใหญ่เพียงไหน? แล้วเพราะอะไร ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญขึ้นหิ้งอย่าง วิลเลียม ฟรีดคิน (William Friedkin) เจ้าของผลงานอมตะ The Exorcist (1973) ถึงได้สร้างสารคดีเกี่ยวกับหลวงพ่ออามอร์ธขณะที่กำลังประกอบพิธีกรรมขับไล่ปีศาจ (จริง ๆ) จนเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Devil and Father Amorth (2017)

ชื่อจริงของท่านคือ กาเบรียล อามอร์ธ เกิดที่ประเทศอิตาลี 14 ปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุ ผันตัวจากประชาชนธรรมดาเพื่อเป็นบาทหลวงในปี 1954 แต่กว่าจะได้มาเริ่มประกอบพิธีการไล่ปีศาจจริง ๆ จัง ๆ ก็ต้องรอกว่า 32 ปี เพราะท่านเพิ่งจะถูกแต่งตั้งให้ดูแลด้านการขับไล่ปีศาจในปี 1986 

แม้จะมีความเห็นต่อเรื่องบางเรื่องที่ทำให้ใครหลายคนไม่เห็นด้วย แต่วีรกรรมของหลวงพ่ออามอร์ธเรียกว่าเป็นสุดยอดคนหนึ่ง เพราะหากพูดถึงเรื่องการไล่ผี กาเบรียล อามอร์ธ ถือเป็น ‘ตัวตึง’ ของวงการเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดชีวิต 91 ปีของหลวงพ่อ ท่านได้ประกอบพิธีกรรมการขับไล่ปีศาจไปนับ ‘แสน’ ครั้ง!

ประสบการณ์การไล่ผีของท่าน หากจะเรียกว่าเป็นมือฉมังแห่งวงการก็ไม่ผิดนัก เพราะท่านเป็นผู้ก่อตั้ง สมาคมขับไล่ปีศาจนานาชาติ (International Association of Exorcists) ซึ่งจะรวมตัวท็อปของวงการการขับไล่ปีศาจและสมาชิกอีกราว 200 คนอยู่ในสมาคม ซึ่งภายในสมาคมก็จะคอยรับพิจารณาเคส ‘หิน ๆ’ ของการถูกปีศาจเข้าสิงเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1990

นอกจากนั้นท่านยังได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์การขับไล่ปีศาจออกมาหลายเล่ม จน An Exorcist Tells His Story หนึ่งในผลงานของท่านถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Pope’s Exorcist (2023) แถม วิลเลียม ฟรีดคิน ก็ยังเคยได้ไปตามติดและถ่ายทำสารคดีที่ท่านได้ทำการไล่ผีจริง ๆ ในปี 2017 อีกด้วย 

หลวงพ่ออามอร์ธเสียชีวิตลงในปี 2016 ในประเทศอิตาลีจากปัญหาเกี่ยวกับปอด หลังจากการจากไป มีบาทหลวงหลายคนออกมาบรรยายความรู้สึกว่าวีรกรรมของหลวงพ่ออามอร์ธในการต่อกรกับปีศาจคือแรงบันดาลใจให้เขาอยากสานต่อมันต่อไป และการจากไปของท่านในครั้งนี้ ก็ถือเป็นเวลาที่ท่านจะได้พักจากนานาสนามรบกับปีศาจตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทยเอง ก็มีเรื่องราวของบาทหลวงที่กล่าวถึงเรื่องราวของพิธีกรรมการขับไล่ปีศาจเช่นเดียวกัน สามารถรับชมได้ที่บทสัมภาษณ์นี้

 

ภาพ

Getty Images

IMDb

อ้างอิง :

Noted Catholic exorcist Gabriele Amorth dies at 91 - DW
Father Gabriele Amorth obituary - The Guardian
Hitler and Stalin were possessed by the Devil, says Vatican exorcist - Daily Mail
Rome's exorcist, Father Gabriel Amorth, dies at age 91 - Catholic News Agency
Russell Crowe to star as the Vatican's chief exorcist in new film - Catholic News Agency