07 มิ.ย. 2562 | 18:34 น.
แม้สังคมไทยจะเปิดรับความหลากหลายทางเพศ แต่สำหรับ “ติ๊ก” แล้ว การเป็นสาวข้ามเพศยังคงมีกรอบกฎเกณฑ์ทางกฎหมาย และค่านิยมทางสังคมหลายอย่างที่จำกัดเสรีภาพในการใช้ชีวิต ทั้งการใช้คำนำหน้าชื่อ การสมรส หรือเรื่องใกล้ตัวอย่างเช่นการใช้ห้องน้ำ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหลังก้าวเข้ามาอยู่หลังลูกกรง เธอกลับใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระยิ่งกว่าโลกเสรีข้างนอกเสียอีก “จำวันแรกได้เลย เราร้องไห้กลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าข้างในมันมีอะไร เราพยายามขอเขาว่าเราแปลงเพศแล้วนะอยู่แดนหญิงได้ไหม เคยกังวลไปก่อนด้วยว่าแบบเราไปอยู่กับผู้ชายต้องโดนนู้นนั้นแน่ ๆ เลย” หลังจากต่อสู้คดีมานานกว่า 1 ปี จากคดีครอบครองยาไอซ์หนักกว่า 27 กรัม ที่เพื่อนของเธอเป็นสายให้ตำรวจสาวต่อมาจนถึงตัวเธอ ชีวิตของติ๊กจากเป็นเอเจนซีขายทัวร์เกาะช้างที่กำลังมีอนาคตไปได้สวยก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เธอได้เก็บกระเป๋าย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่ชื่อว่าเรือนจำ พร้อมสัญญาระยะยาวนาน 25 ปี “หนูเคยมีแฟนเป็นฝรั่ง แต่พอเลิกกันชีวิตมันก็เคว้งคว้าง ทำงานอย่างเดียวเหนื่อยก็เที่ยวกลางคืนไปเรื่อย จนได้ลองไอซ์แล้วเริ่มติด พอติดมากขึ้น ๆ ก็หามาเก็บมาตุนเยอะ ๆ ไว้แบ่งปันให้เพื่อน แต่คนที่ไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด เขาพาตำรวจมาจับหนูถึงบ้าน” ทนายความที่ติ๊กจ้างมาเพื่อสู้คดี แนะนำให้เธอยอมรับสารภาพเพื่อแลกกับโทษจำคุก 25 ปี แทนการหมดอิสรภาพไปตลอดชีวิต เธอบอกว่าตอนแรกรู้สึกท้อมากจนคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายพอได้มาเจอเพื่อน ๆ ที่คอยช่วยเหลือ ก็เลยเริ่มมีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่มากขึ้น จนเธอเริ่มยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามบอกตัวเองให้ลุกขึ้นมาทำตัวเป็นคนใหม่ ตั้งใจฝึกวิชาชีพทั้งเรียนจัดดอกไม้ ทำอาหาร เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับวันข้างหน้าสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ “ข้างในนี้ก็เหมือนข้างนอก ต่างแค่ไม่มีอิสรภาพ เพราะมีกฎระเบียบชัดเจน แต่ในนี้มีเสรีภาพ มีความเท่าเทียม นอนรวมกัน อาบน้ำรวมกัน ไม่มีการแบ่งแยก” สาวข้ามเพศวัย 29 คนนี้ อาศัยอยู่ในแดนหญิง ที่นั่นเธอได้รับการดูแลเหมือนผู้หญิงคนอื่น แม้ในช่วงแรก ๆ นักโทษหญิงด้วยกันจะมองด้วยความแปลกใจ เพราะว่านาน ๆ จะมีสาวข้ามเพศเข้ามาในนี้ แต่สุดท้ายเพื่อน ๆ ต่างก็ยอมรับเข้าใจ แล้วให้ความช่วยเหลือเธอตลอด หนึ่งปีผ่านไป ตอนนี้ชีวิตติ๊กเริ่มลงตัว ได้ทำงานในโรงครัว ได้อยู่กับผู้หญิงด้วยกัน ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงที่เธอฝันมาตลอด “หนูเรียนรู้หลายอย่างในสิ่งที่ถ้าอยู่ข้างนอกไม่มีโอกาส ได้สวดมนต์ทำให้ใจเราสงบขึ้น จนตอนนี้เลิกร้องไห้แล้วค่ะ เพราะมีคนอื่นที่ลำบากกว่าเรา ไม่มีญาติมาเยี่ยม ถ้าเขายังอยู่ได้เราก็ต้องทนได้เหมือนกัน” เธอบอกว่าถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลยแม้แต่น้อย ช่วงเวลา 25 ปีที่เธอกำลังสูญเสียไป ควรเป็นเวลาที่ได้ใช้ทำงานหาเงินเพื่อดูแลพ่อแม่ ที่แม้เธอจะก้าวพลาด แต่พวกเขาก็ให้โอกาสยอมรับทั้งสิ่งที่เธอเป็น และสิ่งที่ผ่านมา “ถ้าออกไปได้เลยตอนนี้ จะรีบไปหาพ่อแม่ คิดถึงทุกวันอยากอยู่ต่อไปเพื่อรอวันออกไปทดแทนบุญคุณพวกเขาค่ะ” สาวในชุดสีฟ้ายิ้มอย่างมีหวัง