04 พ.ย. 2565 | 17:39 น.
ก่อนจะมาเป็น เขาทราย กาแล็กซี เรื่องราวชีวิตของกำปั้นหมัดหนักผ่านมาแล้วหลายรสชาติ ในวัยเด็กเขาอยากชกมวยแต่ก็เกือบเลิกตั้งแต่ไฟต์แรก จนถึงวันได้แชมป์โลก ได้รับทองคล้องคอหลายร้อยบาท และไฟต์ในความทรงจำที่โหด-มัน-ฮา
การชก(บนสังเวียน)และชื่อเสียงเรื่องหมัดหนักจนได้ฉายา ‘ซ้ายทะลวงไส้’ ชีวิตของเขาทราย กาแล็กซี หรือ สุระ แสนคำ ไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว จากชื่อ เขาทราย เขาเคยถูกเรียกว่า เขาควาย มาก่อน
เส้นทางชีวิตของ สุระ แสนคำ กว่าจะได้รับขานชื่อว่า เขาทราย แบบเต็มปาก เขาผ่านเรื่องราวมากหลาย เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกผสมปนเป สุข เศร้า ซึ้ง ผิดหวัง และความรักที่มีต่อแม่และครอบครัว
บทสัมภาษณ์นี้ เขาทราย กาแล็กซี เล่าหมดเปลือกถึงเรื่องชีวิตและไฟต์ในความทรงจำของเขา บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์โลกอีกหน้าหนึ่งผ่านปากเจ้าของเรื่องราวเอง
The People: มาชกมวยได้อย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: จริง ๆ แล้วผมเริ่มชกมวยได้เพราะแม่นะ แม่เป็นคนที่ชอบมวย สมัยนั้นผมเกิดปี 2502 พอดี…แล้วแม่ชื่นชม โผน กิ่งเพชร พอได้คลอดลูกออกมาเป็นคู่แฝดก็อยากให้ลูกเป็นนักมวย
สัก 5 ขวบ แม่ก็เริ่มซื้อนวมให้ แม่พาไปดูมวยทุกสถานที่ เวทีตามงานวัด งานโรงเรียน ที่มีการจัดมวยแล้วก็จะให้ดูมวย แล้วแม่จะไม่ดูมหรสพอย่างอื่น แม่ก็จะพาลูก 2 คน จูงมือพาไปดูมวย แล้วหลังจากนั้น ลูกพอได้เห็นมวยเขาชกกันทุกวันบ่อย ๆ เข้า ลูกก็ร้องไห้อยากได้นวม แม่ หนูอยากได้นวม แม่ก็แข็งใจซื้อให้มา 2 คู่ พอได้มา 2 คู่ มันก็ฟัดกันทุกเย็น (หัวเราะ) เขาเรียกว่าซึมซับเข้าสายเลือด
หลังจากนั้นก็มีชาวบ้าน คือบ้านจะเป็นขายของชำแล้วจะมีร้านกาแฟ หน้าบ้านก็จะล้อมวงกินกาแฟไปด้วย แล้วดูเด็กคู่แฝด 2 คนนี้ชกมวย แต่ต้องจ้างเด็ก 2 คนนะ น่ะ หาตังค์เป็นตั้งแต่ 5 ขวบแล้ว จ้างบาท 2 บาทก็แล้วแต่ อ้าว ชกให้ดูซิ จะให้ตังค์อะไรอย่างนี้
มันก็ชกกัน ทุกเย็นก็ชกกันอยู่แล้ว มันก็เลยซึมซับเข้าสายเลือด แล้วหลังจากนั้น เขาค้อเป็นคนที่เริ่มต้นก่อน ชกมวยเวที พาไปชกตั้งแต่น้ำหนัก 30 กิโลกรัม ชกอยู่ประมาณสัก 2 ปี
ผมเนี่ยจริง ๆ แล้วผมไม่อยากชกหรอก กลัวเจ็บ แต่จริง ๆ แล้วไปขอตังค์เขาค้อ ขอเงิน เฮ้ย โรจน์ขอตังค์สัก 10 บาทสิ เขาค้อเป็นคนขี้เหนียว ไม่ให้แม้แต่สลึงเดียว เฮ้ย เอ้า อย่างนั้นชกเองก็ได้วะ ก็เลยเริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา
The People: จากคนที่กลัวเจ็บ ทำไมถึงตัดสินใจขึ้นชกจริงจังหลังจากนั้นเป็นต้นมา
เขาทราย กาแล็กซี: มันเป็นการเริ่มต้น คือว่าในเมื่อขอไม่ได้ กูชกเองก็ได้ ชกเองก็ได้คืออย่างน้อย ๆ ชกมวยมาแล้วมันก็ได้เงินมาไง ครั้งแรกชก 50 บาท เชื่อไหม ไอ้ 50 บาทไม่สนใจ เพราะว่าเจ็บแบบสะบักสะบอม นั่งอึไม่ได้ แล้วก็บอกแม่ว่าแม่ เข็ดแล้วไม่เอาแล้ว พอแล้ว แต่มาได้กำลังใจจากแม่ ทายาหม่องไปด้วย ปลอบใจไปด้วย คุยไปด้วย
ลูก ถ้าคิดจะชกมวยนะ มันต้องซ้อม มันต้องวิ่ง ถ้าอย่างนี้นะ มันจะไปสู้ใครได้ แล้วหลังจากนั้นเชื่อไหมฮะว่าตี 5 ทุกวัน พอมันหายเจ็บมันก็อยากชกอีก มันได้เงินไง แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ให้แม่หมดอยู่แล้วแหละ วิ่งตอนเช้าตี 5 ทุกเช้า
โอ้โห้ ร่างกายทีนี้ไม่กลัวใครแล้ว มันแข็งแรงเหลือเกิน เพราะว่ามันฮึกเหิม แล้วต่อยกับใครก็โอ้โห ใครจะมาสู้เรา พละกำลังมันเหลือเฟือ เขาเรียกว่าตอนเด็กมันได้เปรียบ เราเป็นคนขยันอยู่แล้วไง
The People: สภาพไฟต์ที่ขึ้นชกครั้งแรกเป็นอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: คือจริง ๆ ไม่ได้ตัดสินว่าแพ้หรือชนะ เพราะว่าชก 3 ยกก็เสมอกัน แต่พอกลับลงมามันแทบเดินไม่ได้ นั่งอึไม่ได้ สะบักสะบอม หมายถึงว่าเจ็บไปหมด เจ็บไปทั่วร่างกายเลยพูดง่าย ๆ เพราะหนึ่ง-เราไม่ได้ซ้อม ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ซ้อม ไม่ได้ฝึกฝนอะไรมา เราอยู่ ๆ ก็ขึ้นไปชกเลยไง
The People: ยังจำความรู้สึกของไฟต์ชิงแชมป์โลกครั้งแรกได้ไหม มันเป็นอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: ชิงแชมป์โลก จำได้สิฮะ ชิงแชมป์โลกครั้งแรกนี่กับ Eusebio Espinal ที่เวทีราชดำเนิน จัดตอนนั้น ผมอยู่อันดับ 2 Eusebio Espinal อยู่อันดับ 1 เพราะว่าชิงที่ว่าง ชิงที่ว่างหมายถึงว่า จิโร วาตานะเบะ เป็นแชมป์โลกชาวญี่ปุ่นซึ่งถูกปลดลงไป แล้วผมก็ได้ชิงที่ว่าง
ถ้าเขาไม่ปลดไม่รู้จะได้ชิงเมื่อไหร่ เพราะว่าผมก็รอมา 3 ปีแล้วกว่าจะได้ชิง เมื่อไหร่จะได้ชิงสักที สด จิตรลดา พเยาว์ พูนธรัตน์ มาทีหลัง เป็นแชมป์โลกก่อนหมดเลย ผมก็รออยู่นั่นแหละ แต่สุดท้ายไอ้การที่ว่ามันอุ่นเครื่องทั้งหมด 25 ไฟต์กับชาวต่างประเทศ น็อกซะส่วนมาก ไม่เคยแพ้เลย แล้วมันก็เลยได้ชิงแชมป์โลก แล้วหลังจากนั้น มันน็อกในยกที่ 6 ครับ
The People: อะไรที่ทำให้ยังคงชกมวย เลือกสู้ต่อระหว่างรอชิงแชมป์โลกถึง 3 ปี
เขาทราย กาแล็กซี: คืออย่างนี้ ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเราเลิกมวยตอนนี้ แล้วกลับไปเนี่ยจะทำอะไร ทำไร่หรือ ก็ปีหนึ่งกว่าจะได้เห็นผล ทำนาหรือ ปีหนึ่งกว่าจะได้เห็นผล มวยนี่แหละ รอโอกาส รอชิงแชมป์โลก เพราะในฐานะเราเป็นแชมป์โลกแล้ว เราจะกลับไปก็ไม่ได้ เราจะถอยหลังก็ไม่ได้ เราต้องกัดฟัน ถึงแม้ว่าเราจะช้าหน่อย แต่มันก็อดทน
ความอดทนเราเป็นเลิศอยู่แล้ว เพราะว่าพ่อแม่เราสอนให้เป็นคนที่อดทนทรหดอยู่แล้ว ฝึกฝนมาตั้งแต่เล็ก ๆ วิ่งซ้อมกันตั้งแต่เล็ก ๆ แม่เอาถุงปุ๋ยมาแขวนบนต้นมะม่วงก็ตั้งแต่เล็ก ๆ ฝึกกันตั้งแต่เล็ก ๆ ฉะนั้น มันมีความอดทนก็ตั้งแต่นั้นมาแล้ว
เมื่อเรามาแค่นี้ ตอนนั้นอายุสัก 25 ปีแล้วที่ได้ชิง มันก็ยังไม่แก่จนเกินไป 25 เนอะ มันก็ต้องอดทนได้
แล้วตอนจะชิงแชมป์เนี่ยมันฮึกเหิม แบบซ้อมตายเป็นตาย ซ้อมยังไงก็ไม่กลัว คู่ซ้อมกี่คนเข้ามาเลย เรียงหน้าเข้ามาเลย ผมใช้คู่ซ้อมทั้งหมด 4 คนที่มารุมผมยกเดียว 1 นาที 1 คน เข้ามา 1 นาที 1 คน แล้วอีกคนคนสุดท้ายเนี่ย มาเลย ไล่ต่อย แล้วผมก็จะไม่โต้เขา มันบุกได้ ลุยได้ แล้วก็ต้องหลบได้ มันต้องเป็นอย่างนั้นนะมวย
มวยสมัยนี้มันไม่มี ทำไมถึงไม่เก่ง เพราะว่ามันต้องมีทั้ง 2 สไตล์ ผมฝึกมาอย่างนั้นจริง ๆ สไตล์แรกคือ fighter สไตล์ที่สองคือ boxer เมื่อคุณเพลี่ยงพล้ำ คุณต้องหลบหลีกเอาตัวรอดให้ได้ แล้วก็คุณโต้ตอบเขาให้ได้แค่นั้นเอง
The People: ในมุมมองส่วนตัว คิดว่าที่สามารถทำสติถิน็อกได้เยอะมีที่มาจากอะไร
เขาทราย กาแล็กซี: ผมว่ามันมีความฮึกเหิม ขวัญและกำลังใจจากเราดีกว่า ไหน ๆ ก็เราต้องน็อกแล้ว ในเมื่อคราวหน้าก็ต้องน็อกอีก มันก็คิดอย่างนั้นนะ แล้วก็ฝึกซ้อมก็มีส่วนด้วย เพราะว่าร่างกายก็แข็งแรง น้ำอดน้ำทนเราก็ดี
เราคิดอยู่อย่างเดียว ในโลกนี้ใครจะมาสู้เราวะ ร่างกายเราก็ดี หมัดเราก็หนัก
ไปไหนไปต่างประเทศ เราก็มีกรรมการไปด้วย ก็คือหมัดของเรานี่ไง เราไม่ต้องรอตัดสิน ไม่ต้องรอผลคะแนน มันต้องน็อกอย่างเดียว
มันก็เลย... พวกกรรมการต่างชาติเข้ามาดูสถิติว่า คุณทำไปได้ยังไง เห็นไหมว่าสถิติการน็อกมันเป็นสิ่งที่ฮึกเหิม แล้วก็หาได้ยากที่จะทำแบบนี้
The People: หมัดหนักเพราะซ้อม หรือคิดว่ามาจากร่างกายที่ได้ความพิเศษมาตั้งแต่เกิด
เขาทราย กาแล็กซี: ไอ้คนที่หมัดหนักเนี่ย ผมว่ามันเป็นพรสวรรค์ แล้วก็เทคนิคในการชก แล้วก็มีลำหักลำโคนที่กล้าได้กล้าเสีย กล้าต่อย กล้าอะไรอย่างนี้ดีกว่า แต่จริง ๆ แล้ว ผมโดนนับไม่รู้กี่ครั้ง มันก็โดนเขาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่โดน เขาก็หนักเป็นเหมือนกัน เขาก็ต่อยเป็นเหมือนกัน แต่มันอยู่ที่เทคนิคในการแก้เกม
แก้เกมในการชก ทำยังไงวะจะได้ต่อยท้องเขา มันก็คิดไปทุกวินาทีเลยระหว่างชกนะ แต่ละยกนะ มันก็เลยได้เปรียบเขาตรงนี้ แล้วก็ดูวิธีศึกษาเทปของคู่ต่อสู้ว่า เขาถนัดหมัดอะไร เราก็มาแก้เกมกัน มันก็เลย…ไม่รู้นะ เราอาจจะได้เปรียบในเชิงที่เราเป็นฝ่ายชกลำตัวได้ดี แล้วก็ชกวงในได้ดี ถ้าเป็นมัวเล่นเชิง ต่างชาติเชิงเขาไม่ต้องพูดถึง เทคนิคเขาเก่งอยู่แล้ว ฉะนั้น เราก็ต้องมีวิธีการชกของเราที่ถูกต้องนะ
The People: เพราะใช้สไตล์มวยอึดที่เหมาะกับตัวเองด้วยไหม
เขาทราย กาแล็กซี: เออ ใช่ ผมว่ามันศึกษาคู่ต่อสู้แล้วหนึ่ง แล้วมันเป็นไม้ตายของเรา ถ้าเราเล่นวงนอกไม่ได้ เราก็เล่นวงใน แต่เราถนัดวงในของเรา เราก็พยายามใช้ให้เป็นประโยชน์แค่นั้นเอง
การแก้เกมมวยนี่ไม่ยากเลย แล้ววิธีการต้อนมวยยุคสมัยนี้ มันยังเป็นการต้อนมวยที่ไม่ค่อยเป็นกัน เวลาผมต้อนมวย คู่ต่อสู้หนีไม่ออกทุกรายเลย ต้อนทำไมจะต้องไปวนตามเขาล่ะ ต้อนเข้ามุมสิ มันจะอยู่…แล้วก็ถลุงอยู่ตรงมุมนั่นแหละครับ เดี๋ยวเขาหมอบคามุมแหละ มันเป็นวิธีต้อนที่ถูกต้องครับ
The People: ความเป็นมาของซ้ายทะลวงไส้ที่ชกลำตัวบ่อย ๆ มาได้อย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: จริง ๆ ซ้ายทะลวงไส้มันเป็นฉายาแค่นั้นเอง จริง ๆ อย่างไปต่อยเกาหลี ผมก็น็อกด้วยหน้า อัปเปอร์คัตเลย ผมน็อกด้วยอัปเปอร์คัตเลย ไม่ได้ทะลวงไส้เขาเลย แล้วไปต่อยหลาย ๆ คนที่ไม่จำเป็นต้องไปทะลวงไส้เขา น็อกด้วยฮุกขวาก็มี เพราะว่าเราหมัดหนักได้เปรียบอยู่แล้ว เราสามารถใช้ตรงไหนจุดตรงไหนก็ได้
The People: ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรหลังไฟต์ชิงแชมป์โลก
เขาทราย กาแล็กซี: โห เปลี่ยนแปลงชีวิตมาก ตอนที่เป็นแชมป์โลก หนึ่ง-เราไม่รู้ว่าเราดังไง พอได้แชมป์โลกปุ๊บ โอ้โห หนังสือพิมพ์นี่ลงหน้า 1 ทุกฉบับเลยอยู่แล้วแหละ แต่เราไม่รู้ว่าเราดัง เราดังตรงไหน
วิ่งจากซอยสารภี ตอนนั้นค่ายมวยอยู่ฝั่งธนฯ วิ่งจากตรงนู่นมาถึงสวนลุมพินี วิ่งอีก 2 รอบ หลังจากนั้นโหนรถเมล์กลับ แล้วคนบนรถเมล์ลองคิดดูเยอะขนาดไหน เขาทรายขึ้นบนรถเมล์แล้วมองมาตาเดียว เฮ้ย เขามองเรา เราก็คิดว่าเขามองอะไรวะ (หัวเราะ) แล้วกระเป๋านะ “พี่… พี่คือแชมป์โลก ผมไม่เก็บตังค์หรอก” ลองคิดดูว่ามันอื้อหือ… โอ้โห นี่เราดังขนาดนี้แล้วเหรอ เราคิดอย่างนั้นนะ
แล้วหลังจากนั้น เราไม่คิด ตอนหลังก็ให้คนขับรถมารับที่สวนลุมพินีเลย
ตอนหลังก็คุยกับเฮียแม้ (นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์) เฮียแม้ ๆ ผมดังแล้วนะ เฮียแม้ หารถประจำตัวเอาไว้มารับที่สวนลุมฯ (หัวเราะ) เฮียแม้เขาก็เลยจัดการให้ครับ
The People: แม่คิดอย่างไรกับผลงานของลูก
เขาทราย กาแล็กซี: คือแม่ไม่ทันเห็น แม่มาเสียก่อน ผมยังเสียดายอยู่ว่า ตอนนั้นผมได้แชมป์จากเวทีราชดำเนินรุ่นแบนตั้มเวท พอแพ้ศักดา (ศักดิ์สุรีย์) เสร็จแล้วก็มาชิงรุ่นแบนตั้มเวทอีก เพราะว่าศักดาลาออก ผมก็ชิงที่ว่างได้แชมป์รุ่นแบนตั้มเวท น็อกศักดิ์สมัย ช.ศิริรัตน์ น็อกด้วยฮุกขวานะ ไม่ใช่น็อกด้วยหมัดซ้าย
หลังจากนั้นได้แชมป์ ผมก็โอ้โห พอได้แชมป์เข็มขัดเส้นแรกเนี่ยผมอยากให้แม่รับรู้
ผมเอาเข็มขัดไปที่…(เสียงสะอื้น) แม่ ฝังกระดูกไว้ที่วัด ผมไปกราบนะ แล้วก็แม่ ลูกได้แชมป์มา แม่รู้ไหมว่าลูกทำสำเร็จได้อย่างหนึ่งแล้ว อย่างน้อย ๆ แม่ก็รับรู้ว่าสำเร็จไปเปราะหนึ่งแล้ว
ตอนนั้นยังไม่ได้ติดแชมป์โลกนะ แค่วอร์มเป็นแชมป์ของราชดำเนิน แล้วหลังจากนั้นเราก็ระลึก มันเป็นสิ่งดี ๆ เราระลึกถึงถึงคุณพ่อคุณแม่เราที่อย่างน้อยเป็นจุดประกายให้เราเป็นแชมป์ พอติดรองแชมป์โลก โอ้โห เรามองการณ์ไกลแล้ว เราต้องเป็นแชมป์โลกให้ได้ มองถึงขนาดนั้นเลย
The People: เวลาเขาทราย ขึ้นชก(ป้องกันตำแหน่ง) มีคำพูดว่า “ถนนโล่ง” มองอย่างไรกับปรากฏการณ์นี้
เขาทราย กาแล็กซี: ผมได้ยินบ่อยแทบทุกครั้ง คือมันดีอย่างหนึ่ง ก็อย่างน้อย ๆ เขาให้กำลังใจเรา เขามาดูเรา เราคิดถึงพี่น้องประชาชนทุกครั้งนะ เวลาผมต่อยนะ ผมบอกว่าทุกคนคอยเชียร์เราอยู่นะ ไม่ใช่ว่าคนรอบข้างเท่านั้น ทั้งประเทศเลยเอาอย่างนี้ดีกว่า ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าผมต้องชนะ ผมไม่มีแพ้ แล้วคนไทยเนี่ยให้ความหวังไว้เยอะ
คนไทยให้ความหวังว่า เขาทรายขึ้นมาชกแล้วต้องชนะ แล้วไม่ใช่ชนะอย่างเดียว ต้องชนะน็อก โอ้โห มันก็กดดันเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าไม่กดดัน เอาวะ ต้องพยายาม
The People: ช่วยเล่าความทรงจำไฟต์ชกกับเค็นจิ มัตสึมูระ ว่ากันว่า เป็นมวยอึด แล้วทำอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: คือตอนนั้น เค็นจิเป็นนักมวยที่ทรหดคนหนึ่ง ผมบอกตรง ๆ ว่าเขาคางเหล็กมาก ไม่น็อกไม่เป็นไร เราก็เก็บคะแนน แต่ตอนนั้นผมที่ชนะคะแนน เพราะผมแตกข้างซ้าย หัวเค็นจิเนี่ยมาชน เลือดอาบเลย เราก็เอ… ทำยังไงดีนะ กรรมการมา You can fight? มันก็ถามด้วยว่ายูสามารถชกได้ไหม ก็บอกชกได้ ๆ เราก็กลัวจะจับเราแพ้ไง
เราก็เปลี่ยนวิธีการชก ไม่ค่อยบุกมาก แล้วก็เล่นวงนอก เราเก็บคะแนนเอา ไอ้ฝีไม้ลายมือเนี่ยผมบอกเลย มันต้องชกได้ทั้ง 2 สไตล์ เราก็ชนะคะแนน
หลังจากนั้นก็ไปกระซิบ เฮีย ๆ ให้มันแก้มือเลย ถ้าไม่น็อกไม่เอาตังค์ (หัวเราะ) แล้วสุดท้ายก็ไม่นานครับ เขาก็แก้มือจริง ๆ
The People: ตอนที่ชก คิดไหมว่าคู่ต่อสู้จะต้องโดนให้น็อกในยกไหน
เขาทราย กาแล็กซี: คือผมไม่ได้คิด เพราะว่าเราผ่านการชก 15 ยกมาแล้ว ตอนนั้นผมไปน็อก Ellyas Pical ยก 14 ใช่ไหม ไอ้แค่ 12 ยก มันโอ้โห มันถือว่าสบายมากเลย เราผ่านเวทีใหญ่ ๆ มาแล้ว สมัยนั้นชก 15 ยก เรายังผ่านมาได้ เรายังน็อกเขายก 14 แล้วมันแค่ 12 ยก เราก็เก็บคะแนน แล้วเราอ่านเกมรู้ว่า ควรจะทำคะแนนตั้งแต่ยกไหนขึ้นไปแค่นั้นแหละ
คะแนนส่วนมาก ถ้าคะแนนเอกฉันท์ทุกครั้ง ไม่ว่าชกกับคนไทย ไม่ว่าชกกับเค็นจิ ไม่ว่าชกกี่ครั้งสุดท้าย เอกฉันท์ทั้งนั้นแหละครับ
The People: มีไฟต์ที่จำฝังใจว่าเจอสถานการณ์เกือบจะแพ้ แต่พลิกขึ้นมาชนะได้ไหม
เขาทราย กาแล็กซี: ก็มี มีความทรงจำ ตอนนั้นไปป้องกันที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นชาวโคลัมเบีย เฮียแม้เนี่ย คุณนิวัฒน์ หลีกเขามาเกือบ 2 ปีนะ เพราะว่าเขาอยู่อันดับ 1 เขาบอกเขาไม่อยากเจอคนนี้ เขาเก่งมาก ผมก็อยากรู้ว่า เฮ้ย เก่งจริงเหรอวะ บังเอิญมันหลีกไม่ได้ เพราะว่าโดนไฟท์บังคับ โดนสมาคมมวยโลกบังคับให้ต้องชกกับคนนี้ ก็เลยไปป้องกันที่จังหวัดสุรินทร์
โอ้โห ยกสอง ผมโดนนับเลย เขารอบวก ผมต่อยซ้าย เขาบวกด้วยฮุกอะไรไม่รู้ ต่อยขวานี่แหละ ผมก็โอ้โห หลับลงไป
ตอนนั้นนะคนนี่เฮ! ทั้งสนาม ไม่ใช่เฮผมนะ เฮคุณนิวัฒน์ ล้มหงายท้องไปด้วย นั่งอยู่ตรงมุมไง เชียร์อยู่ มันเหมือนโดนเขาชกไปด้วยไง คนเฮทั้งสนาม เฮเฮียแม้ เราก็ยิ้ม ๆ ไม่มีอะไร (หัวเราะ)
แต่เราลุกขึ้นมาด้วยความมั่นใจ เราคิดอย่างเดียวว่าตราบใดที่ผมไม่โดนนับสิบ ผมไม่มีวันแพ้ ผมมองว่าผมเจ็บเท่านี้ คุณก็ต้องเจ็บมากกว่าผม 2 เท่า 3 เท่า เราก็คิดอย่างนั้นนะ
แล้วหลังจากนั้นเราก็เดินบี้ เดินอัด ยก 10 มันโบกมือบ๊ายบายเลย ยกมือเลย แล้วเขาให้สัมภาษณ์ยังไงรู้ไหม คนนี้ให้สัมภาษณ์ว่า ต่อยกับเขาทรายนี่เหมือนต่อยอิฐ ต่อยปูน ต่อยหิน ต่อยอะไรไม่มีความรู้สึก
ก็ใช่สิ กูเก็บความรู้สึกเอาไว้ไง กูอยากจะร้องโอ๊ย (หัวเราะ) เรื่องอะไรกูจะร้องโอ๊ยให้มึงได้ยิน กูเก็บความรู้สึก เราบี้ ๆ จนมันยอมแพ้ไง มันบอกมันหายใจไม่ทัน
The People: ที่อดทนได้ขนาดนี้คือผลของการซ้อมหนักแบบที่เล่าด้วยไหม?
เขาทราย กาแล็กซี: ใช่ ๆ เราซ้อมถึง ใคร ๆ ก็คิดว่าแพ้แล้วไฟต์นั้น เพราะว่าโดนลงไปนับแล้ว เก่งก็ฝีมือโอ้โห ฝีมือนี่ฉกาจฉกรรจ์มาก แต่เราไม่ให้เล่นฝีมือ ใครมีฝีมือดี ผมบอกแล้วใครฝีมือดี ผมจะไม่ให้เล่นฝีมือ ผมเดินบี้เดินอัด เดินเบียดอยู่อย่างนั้น
The People: ทุกชัยชนะคุ้มค่ากับการซ้อมหนักไหม
เขาทราย กาแล็กซี: การซ้อมนะครับ ทุกคนเขาไม่เห็นหรอกว่าเราซ้อม เราเหนื่อยขนาดไหน ผมว่าหลายเท่ากว่าการชกอีก การซ้อมนี่ใครจะมาซ้อมหนักกว่าผมไม่มีอีกแล้ว ผมใช้คนลงนวมถึง 4 คนไง เราต่อยเป้านี่ เราต่อยเป้านะ 4 ก็ไม่พอ ผมขออีก 5-6-7-8 อย่างนี้ เราต้องซ้อมพอกพูน เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าไปขอ 4 ขอ 3 ขอ 2 ไม่ใช่ มวยนี่มันต้องเพิ่มเข้าไป
อย่างวิ่งเคยวิ่ง 6 กม. นะ เมื่อก่อนนักมวยนี่วิ่งแค่ 6 กม. เอง 6 กม. คือมาตรฐานของนักมวยทั่วไปเลย เอาทั่วโลกเลยดีกว่า แต่ผมขอวิ่งเป็น 10 กม. เพื่อให้กำลังขาเราดี แต่สรุปแล้วมันผิด! ไม่ใช่หรอก วิ่งแค่ 6 กม. ก็พอ จริง ๆ (หัวเราะ) จริง ๆ มันผิด มันผิดของนักมวยเลย แค่ 6 กม. นี่ก็เพียงพอแล้ว มันเมื่อยมันล้า มันปวด โอ๊ย มันอยากจะอื้อหือ… ไม่อยากซ้อม ไม่อยากอะไรแล้ว มันปวดมันกล้ามเนื้อ
The People: มูฮัมหมัด อาลี บอกเกลียดทุกวินาทีของการซ้อม แต่ทนเพราะซ้อมให้เป็นแชมป์ เขาทรายเกลียดการซ้อมไหม
เขาทราย กาแล็กซี: ผมไม่เคยเกลียดการซ้อมนะ ผมชอบมากเลยด้วยซ้ำ การฟิตซ้อมหมายถึงว่าให้ร่างกายแข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ นักมวยต้องจำไว้นะข้อนี้ ผมป้องกันแชมป์น่าจะปี 2529 ป้องกันแชมป์แค่ครั้งเดียวเองตอนนั้นน่ะ แต่ว่าผมก็ซ้อมของผมอยู่ตลอดเวลาเลย วิ่งอยู่ตลอดเหมือนเรามีรายการ ทั้ง ๆ ที่โอ้โห บางคนก็เบื่อ บางคนไปเก็บผัก ไปเที่ยวแล้ว แต่ไม่ใช่ ผมซ้อมเพื่อให้ร่างกายเราพร้อมอยู่เสมอ ต่อยพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้
The People: เคยเจอมอบทองปลอมไหม
เขาทราย กาแล็กซี: รุ่นผมยังไม่มีทองปลอมครับผม ช่วงนั้นมันแค่บาทละ 4,500 บาท มันยังไม่แพงมากนัก ทุกคนอยากจะมอบกันเยอะมากจริง ๆ คุณนิวัฒน์กับผมก็คิดว่า เฮีย ไอ้ที่ 2 บาทนี่ปัด ๆ ไป เพราะว่าเวลามันจำกัด มันจำกัดเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง พิธีการต่าง ๆ ต้องให้เสร็จไง เพราะว่ามันถ่ายทอด 2 ชั่วโมง แต่มันจะมีคู่ก่อนรายการ 1 คู่ไง ผมก็แค่ให้เวลาชั่วโมงเดียว มันก็รีบ ๆ
The People: เคยเจอมอบรางวัลบนเวทีนานจนล้าไหม
เขาทราย กาแล็กซี: ไม่ล้าหรอกครับ คำว่ามอบทอง เท่าไหร่ก็ได้ครับผม คออย่างนี้นะ 130 บาท (ทำท่าคอเอียง) เยอะสุดนะ บนคอนะ แต่ตาชำเลืองยังมีอีกไหม (หัวเราะ) คือคนเรามันนานเท่าไหร่ มันไม่เป็นไรหรอกครับ การได้รางวัลมันเป็นสิ่งดี แล้วหลังจากนั้นพอชกเสร็จ ส่วนมากบางทีเป็นเงินสดก็มีนะ เงินสดเอาไว้ตรงนั้น เอาไว้กินไว้เที่ยวกับเพื่อนฝูง แต่ไอ้รางวัลใหญ่ ๆ เราก็เก็บไว้ซะ
The People: หลังจากชกป้องกันแชมป์ครั้งสุดท้ายแล้วชีวิตเป็นอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: มันไม่แน่นอน ทำไมมันปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อยากไปออกอะไร มันมีนักมวยอะ บางทีหยุดมาปีหนึ่ง อ้าว เฮีย ปีหนึ่งเฮียยังไม่มีแชมป์อีกเหรอ เอาไหม ๆ (หัวเราะ) ไปซ้อมอีกนะ เอาอีกนะ
บังเอิญว่าผู้หลักผู้ใหญ่ตอนนั้นป๋าเปรมที่เอ็นดูนะ บอกไปชกทำไม เราทำประวัติศาสตร์ เราก็เลยเชื่อ มันก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง เพราะว่าสักวันหนึ่งเราขนาดอายุตอนเลิก 32 มันต้องมีวันแพ้ด้วย เพราะว่าตอนนั้นอายุเยอะแล้ว กลาง ๆ คนแล้วแหละ นักกีฬาเลข 3 เขาถือว่าเยอะแล้ว โดยเฉพาะเป็นนักมวยนะ
The People: เคยมีอาการเจ็บป่วยที่เป็นผลจากการชกไหม
เขาทราย กาแล็กซี: ไม่มี การชกไม่มี ผมหนักสุดก็คือการเป็นนิ่ว เรื่องการชกการอะไร ผมเป็นฝ่ายกระทำ ที่เห็นมาทั้งหมดนะ ผมเป็นฝ่ายกระทำ ถึงแม้จะโดนลงไปนับบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้มายำผมจนผมบอบช้ำจนอะไรนะ ไม่มี ผมขึ้นมาได้ เขาต่างหากที่โดนผมยำ เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะเป็นผ่ายกระทำซะส่วนมาก เอาตั้งแต่พอยก 1 ยก 2 โดนนับ พอยก 3 ยก 4 ยก 5 ก็เป็นฝ่ายกระทำเขาไง ผมจะเป็นฝ่ายกระทำ มันก็เลยไม่รู้ว่าร่างกายเราเป็นยังไงบ้าง (24.56)
The People: ชอบงานวงการบันเทิงไหม
เขาทราย กาแล็กซี: คืออย่างนี้ จริง ๆ แล้วผมปฏิเสธเขามาก ตอนแรกนะ วงการบันเทิงติดต่อมา 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 รับ เขาก็ภายใน 1 เดือนนะ เฮ้ย เล่นหน่อยนะเล่นละคร ผมเล่นไม่เป็นอะดิ อะไรอย่างนี้ เอาน่าลองเล่นดู มันไม่ยากหรอกอะไรอย่างนี้ บทง่าย ๆ ครั้งที่ 4 มาก็เลยรับ
ตอนนั้นที่รับก็เป็นเรื่องภูตแม่น้ำโขง เรื่องแรก ตอนนั้นเจค ศตวรรษ (ดุลยวิจิตร) เป็นพระเอก แล้วก็ต้อม รัชนีกร (พันธุ์มณี) เป็นนางเอก ตอนนั้นจุ๋มจิ๋มยังอยู่นะ เล่นคู่กัน งัดข้อกัน เป็นคนแข็งแรงในหมู่บ้าน เออ มันก็ไม่ยากนี่ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มได้เล่นเรื่อย ๆ
The People: เคยเจอประสบการณ์งานยาก ๆ ในกองถ่ายไหม
เขาทราย กาแล็กซี: เจอบทยาก ๆ อย่างของท่านมุ้ย (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) นี่ยากนะ คำศัพท์เป็นพูดราชาศัพท์ พูดที่ไม่ค่อยคล่อง มันไม่ง่ายนะ เราก็แสดงไปด้วย โอ้โห ตอนนั้น มันไม่ถูกใจแล้วเอาไว้...ท่านก็ให้เปลี่ยนให้ ถ่ายคนอื่นก่อน เอาเราไว้คราวหน้าวันหน้า
โอ้โห ทีนี้เราก็ไปฝึกคำพูดคำจา การฝึกซ้อมด้วย โอ้โห หนักเลยทีนี้ เรารู้เลยว่ามันไม่ง่าย ถ้าบทพวกนี้มันไม่ง่าย ฉะนั้น ก็เลยเริ่มไม่กลัวแล้ว ตอนนี้ไม่กลัวบทแล้ว บทยาก ๆ เยอะ ๆ มาเลยไม่กลัวแล้ว เพราะเราฝึกแล้ว
The People: มีวิธีบริหารจัดการธุรกิจและการเงินของตัวเองอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: โอ๊ย ไอ้ที่ได้แน่ ๆ มันไม่เหลือหรอกครับ เพราะว่าการทำนู่นทำนี่ อย่างไปทำโต๊ะสนุก มันก็ทำไปอย่างนั้นทำสนุกสนาน มันจะได้เยอะ ๆ ไหม ไม่มี เราก็ทำอยู่ 7-8 ปีนะ เราก็ไปทำหมูกระทะอย่างนี้ ทำอยู่ 5 ปี มันก็สนุกสนานไปอย่างนั้น บันเทิง เราฝ่ายบันเทิง เรามีคาราโอเกะขึ้นไปร้องเพลง ให้ใครไป ใครร้องก็ได้ มันฝ่ายสนุกสนานมากกว่า
แต่ถามว่าขาดทุนไหม มันก็ไม่ขาดทุนหรอกไอ้หมูกระทะเนี่ย ที่ขาดทุนก็มีสนุก มีทำบ้านจัดสรร อย่างนี้ขาดทุนแน่นอน คือเราไม่รู้วิธีการของคนที่… เข้ามาบงการเรา เราไม่รู้ เราไม่ทันคน ฉะนั้น ทุกวันนี้ทันแล้ว (ยิ้ม) แต่ก็สายไปแล้ว เเต่ไม่เป็นไร กัดฟันสู้มัน
The People: ตอนนี้มีธุรกิจอะไรบ้าง
เขาทราย กาแล็กซี: ตอนนี้ผมก็มาเปิดยิมนี่แหละครับ แล้วก็ทำ YouTube ตัวเอง ถ่ายทอดมวย จัดมวย แล้วก็ต่อไปเดี๋ยวก็ โอ๊ย จะออกมาหลายตัว คิดไว้หมดแล้ว อยู่ในสมองนี่เต็มไปหมดแล้ว จะระเบิดอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร มีภรรยาที่ดี ผมได้ภรรยาที่ดีที่สมองเป็นเลิศเลย
ฉะนั้น เราก็เลยผ่อนคลาย ไม่ค่อยเหนื่อย เพราะว่าได้ภรรยาที่จบมาจากนอก ได้ปริญญาโทจากนอก มันก็เลยเบา คิดอะไรเราก็เออออด้วย เพราะว่าเขาเป็นความคิดที่ดี แล้วเราคิดอะไรเขาก็เห็นดีเห็นงาม ถ้าไม่เห็นดีเห็นงามเขาจะค้าน แต่ว่าส่วนมากเห็นดีเห็นงาม
อย่างเรา เฮ้ย อยากจะออกครีมกันแดด แล้วก็สบู่ เขาก็เห็นดีเห็นงามด้วย ก็ดี เพราะว่าอย่างน้อย ๆ พวกนี้มันไม่เน่าไม่เปื่อย ผมว่าก็ดีนะ แต่มันหมดอายุเราก็ทิ้งไป (หัวเราะ) ใช่ไหมล่ะ คนถ้ามันติด มันแป๊บเดียว
The People: ทุกวันนี้ชีวิตโดยรวมถือว่ามีความสุขไหม
เขาทราย กาแล็กซี: คำว่าเขาทรายเนี่ยผมว่ามีความสุขมาก ชื่อนี้มันไม่ได้มาง่าย ๆ นะ แล้วก็ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวก็มีความสุข อย่างน้อย ๆ เราก็อยู่กับลูกกับภรรยา ได้ลูก 2 คน ตอนนี้ 8 ขวบ กับ 5 ขวบแล้ว
เช้ามาได้ไปส่งลูก คุยกับลูกกระหนุงกระหนิง โหย มันมีความสุข ให้เงินเท่าไหร่ผมก็ไม่เอาหรอก ขออยู่กับลูก ครอบครัวดีกว่า ตอนเย็นก็ไปรับอย่างนี้ นอกจากว่ามีงานมีการ เราก็ไปถ่ายละคร มีอะไรไปงานโน้นงานนี้ งานโชว์ตัวนู้น ภรรยาก็จะไปรับลูก
The People: ถ้ามีบทเรียนราคาแพง อะไรคือบทเรียนชีวิตราคาแพงของเขาทราย
เขาทราย กาแล็กซี: โห สำหรับผมบทเรียนที่ราคาแพงคือการไปลงทุนทำนู่นทำนี่ อย่าคิดนะครับ นักมวยจำไว้ให้ดีนะ นักมวยเราแข่งบนเวทีได้ แต่ไปแข่งอย่างอื่นไม่ได้หรอก อย่าไปคิดเลย ฉะนั้น เราค่อย ๆ ทำดีกว่า อย่างเรามีบทเรียนมาแล้ว ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ แล้วเราก็จำมันไง แต่สรุปแล้วเราก็เอาตัวรอดได้
The People: มีเรื่องที่เสียใจที่สุดในชีวิตไหม
เขาทราย กาแล็กซี: เสียใจคือเรื่องแม่ โหย ตอนนั้นนะ...คิดถึงแม่เมื่อไหร่ อยากให้แม่อยู่ อย่างน้อย ๆ เราได้ดูแลแม่ เราเป็นแชมป์โลก เราอยากดูแลแม่ แม่เป็นผู้ชุบชีวิต พูดง่าย ๆ มวยอะเนอะ คิดถึงแม่ พ่อไม่เท่าไหร่ พ่อน่าจะเป็นช้างเท้าหลัง แม่เป็นช้างเท้าหน้า พูดผิดไหม ไม่ผิดหรอกเนอะ
แม่คือคนที่สู้ บุกเบิกพาลูก เวลาลูกมีรายการชกมวยตามต่างจังหวัดนะ เหมารถไว้เลย พาชาวบ้านไปเชียร์ ลองคิดดูดิเป็นช้างเท้าหน้าไหมล่ะ โอ้โห สุดยอดเลย แม่นี่สุดยอดมาก เสียงดังที่สุดในหมู่บ้านเลย
The People: เสื้อที่เขาทรายใส่มีความเป็นมาอย่างไร
เขาทราย กาแล็กซี: อ๋อ เสื้อนี่เสื้อวินเทจนะครับ…คุณอยากได้จริง ๆ คุณต้องสั่งจอง เพราะว่าเป็นเสื้อวินเทจไม่มีตะเข็บ แล้วก็เป็นเสื้อลิขสิทธิ์ (ลิสต์) 20 ไฟต์อยู่ข้างหลัง หน้าเขาทรายมันไม่ง่าย จองมีอย่างน้อยต้อง 45 วันถึงจะได้ เพราะทำยาก ทำหน้าเขาทรายนี่ยาก (หัวเราะ) ฉะนั้น ต้องจองครับผม จองได้ทางเพจ ทาง YouTube ของเขาทรายนี่แหละครับ
The People: จากชีวิตที่ผ่านมา ถ้ามีข้อคิดจากประสบการณ์ในอดีต จะฝากข้อคิดอะไรถึงคนรุ่นใหม่
เขาทราย กาแล็กซี: คนทั่วไปก่อนนะ ความฝันอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร ค่อย ๆ คิด รอบคอบ เป็นคนที่รอบคอบ แล้วก็ก่อนตัดสินใจนะ ต้องคิดให้รอบคอบก่อน แล้วก็ค่อย ๆ ทำไป ส่วนนักกีฬาหรือนักมวยก็หมั่นฝึกฝน พยายามอดทน พัฒนา ที่สำคัญนี่คือการพัฒนาตัวเองนะ
เมื่อก่อนเขาทราย เขาเรียกว่าเขาควาย แต่จากเขาควาย พัฒนามาเป็นเขาทรายนะครับ ขอบคุณครับ