จูเลีย โรเบิร์ตส นางเอกบานฉ่ำกับบทบาทคุณแม่ที่ไม่ฉ่ำหวาน

จูเลีย โรเบิร์ตส นางเอกบานฉ่ำกับบทบาทคุณแม่ที่ไม่ฉ่ำหวาน

จูเลีย โรเบิร์ตส นางเอกบานฉ่ำกับบทบาทคุณแม่ที่ไม่ฉ่ำหวาน

เธอคือเจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้มีผลงานประดับวงการฮอลลีวูดมากมาย โดยเฉพาะหนังโรแมนติก-คอเมดี (รอมคอม) ที่ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง กระทั่งชื่อไทยต้องมีคำว่า “บานฉ่ำ” ต่อท้ายเสมอ จูเลีย โรเบิร์ตส เริ่มมีชื่อเสียงครั้งแรกจากบทบาท Mystic Pizza (1988) ด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ทำให้ใครที่ได้ชายตามองต้องตกหลุมรักทุกคน จากนั้นเธอก็มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกใน Steel Magnolias (1989) ตามติดมาด้วย Pretty Woman (1990), My Best Friend's Wedding (1997), Stepmom (1998), Notting Hill (1999) และ Runaway Bride (1999) ที่ประสบความสำเร็จสร้างปรากฏการณ์ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศ และในที่สุดเธอก็ได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกกับ Erin Brockovich (2000) ต่อมาจูเลียได้แสดงในหนังเรื่อง Eat, Pray, Love (2010) จากบันทึกความทรงจำขายดีของ เอลิซาเบธ กิลเบิร์ท และเธอก็มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งจากบทบาทนักแสดงสมทบใน August: Osage County (2013) หลังประสบความสำเร็จในบทนางเอก ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้เธอต้องปรับเปลี่ยนบทไปตามเวลา โดยเธอเริ่มหันมารับบทที่จริงจังในภาพยนตร์ดรามามากขึ้น เช่น Money Monster (2016), ซีรีส์โทรทัศน์ระทึกขวัญ Homecoming โดยเฉพาะบทคุณแม่ในภาพยนตร์ดรามาเรียกน้ำตาอย่าง เช่น บทคุณแม่ของเด็กหน้าตาผิดปกติใน Wonder (2017) และล่าสุดกับการเป็นคุณแม่เด็กติดยาใน Ben Is Back (2018) "มีจุดหนึ่งในอาชีพที่คนมักคิดว่า ฉันจะกลับมาเล่นโรแมนติกคอเมดีอีกแล้วแต่ฉันก็ชอบนะ และชอบที่เป็นส่วนหนึ่งในผลงานรอมคอมด้วย แต่บางครั้งการแสดงแนวนี้มากไป ฉันอาจไม่บรรลุจุดมุ่งหมายในประสบการณ์ชีวิต" จูเลีย โรเบิร์ตส นางเอกบานฉ่ำกับบทบาทคุณแม่ที่ไม่ฉ่ำหวาน ใน Ben Is Back จูเลีย โรเบิร์ตส รับบท ฮอลลี เบิร์นส์ คุณแม่ของ เบน (ลูคัส เฮดจส์) ที่เดินทางกลับมายังบ้านในเช้าวันคริสต์มาสหลังจากเขาได้ออกมาจากศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยไม่บอกให้คนในครอบครัวรู้ นำมาซึ่งความรักในฐานะของคนเป็นแม่จะต้องถูกทดสอบโดยสิ่งที่ตามมาจากอดีตของลูกชายสุดที่รัก “มันเป็นเรื่องที่ซาบซึ้งมากค่ะ บทภาพยนตร์นี้ได้กล่าวถึงผลกระทบต่างๆ ของยาเสพติดที่มีต่อคนในครอบครัว” ส่วนผู้กำกับ ปีเตอร์ เฮดจส์ กล่าวถึงจูเลียว่า “เธอเป็นคนที่ทั้งฉลาด กระตือรือร้น และเป็นนักแสดงที่มีความเตรียมพร้อมมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยทำงานร่วมกันมาเลย ความหวังของผมอย่างหนึ่งก็คือ ผมอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปถึงผู้คนให้ได้มากที่สุด และ จูเลีย โรเบิร์ตส ก็เป็นนักแสดงที่มีคนติดตามมากที่สุดคนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เธอสามารถเล่นบทสะเทือนอารมณ์ไปพร้อมๆ กับถ่ายทอดภาพลักษณ์ของคุณแม่ที่ต้องการช่วยเหลือลูกชายของเธอ” การรับบทคุณแม่ของเด็กติดยา ทำให้เธอตระหนักได้ว่า แต่ละครอบครัวก็ล้วนแต่มีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ Ben Is Back ต้องการสื่อก็คือ “จงอย่าหยุดและอย่ายอมแพ้ จงช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นต่อไปค่ะ” ชีวิตจริงในฐานะคุณแม่ลูกสาม จูเลียพูดถึงการเลี้ยงดูว่า ควรปล่อยให้เด็กเติบโตตามใจของตัวเอง และคอยมองอยู่ห่างๆ เพราะทุกคนควรมีทางเดินเป็นของตัวเอง “การเป็นพ่อแม่ควรรักลูกแบบเข้าใจลูก ไม่ใช่รักลูกแบบเข้าใจแต่ตัวเอง” ส่วนในฐานะนักแสดงที่อยู่คู่วงการฮอลลีวูดมานาน เธอยอมรับว่าปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จูเลียยังแอบบอกว่า ถ้าตอนนี้เธออายุ 18 ปี เธออาจไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงการแล้วก็ได้ “กระแสของชาวฮอลลีวูดยุคนี้มาไวไปไวมาก แค่ฉันเฝ้าดูก็เหนื่อยแล้ว สมัยก่อนทุกอย่างง่ายกว่านี้มาก คนสมัยนั้นยังใจดีกว่าคนในยุคนี้ด้วย คงเป็นเพราะธุรกิจมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทุกอย่างเลยกลายเป็นการแข่งขันไปหมด อีกอย่างในสังคมยุคนี้ การแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องง่าย ใครก็สามารถวิจารณ์สิ่งที่ไม่ชอบได้ คนที่ไม่เข้มแข็งพอก็อาจหมดกำลังใจได้ง่ายๆ เลย” อย่างไรก็ดี สำหรับตัวเธอแล้ว จูเลียยังเป็นบุคคลขวัญใจชาวอเมริกาอยู่ดี ด้วยคว้าตำแหน่ง “ผู้หญิงสวยที่สุดในโลก” จากนิตยสาร People มาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5 ในปี 2017 ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดโดยที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์ถึงรางวัลครั้งนี้สั้นๆ "ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ กับรางวัลนี้" ทั้งนี้ เคล็ดการอยู่ในการนี้นานๆ สำหรับเธอคือการมีจุดยืนของตัวเอง ไม่อ่อนไปตามกระแส และมีความสุขให้ได้จากภายใน เวลาเรายิ้ม “เราต้องยิ้มออกมาจากใจ อย่างฉันก็เป็นคนหนึ่งที่มีเวลาที่ยิ้มได้และยิ้มไม่ออก แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันทำไม่ได้เลย คือการแกล้งยิ้ม เราต้องมีความสุขจากส่วนลึกจริงๆ” กล่าวคือ การเป็นคนที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดีนั่นเอง จูเลีย โรเบิร์ตส นางเอกบานฉ่ำกับบทบาทคุณแม่ที่ไม่ฉ่ำหวาน ที่มา