The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

The Offline Club ชุมชนของผู้คนที่ต้องการสร้างสมดุลชีวิตระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ เริ่มต้นที่เนเธอแลนด์ ช่วยให้ผู้คนกลับมาเชื่อมต่อกับตนเองและผู้อื่นในโลกจริง

KEY

POINTS

  • The Offline Club ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2022 จากแรงบันดาลใจของชาย 3 คนที่อยากสร้างสมดุลชีวิต
  • กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมง ไปจนถึง 5-6 ชั่วโมงในร้านกาแฟ ร้านอาหาร คลับ หรือแม้แต่โบสถ์
  • เริ่มจากเวลาที่มอบให้ตัวเอง และเริ่มพูดคุยกับผู้คนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันด้วยหัวข้อบทสนทนาที่หลากหลายตามความสนใจของแต่ละคน

ทุกวันนี้ โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตนับเป็นปัจจัย 5 ในชีวิตของคนเรา

โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราต้องตามข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามาทุกวินาที จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้ เราหันไปทางไหน ทุกคนจะก้มมองมือถือมากกว่าหันมองสิ่งรอบตัว หรือเชื่อมต่อกับโลกในชีวิตจริง

แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าเราเลือกจะวางมือถือไว้ที่ใดสักแห่ง แล้วออกไปเผชิญโลกความจริง

อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ที่เนเธอร์แลนด์มีกลุ่มคนที่เลือกจะใช้ชีวิตบนโลกออฟไลน์ ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ โฟกัสกับปัจจุบัน ไปพร้อมกับคุยกับผู้คนตรงหน้าในช่วงเวลาอย่างน้อย ๆ 1 - 2 ชั่วโมงกับกิจกรรม Digital Detox ของกลุ่ม The Offline Club ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2022

แม้จะดูเป็นเรื่องที่ฝึกกันที่บ้านได้ แต่ The Offline Club ต้องการช่วยสร้างสมดุลชีวิตระหว่างหน้าจอกับโลกจริง หยุดตามกระแส และใช้ชีวิตต่ออย่างมั่นคง

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

บันดาลธุรกิจจากชีวิตที่ติดโทรศัพท์มากไป

The Offline Club เริ่มต้นในปี 2022 ด้วยฝีมือ 3 หนุ่ม ‘อิลยา เนปเปลเฮาท์’ (Ilya Kneppelhout) พร้อมกับสมาชิกร่วมก่อตั้งอย่าง ‘วาเลนไทน์ คลอก’ (Valentijn Klok)  และ จอร์ดี้ ฟาน เบนเนคม (Jordy van Bennekom) ที่อยากสร้างพื้นที่ปลอดโซเชียลในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

ณ วันนั้น พวกเขาเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาโทที่รู้สึกว่า โซเชียลมีเดียได้กัดกินช่วงเวลาในชีวิตของชายทั้งสามคนนี้มากไป เลยเลือกที่จะงดเล่นโทรศัพท์ 3 วัน เพื่อจัดการความคิดและความรู้สึกของตัวเอง

ครั้งหนึ่ง เนปเปลเฮาท์เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของตัวเองว่า เขาทดลองทำ digital detox เขาก็อยากส่งต่อกิจกรรมนี้ให้กับผู้คนอื่นเพื่อสร้างสมดุลในชีวิตให้ดีขึ้น

“ตอนนั้น ผมกำลังฝึกงาน ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท และเริ่มต้นธุรกิจแรกในเวลาเดียวกัน ตอนที่ผมได้ลองทำ digital detox ผมคิดว่าผมทำได้ ก็เลยอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น เพราะการดีทอกซ์มันช่วยผมได้จริง ๆ”

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังบอกอีกว่า “โทรศัพท์กินเวลาที่มีค่าของเรามากไป ทำให้เราไม่ได้เชื่อมต่อกับผู้คนเลย”

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

เมื่อเกิดแรงบันดาลใจ เขาก็ลงมือทำทันที 

เนปเปลเฮาท์จึงเริ่มต้นจากการทำ Het Leesweekend (แปลว่า สุดสัปดาห์แห่งการอ่านหนังสือ) ซึ่งเป็นต้นแบบของ The Offline Club กิจกรรมที่ทำให้ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัมวางมือถือ ละสายตาจากโซเชียล เพื่อรักษาสมดุลของชีวิต 

ด้วยแนวคิด ‘swap screen time for real-time’ หวังให้ The Offline Club เป็นกลุ่มของผู้คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเปลี่ยนเวลาหน้าจอเป็นเวลาในชีวิตจริง วันนี้ และวันต่อ ๆ ไป

ชาร์ตพลังให้ตัวเองและเชื่อมต่อกับผู้คนในชีวิตจริง

ช่วงแรกกิจกรรมของ The Offline Club เริ่มต้นอยู่ในอัมสเตอร์ดัมเท่านั้น แต่ปัจจุบันแนวคิดของ The Offline Club ถูกนำไปใช้และถูกจัดในหลายหัวเมืองทั่วโลก และหลากหลายสถานที่

อาจเป็นเพราะพวกเขาใช้ ‘อินสตาแกรม’ เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร จนขยายชุมชนจากเล็กๆ ไปสู่การมีผู้ติดตามกว่า 300,000 คน

“มีคำถามว่า เราจะเล่นโซเชียลระดับไหน ก็ได้ข้อสรุปว่า เราจะเล่นอินสตาแกรม เพราะมันคือที่ที่เราจะเข้าถึงคนมากที่สุด ยังเป็นการตอกย้ำว่าเราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนเลิกใช้ แต่อยากเป็นแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสมดุลชีวิตที่ดี”

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

ชั่วโมงของการลดเล่นโซเชียลเกิดขึ้นหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะใกล้บ้าน ร้านกาแฟ ร้านอาหารคลับ สวนสาธารณะ คลับ หรือแม้แต่ในโบสถ์

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จองวันและเวลา แล้วเตรียมตัวเข้าร่วมกิจกรรมได้เลย เพราะสิ่งที่คุณต้องเตรียม คือ อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณไม่เหงาตลอดเวลาที่ไร้โซเชียล

วิธีเข้าร่วมไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อน คุณแค่ฝากโทรศัพท์ไว้ และปล่อยกายปล่อยใจไปกับช่วงเวลาที่คุณจะมอบให้ตัวเองใน session ที่ชื่อว่า Time to yourself  ชาร์จพลังจากกิจกรรมที่คุณชอบ และ Time to connect เวลาที่คุณจะได้เชื่อมต่อกับบุคคลตรงหน้าจริง ๆ ด้วยหัวข้อบทสนทนาอันหลากหลาย 

ถึงอาจจะไม่สามารถลดเวลาหน้าจอได้ทันที แต่อย่างน้อย การกำหนดช่วงเวลาไร้มือถือ ห่างไกลจากโซเชียลสักพัก ก็ช่วยให้เรากลับมาทบทวนความคิด และกลับมาอยู่บนโลกของความจริง

แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม 

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

วิถีโลกออฟไลน์ที่ทำให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ 

คุณอาจสงสัยว่า ชุมชนเล็ก ๆ จะเปลี่ยนพฤติกรรมของเรามากแค่ไหน

มันอาจไม่ได้เห็นผลตอนนี้ แต่ดูเหมือนวิถีแบบ The Offline Club จะส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมในระยะยาว 

ยกตัวอย่างเช่น โอเมอร์ อุยกอร์ (Ömer Ülger) ผู้จัดการโครงการชาวตุรกีวัย 25 ปี ลูกค้าประจำของ The Offlie Club ที่รู้สึกภูมิใจกับตัวเองทุกครั้งที่ทลายกำแพงของโลกโซเชียลได้สำเร็จ และเริ่มบทสนทนากับใครสักคน 

“สิ่งที่ดีที่สุด คือ ทุกอย่างออฟไลน์ ปกติเวลาเราไปร้านกาแฟ คุณอาจจะนึกว่า ‘ถ้าฉันเริ่มคุยกับใครสักคนจะเป็นอย่างไร’ พอมองไปรอบ ๆ ทุกคนใส่หูฟัง แต่การที่ผมสามารถคุยกับคนอื่นได้เป็นเรื่องที่สุดยอดเลย”

แล้วเวลาไปข้างนอก แทนที่จะพกโทรศัพท์ไปด้วย อุยกอร์ก็เลือกที่จะวางมือถือไว้ที่บ้าน ออกไปทำกิจกรรมให้เต็มที่ 

“การเปลี่ยนแปลงนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้งก็ถือเป็นชัยชนะแล้วมันทำให้ผมรู้สึกมีส่วนร่วมกับคลับนี้มากขึ้น แล้วประสบการณ์ส่วนตัวก็ช่วยให้ผมทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ”

The Offline Club : ชุมชนออฟไลน์ ปลอดโทรศัพท์ ไร้โซเชียล

หรือ เชลลีย์และแมตต์ โนวัค ชาวอเมริกันที่ใช้เวลาในเนเธอร์แลนด์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ผู้ประสบปัญหาติดโซเชียลก็ลองเข้ากิจกรรม เตรียมอักษรไหว้ สมุดบันทึก หรือหนังสือมาเข้าร่วมกิจกรรม

และยังมีผู้คนที่มาจากต่างสัญชาติมารวมตัวกันในพื้นที่เดียวกัน และค่อย ๆ เชื่อมต่อโลกของพวกเขาเข้าหากัน

ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของชุมชนแห่งนี้ ตามแนวคิดของของ ‘อิลยา เนปเปลเฮาท์’ ที่เคยบอกว่า โลกออฟไลน์จะก่อให้เกิดพื้นที่ใหม่ ๆ ไอเดียใหม่ ๆ บนโลกที่ไม่มีสิ่งรบกวน

"เรารู้สึกจริงๆ ว่าเมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ในโลกออฟไลน์ออฟไลน์ เราจะสามารถสร้างพื้นที่ทางจิตใจสำหรับความคิดใหม่ๆ ได้ และทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์”

ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เกิดกิจกรรมที่แตกต่างในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ให้คนละสายตาจากโทรศัพท์มาสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น มาอยู่กับตัวเองและเชื่อมโยงกับผู้คน

และยังเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้เราอยู่กับช่วงเวลา ณ ตรงหน้า สร้างสมดุลชีวิต ลดความเร็ว และใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง

 

ภาพ : อินสตาแกรม theoffline_club

 

อ้างอิง 

‘I feel more connected with humanity’: the club where phones are banned – and visitors pay for the privilege / The Guardian

The Offline Club’s Quest Against Digital Overload / Forbes

Phone-Free Hangouts Are Popping Off in Amsterdam / thrillist

The Offline Club

The Offline Club | Amsterdam