‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด

‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด

‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นตำรวจที่โด่งดังและโดดเด่นที่สุดอีกคนในยุคนี้ นอกจากฉายาว่า ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ เส้นทางสีกากีที่ผ่านมา ยังถูกมองว่า ขยับแบบติดไฮสปีด

  • ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นตำรวจรุ่นใหม่ที่ถูกจับตาจากผลงาน และเส้นทางในสายตำรวจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
  • หลายปีที่ผ่านมา ‘บิ๊กโจ๊ก’ มีบทบาทในการจัดการคดีดังหลายคดี 
  • ปี 2566 ‘บิ๊กโจ๊ก’ ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และยังดูแลคดีสำคัญที่ถูกสังคมจับจ้อง

สื่อมวลชนให้ชื่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ บ่งบอกความไฮ เพาเวอร์ ว่า ‘บิ๊ก’ นำหน้าชื่อเล่น ‘โจ๊ก’ ส่วนในวงการตำรวจ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยิ่งโด่งดังและโดดเด่น ในวงการสีกากี ใครไม่รู้จักต้องถามกลับว่าไปอยู่ที่ไหนมา เพราะ ‘บิ๊กโจ๊ก’ มีชื่อเป็นที่รู้จักกว้างขวางมานาน แต่ในสังคมทั่วไป ‘บิ๊กโจ๊ก’ เพิ่งติดลมบน ถูกกล่าวขานเมื่อ 2- 3 ปีนี่เอง

สังคมรู้จัก ‘บิ๊กโจ๊ก’ จากบทบาท ‘นายตำรวจ’ ที่เข้าไปจัดการหลายคดีสำคัญ ตั้งแต่กรณีแหม่มสาวชาวอังกฤษ อ้างถูกขืนใจบนเกาะเต่า ต่อเนื่องเรือฟินิกซ์ล่มที่ภูเก็ต เป็นเจ้าของปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติลวงเงินคนไทย ปฏิบัติการล้างหนี้เงินกู้ทวงคืนโฉนดทั่วประเทศ จัดอีเวนต์ใหญ่ชูเป็นผลงาน ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยโฆษกประจำตัวให้ 

หรือจะเป็นกรณี ‘ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-เคนูน’ สาวซาอุดิอาระเบีย ที่ใช้ประเทศไทยเคลื่อนไหวลี้ภัย ซึ่งตอนนี้ได้พำนักที่แคนาดาเรียบร้อย (ข้อมูลเมื่อปี 2562) จนมาถึงอีกเรื่องคือการล่าขบวนการ ‘มันทุกเม็ด’ แก๊งค้ายาเสพติด แกะรอยตามจับ ‘เทพบุตรโซโล’ อาชญากรค้ายาที่ทำเสมือนไร้ตัวตน ขยายเครือข่ายบนโลกโซเชียล คดีแอมไซยาไนด์ คดีทุนจีนสีเทา ตลอดจนคดียิง ‘สารวัตรศิว’ ที่บ้าน ‘กำนันนก’ ซึ่งต่อมามีการโอนคดีให้กับทางกองปราบปรามรับผิดชอบแทน

ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้เปิดรายการข่าวช่องไหนเป็นต้องเจอ ‘นายพลหนุ่ม ผิวคมเข้ม คำพูดคำจามีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว’ คนนี้ ออกแถลงข่าวจับกุมหลายคดีแทบทุกวัน ขณะที่ในโลกโซเชียลออนไลน์ นายตำรวจคนนี้ก็เคยเปิดเพจเฟซบุ๊ก สุรเชษฐ์ หักพาล เผยแพร่ผลงาน กิจกรรม และชีวิตส่วนตัว มีทีมงานสร้างสรรค์คอนเทนต์ ภาพ อินโฟกราฟิก ปล่อยคำคมวาทะประจำตัว คิดแคปชั่นโดนใจแฟนเพจ มีผู้ติดตามเฉียด 3 แสนคน อินสตาแกรม @surachatehakparn มียอดผู้กดติดตามกว่า 1.14 หมื่นคน (ข้อมูลเมื่อ 2562)

เพราะฉะนั้น จึงไม่มากเกินไป หากนิยาม ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ ว่าเป็นเจ้าพ่อด้านประชาสัมพันธ์เชิงรุกในแวดวงตำรวจ พ.ศ.นี้ 

ในแวดวงคนมีสี ‘บิ๊กโจ๊ก’ คือนายตำรวจผู้ใกล้ชิด เป็นคนสนิท ‘บิ๊กป้อม’ นายทหารผู้มากด้วยอำนาจบารมีในกองทัพ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนอีกด้านในมิติการเมืองวงการมีสี ชื่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ถูกนำไปพัวพันกล่าวหาในหลายเรื่อง ทำนองมีอำนาจมากล้น เป็นคีย์แมนมีบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายให้คุณ-โทษตำรวจทั่วประเทศ

พูดต่อ ๆ กันไปถึงขั้นว่าตอนที่ยังมียศ พล.ต.ต. ถูกกล่าวหาว่าใหญ่กว่า พล.ต.อ. หรือบ้างเรียกเขาว่า ‘ผบ.ตร.น้อย’ เลยก็ยังมี

‘บิ๊กโจ๊ก’ คือใคร?

‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ มียศนำหน้า พล.ต.ท. ตำแหน่งในปี 2562 เป็น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ผบช.สตม. นี่คือตำแหน่งหลัก และยังมีอีกหลายตำแหน่งสำคัญในวงการตำรวจ ทั้งยังสวมหมวกทางการเมืองอีกด้วย อย่างการเป็นผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) 

ที่ส่งให้มีบทบาทเด่นในยุคนี้ (2562) จริง ๆ คือ รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ รองผอ.ศปอส.ตร. ศูนย์ของบิ๊กโจ๊กเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับอาชญากรรมที่มีรูปแบบก้าวล้ำขึ้นทุกวัน อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเครื่องมือให้บิ๊กโจ๊กได้ทำงานเพราะสโคปหน้างานกว้างขวาง เรียกว่าจับได้ทุกอย่างทุกประเภทความผิด หลอกขายของออนไลน์ ไปจนถึงขบวนการอาชญากรก่อการร้ายข้ามชาติ

ด.ช.สุรเชษฐ์ หักพาล เกิดวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เกิดและโตที่จังหวัดสงขลา เลือดสะตอแดนใต้เข้มข้น และเลือดตำรวจก็เข้มข้นด้วยเช่นกัน เขามีบิดาเป็นตำรวจ ชื่อ ดาบตำรวจไสว หักพาล มารดาชื่อนางสุมิตรา หักพาล เรียนมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ โรงเรียนดังใน จ.สงขลา รักเรียนและรักกีฬามาตั้งแต่เด็ก หากไม่เข้าสู่เส้นทางสายสีกากี เราอาจได้ยินชื่อ ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เป็นนักเทนนิสมือต้น ๆ ในแกรนด์สแลม

ลูกชายดาบไสว มุ่งมั่นสอบเข้าเรียนเตรียมทหาร ทอดสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจติดดาว ตามความฝันอยากเป็นตำรวจเดินตามรอยพ่อ ได้เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่น 31 เจ้าตัวเคยนิยามฝัน ‘การเกิดเป็นลูกผู้ชายนั้นสิ่งสูงสุดของชีวิตคือการได้รับใช้ชาติและทดแทนบุญคุณแผ่นดิน’

เมื่อจบเตรียมทหาร นตท.สุรเชษฐ์ สานฝันต่อเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 47 ตอนจบการศึกษาออกจากรั้ว นรต.สามพราน ติดดาวบนบ่า เป็น ‘ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล’ 

แม้ไม่ใช่ที่ 1 ของรุ่น แต่ชีวิตราชการนำไกลกว่าใครในรุ่น นำโด่งเข้าใกล้ตำแหน่งเบอร์ 1 ผู้นำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่าใครเพื่อน รับตำแหน่งประธานรุ่นนรต.47 มาหลายปีซ้อน เป็นคนที่เพื่อนในรุ่นส่วนใหญ่รักและเกรงใจ ไม่นับรวมรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการตำรวจที่นาทีนี้ใคร ๆ ก็เกรงใจ ‘บิ๊กโจ๊ก’ 
 

ฉายา ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’

จบนรต. รับราชการเป็นนายตำรวจเต็มตัว ถือเป็นตำรวจที่โชคดีมีโอกาสใกล้ชิดนาย เคยมีตำแหน่ง ‘นายเวร’ ทำหน้าที่เสมือนเลขาส่วนตัวของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี สมัยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

ในช่วงนั้นก็ถูกพูดถึงว่าทำงานใกล้ชิดนายตำรวจใหญ่ที่มีบทบาทในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายคน โดยเฉพาะคนในตระกูล ‘ดามาพงศ์’ แต่ก็ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการปรากฏชัดถึงบทบาท มีเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้น

ยุคหนึ่งที่บิ๊กโจ๊กเริ่มโด่งดังในวงการตำรวจ เคยถูกพาดพิงเรื่องความใกล้ชิดสายอำนาจ ‘ชินวัตร-ดามาพงศ์’ ถูกเมาธ์ว่าเป็นเด็กในบ้านดามาพงศ์ ตระกูลของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร หรือ ดามาพงศ์ อดีตภรรยา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยอมรับ ดาบตำรวจไสว บิดา เป็นนายตำรวจชั้นประทวนเคยทำงานใกล้ชิด พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ บิดา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยผบ.ตร. และ ‘คุณหญิงอ้อ’ คุณหญิงพจมาน

แต่บิ๊กโจ๊กก็ปฏิเสธว่า ตนเองไม่ใช่เด็กในบ้านดามาพงศ์อย่างที่ใครกล่าวหาร่ำลือ เพราะไม่ได้ตามไปอยู่กับพ่อ ตัวเองใช้ชีวิตที่สงขลา 

ตั้งแต่ยังเป็นนายตำรวจยศไม่ใหญ่ ถูกคนในวงการตำรวจตั้งฉายา ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ ว่ากันว่าใครได้คุย ฝากฝัง สั่งการอะไร ‘โจ๊ก’ รับปาก “ได้ครับพี่ ได้ครับ ครับ ครับ ครับพี่ครับ” ทุกครั้ง จากคำพูดติดปาก และบุคลิก วิธีปฏิสัมพันธ์ กลายเป็นฉายาหวาน ตั้งแต่ตอนนั้น ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ กลายเป็นนายตำรวจคนดัง

 

ซูเปอร์คอนเน็กชัน-เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด

ตำแหน่งราชการสำคัญ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เคยเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน เคยตกเป็นข่าวคราวดังอยู่พักหนึ่ง เหตุที่จังหวัดนครพนมเป็นคดีความ เรื่องไปถึง ป.ป.ช. และเพิ่งยุติเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง 

ต่อมา ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่บ้านเกิด เป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา ภาษาตำรวจเรียกโรงพักหาดใหญ่ว่า เกรด A เพาเวอร์ไม่ดีจริง มานั่งในตำแหน่งนี้ไม่ได้ แต่ ‘โจ๊ก’ มาได้ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตอนนั้นยศ พล.ต.ท. เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผู้บังคับบัญชาโดยตรง ตำแหน่งผู้กำกับหาดใหญ่ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญส่งผลให้ ผกก.โจ๊ก ในวันนั้น เติบโตไวในหน้าที่ราชการราวกับขึ้นลิฟต์ความเร็วสูง ปลายปี 2555 ผู้กำกับฯโจ๊ก ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เป็นรองผู้บังคับการจังหวัดสงขลา 

ตอนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ถูกวางตัวให้เป็นรองผู้การฯ คุมพื้นที่ 4 อำเภอ สีแดงมีภัยก่อความไม่สงบ ตอนนั้นจึงได้สิทธิ ‘ตำรวจชายแดนใต้’ นับอายุราชการทวีคูณสำหรับแต่งตั้ง กฎและวิธีแต่งตั้งของตำรวจทำให้ รองฯ โจ๊ก มีอายุราชการบวกเพิ่ม 1 เท่า 

ช่วงเวลาคาบเกี่ยว เริ่มมีคนเห็น พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในตอนนั้นใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกลายเป็นภาพสัมพันธ์ใกล้ชิด ที่การันตีด้วยการถูกเลือกเป็นนายตำรวจข้างกาย

เมื่อ ‘บิ๊กป้อม’ กลับสู่เส้นทางการเมืองในรัฐบาล คสช.กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) บอร์ดใหญ่ที่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั่วประเทศ มี ‘บิ๊กโจ๊ก’ ซึ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น รองผู้บังคับการ แล้ว ทำหน้าที่นายตำรวจติดตาม ภาพนายตำรวจหนุ่มยศ พ.ต.อ. ผิวเข้ม สวมสูทเดินประกบ ‘บิ๊กป้อม’ จึงเป็นภาพชินตาของใครหลายคน

ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากเลือกตั้งสู่รัฐประหาร ปลายปี 2557 ก็ได้รักษาการตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าประสานนายกรัฐมนตรี ให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ที่ ‘บิ๊กป้อม’ เลือกเป็นนายตำรวจติดตาม 

ไม่นานก็มีการแต่งตั้งนายพลนอกวาระ กลางปี 2558 ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังบิ๊กโจ๊กมีคุณสมบัติอายุราชการบวกอายุทวีคูณ ครบหลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งพอดิบพอดี ในปี 2558 ได้เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่ง ผู้บังคับการประจำฯ ที่รักษาการอยู่

ใช้เวลา 21 ปี ไต่เต้าตามฝันในเส้นทางสีกากี จาก ร.ต.ต. สู่ พล.ต.ต.

ไม่นานกลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อ ‘พล.ต.อ.จักรทิพย์ ‘ ผบ.ตร. (ในเวลานั้น) ออกคำสั่งให้ตำรวจทั่วประเทศต้องรายงานเหตุสำคัญให้ ‘รองผู้การฯ โจ๊ก’ ทราบ เพื่อรายงานตรง พล.อ.ประวิตร เป็นคำสั่งที่ขับให้เห็นบทบาท ความสัมพันธ์ และความสำคัญ ของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ อย่างมาก

ไม่กี่เดือนต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ต่อมาเป็น ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏฺิบัติการพิเศษ หรือ 191 เป็น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 

ทุกตำแหน่งเลื่อนขึ้น 2 สเต็ป พล.ต.ต. สู่ พล.ต.ท. เกิดขึ้นระหว่างปลายปี 2559-2561 ‘บิ๊กโจ๊ก’ จึงเป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี สร้างประวัติศาสตร์สนั่นแวดวงสีกากี

พูดติดตลกกันในวงการตำรวจ ‘นี่คืออภินิหาร’ หากไม่ใช่ตำรวจที่มีซูเปอร์คอนเนกชัน เช่นที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ มี ก็เป็นไปได้ยาก 

ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ด้วยความใกล้ชิดแนบแน่น ‘บิ๊กป้อม’ ทำให้ ‘โจ๊ก’ ถูกมองว่ามีบทบาทสำคัญ จึงไม่แปลกที่พี่น้องในวงการตำรวจให้ความเกรงใจอย่างมาก โจ๊กไปไหน รุ่นน้องรุ่นพี่ยืนกุมตั้งแถวต้อนรับ ฤดูแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทุกครั้ง ชื่อโจ๊กกระหึ่ม แต่เจ้าตัวก็ยืนกราน ไม่เคยใช้อำนาจบารมี ไม่เคยไปข้องเกี่ยวการแต่งตั้งที่ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายทั้งนั้น 

บิ๊กโจ๊กพิสูจน์ให้เห็นด้วยการส่งทีมงาน ศปอส.ตร.ที่ตัวเองเป็น รองผอ.ฯ ไปจับคนขับแท็กซี่ กล่าวหาว่าไปหลอกนายตำรวจระดับรองผู้การฯ-รองสารวัตร ในพื้นที่นครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ไปตบทรัพย์ รีดเงิน อ้างว่าคือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ รับวิ่งเต้นขายตำแหน่ง แถลงข่าวออกสื่อ โชเฟอร์รับว่าทำมานาน ทำเอาเสียงลือค่อย ๆ จางลงไป

ช่วงเวลา 2 ปีที่ขยับตำแหน่ง เติบโตอย่างกับขึ้นลิฟต์ไฮสปีด ‘บิ๊กโจ๊ก’ มีโอกาสทำผลงาน ได้รับการสนับสนุนจาก ผบ.ตร.ตั้งศูนย์ทำงานใหม่ ๆ ขึ้นมา อาทิ ศปอส.ตร. ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เปิดทางให้บิ๊กโจ๊กทำงานเต็มที่ ตำรวจฝีมือดีสมัครใจร่วมทีมปฏิบัติการ

ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ทำงานให้ ‘นายโจ๊ก’ ทั้งจับเด็กแว้น คอลเซ็นเตอร์หลอกลวง แก๊งโรแมนซ์สแกม ต้มตุ๋นออนไลน์ ปราบเงินกู้นอกระบบ ทวงคืนทรัพย์ลูกหนี้ดอกเบี้ยโหด ฯลฯ ทั่วประเทศผลงานออก หยิบจับ ขยับต่อได้ทุกคดี ไม่มีใครส่งเสียงโวย

 

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

แต่เส้นทางมในอาชีพ ‘ตำรวจ’ ของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะต่อมาในวันที่ 5 เมษายน 2562 มีคำสั่งจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เขาไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย

คล้อยหลังอีก 4 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มีคำสั่งให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’  ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งยังถูกเพิ่มรายชื่อในบัญชีเพื่อได้รับการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เนื่องด้วยมีมูลถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ

ข่าวของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ดูเหมือนจะเงียบหายไป กระทั่งวันที่ 6 มกราคม 2563 รถยนต์ของเขาถูกรัวยิง 8 นัด ขณะจอดอยู่ที่ลานจอดรถ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ออกมาเปิดโปงการทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 

หลังจากนั้น ‘บิ๊กโจ๊ก’ ลากิจไปบวชที่อินเดีย 9 วัน และกลับมาใช้ชีวิตเงียบ ๆ ถึง 2 ปีเต็ม ก่อนที่ในปี 2564 เขาจะได้เลื่อนจาก ที่ปรึกษา (สบ 9) สตช. ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับเป็น รอง ผบ.ตร. ในปี 2565 

ทั้งหมดหนุนให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ทำผลงาน มีผลงาน ชอบธรรม ขึ้นสู่ตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการ’

 

หนึ่งวัน 2 เหตุการณ์

ทว่าในเช้าวันที่ 25 กันยายน 2566 หรือ 2 วัน ก่อนที่ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี จะร่วมประชุมเคาะเลือก ‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ตำรวจไซเบอร์-คอมมานโด สนธิกำลัง นำหมายค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งหมด 4 คน และเหลืออายุราชการมากที่สุดโดยจะเกษียณในปี 2574 เนื่องจากมีบุคคลใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์

เบื้องต้น ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่สวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น ไม่ยินยอมให้ตำรวจกลุ่มดังกล่าวเข้าตรวจค้นบ้านพักที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในซอยวิภาวดี 60 ย่านบางเขน กรุงเทพฯ ยืนยันว่าต้องมีนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเข้าร่วมตรวจค้นเท่านั้น กระทั่ง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เดินทางมาถึง ‘บิ๊กโจ๊ก’ จึงพาเข้าไปตรวจค้นบ้านด้วยตัวเองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ 

ภายหลังการตรวจค้น ปรากฏว่าไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่มีลูกน้องคนสนิทถูกจับกุม 8 นาย 

‘บิ๊กโจ๊ก’ ให้สัมภาษณ์ในช่วงเที่ยงด้วยชุดตำรวจเต็มยศว่า นี่เป็นความพยายามดิสเครดิต โดยจากการตรวจสอบในหมายค้นไม่มีชื่อของตน และการขอหมายค้นดังกล่าวเป็นการ ‘หลอกศาล’ เป็นการขอหมายค้นโดยไม่สุจริต เพราะเป็นการขอหมายค้นที่ระบุเพียงบ้านเลขที่ แต่ไม่ได้แจ้งศาลว่าเป็นบ้านของตน ทั้งที่ตำรวจทั้งหมดก็ทราบว่าตนอยู่บ้านหลังดังกล่าว 

หลังจากนี้จะมีการไล่ดูคดีทั้งหมด เนื่องจากตนทำคดีหลายคดี ซึ่งอาจจะไปกระทบกระทั่งหลายส่วน จึงต้องรับแรงกระแทกแบบนี้ 

ส่วนตำรวจที่ถูกหมายจับ ยอมรับว่าเป็นลูกน้องของตน หลังจากนี้ก็ต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์จริงหรือไม่ หากพบว่าทำผิดก็ต้องจับกุม ไม่ปกป้องลูกน้องที่ทำผิด พร้อมชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่คลิปที่ตนกำลังร้องเพลงกับผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและพนันออนไลน์ว่า ไม่ทราบเลยว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใคร และไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว 

ทั้งยังกล่าวอีกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ขอไม่ตอบว่าปฏิบัติการนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่ 

การเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจเขาก็มีอุดมคติอยู่แล้ว อดทนต่อความเจ็บใจไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก เมื่อเราถูกหล่อหลอมมาเป็นแบบนี้ก็ต้องรับแรงเสียดทานให้ได้ ถ้าเราคิดจะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ก็คงไม่ได้ไปทำอะไรเลย รออาวุโสไป

เรื่องแรกยังไม่ทันจบดี เรื่องที่ 2 ก็ต่อคิวมาทันที บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีตผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เข้าแจ้งความเอาผิด ‘บิ๊กโจ๊ก’ ในข้อหาประพฤติโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากมีเกิดกระแสทำนองว่า พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ได้เปลี่ยนตัวผู้ต้องหาในคดีชายฉกรรจ์ 6 คน บุกพูลวิลล่า ย่านหาดจอมเทียน ใช้ปืนยิงยางรถยนต์ และทำร้ายร่างกายคู่อริ จนมีผู้บาดเจ็บ 5 คน นำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ

แต่เมื่อพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 สรุปว่าพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่า พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กระทำผิดวินัยตามข้อกล่าวหา จึงให้ยุติเรื่อง 

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ จึงเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี

นับเป็น 2 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ภายในวันเดียว แถมยังเป็นวันท้าย ๆ ของการนับถอยหลังแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนที่ 14 อีกด้วย 

 

รักแรกและรักเดียว

ถึงชีวิตและชื่อชั้นการทำงานจะเรียกเสียงฮือฮา เป็นระดับทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่เป็นระยะ แต่เรื่องความรักของบิ๊กโจ๊กกลับเรียบง่าย บิ๊กโจ๊กมีรักแรกและรักเดียว นั่นคือ ‘คุณกุ๊บ’ ดร.ศิรินัดดา หักพาล สาวสงขลาซึ่งเป็นรักแรกตั้งแต่มัธยมฯ จนถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน แต่ขยันเติมความหวานและเป็นกำลังใจให้กันและกัน มีภาพกุ๊กกิ๊กออกสื่อบ่อย ๆ 

อีกภาพที่เห็นชัดและช่องทางมีเดียส่วนตัวของบิ๊กโจ๊กโชว์ให้เห็นบ่อย ๆ คือภาพความกตัญญู ไม่ว่านายตำรวจผู้นี้จะทำงานหนัก เดินทางบ่อย พักน้อยเพียงใด แต่มีเวลาให้ ด.ต.ไสว ผู้เป็นบิดา เสมอ

น่าจับตาว่าเส้นทางไปต่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จะมากด้วยอภินิหาร ไฮสปีด เช่นที่ผ่านมาหรือไม่ อายุ 48 ปีเป็นผู้บัญชาการ เหลืออีกเพียง 3 สเต็ปก็แตะถึงตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ ผู้นำตำรวจไทย ตำแหน่งที่นายร้อยตำรวจแทบทุกคนฝันจะไปให้ถึง 

‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็เช่นกัน

 

หมายเหตุ (กองบรรณาธิการ): เนื้อหานี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 30 มกราคม พ.ศ. 2562 กองบรรณาธิการปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

ณ วันที่ปรับปรุง มียศเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ขณะที่ยศเมื่อปี 2562 เป็นพล.ต.ท. ต่อมา ในปี 2565 เป็น พล.ต.อ.

 
เรื่อง: สรธร 

ภาพ: แฟ้มภาพจาก NATION PHOTO