‘มาเด้อฝันเอย’ บทเพลงสะท้อนชีวิตจริงของ ‘มนต์แคน แก่นคูน’

          เพราะชีวิตมักถูกท้าทายด้วยบททดสอบต่างๆ อยู่เสมอ การที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งยากมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด 19 โรคระบาดที่ไม่เพียงสร้างความเจ็บป่วยทางกาย แต่ส่งผลกระทบไปถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่
               บางคนตกงาน 
                  บางคนขาดรายได้ 
                     บางคนธุรกิจที่สร้างไว้ล้มครืน 
                        บางคนสูญเสียคนที่รักไปแบบไม่มีวันกลับ 
                           และอีกสารพัดแบบทดสอบชีวิตที่อาจบั่นทอนจิตใจจนเสียขวัญ เสียความฝันไป

          "มาเด้อฝันเอย" อัลบั้มล่าสุดของศิลปินลูกทุ่ง-หมอลำ มนต์แคน แก่นคูน แห่งค่ายแกรมมี่ โกลด์ จึงถูกปล่อยออกมา เพื่อเรียกขวัญพี่น้องคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

          “อัลบั้มมาเด้อฝันเอย” โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ “เอิ้นขวัญให้สู้ฝัน” โดยนอกจากบทเพลง “มาเด้อฝันเอย” ที่ชื่อเดียวกับอัลบั้มจะนำแรงบันดาลใจจากพิธีบายศรีสู่ขวัญมาสร้างสรรค์ ดัดแปลงเป็นเนื้อร้องและท่วงทำนอง เพื่อปลอบประโลมและปลุกใจคนเสียฝันให้ฮึดสู้อีกครั้งแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย ซึ่งถูกสื่อสารผ่านสัญลักษณ์อย่าง “ฝ้ายขาว” เครื่องรางนำโชคของชาวอีสานที่ผู้เฒ่าผู้แก่ใช้ผูกข้อมืออวยพรอวยชัยให้ลูกหลานก่อนออกเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด 

          สำหรับกิจกรรมต่างๆ ของมนต์แคนที่ช่วยเรียกขวัญกำลังใจให้พร้อมสู้ฝัน ประกอบด้วย...

          ฝ้ายขาว ที่เขานำไปแจกตามงานคอนเสิร์ต เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่แฟนคลับ

          กำแพงสู้ฝัน ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อบอกเล่าความฝันของคนในพื้นที่ 5 จังหวัด ทั้งอุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี และนครราชสีมา เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องในแต่ละพื้นที่ได้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมี วิดีโอสารคดี "ยังจำความฝันของตัวเองได้มั้ย” ที่บอกเล่าเรื่องจริงของคนเคยเสียฝัน แต่ไม่ยอมเสียกำลังใจ เก็บเศษความฝันมาประกอบร่างสร้างใหม่  ซึ่งสามารถรับชมเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่ว่าได้ในคลิปวิดีโอนี้  https://www.youtube.com/watch?v=ji6cwsdSKQ8

          ขณะเดียวกันมนต์แคนอยากเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนไทย ที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในกทม.  ซึ่งแต่ละคนย่อมมีความฝันแตกต่างกันไป เขาจึงถ่ายทอดกำลังใจผ่าน ป้าย MRT ที่รถไฟใต้ดินในกทม. เพื่อให้ทุกครั้งของการเดินทางไปทำงาน จะมีได้พลังสู้ฝันในวันนั้นๆ ต่อไป และปิดท้ายด้วยการส่งกำลังใจ ณ ป้ายรถขนส่ง ที่ติดตั้งไว้ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม  ไปจนถึงกลางเดือนมกราคม  เพื่อช่วยเอิ้นขวัญคนไทยที่เดินทางกลับบ้านช่วงสิ้นปีให้ได้รับกำลังใจจากครอบครัว รวมถึงพลังใจจากมนต์แคนให้มีแรงลุกขึ้นสู้ฝันกันต่อในปี 2566

          ฝันที่ต่อให้ดูเหมือนเป็นไปได้ยาก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ 

          อย่างความฝันของมนต์แคน แก่นคูน ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จเป็นศิลปินดังในวัย 49 ปี และกลายเป็นเจ้าของสถิติที่มียอดสตรีมรวมในยูทูบ (YouTube) ประเทศไทยกว่า 802 ล้านวิว มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (พ.ศ.2563-2565)  เขาต้องเจอวันยากๆ ผ่านบททดสอบชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน 

          “คำว่าฝันของคนต่างจังหวัดมันฝันจริงๆ นะ ฝันที่เราจะไปไขว่คว้านี้เป็นอะไรที่ยากมาก แต่คำว่าฝันอยากได้ อยากเป็น แต่วันนั้นเป็นฝันที่เป็นจริงนะครับ แต่ความประสบความสำเร็จอะไรต่างๆ ค่อยว่ากันอีกที การที่จะทำอัลบั้ม แล้วมีรูปตัวเองในแผ่นเสียง ในม้วนเทป ในซีดี และก็มีรูปตัวเองในทีวีออกมา ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ตื่นเต้นจริงๆ”  มนต์แคนเล่า 
 
           “เรื่องราวอะไรต่างๆ ที่ผ่านมา เส้นทางที่ผ่านมา แม้มันจะลำบากขนาดไหน แม้มันจะเจออุปสรรคขนาดไหน ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ผมยังดีใจที่วันนั้นที่ไม่ท้อนะครับ วันนั้นที่ไม่ถอย ถ้าวันนั้นถอยในคราวที่เจอปัญหา ฝันที่ผมยืน ฝันที่ผมหวังในวันนี้คงไม่มี ดีใจนะครับที่ไม่ย่อท้อ”  มนต์แคนบอกอย่างภูมิใจถึงการเป็นคนสู้ฝัน

สู้อย่างไม่ท้อ แม้จะต้องเจอสารพัดบททดสอบในวันยากๆ
สู้อย่างไม่ถอย แม้จะต้องใช้เวลานานกว่า 20 ปี

          ในที่สุดความฝันทั้งสองได้กลายเป็นจริง โดยเฉพาะการเป็นนักร้องที่ไม่ใช่แค่เป็น แต่ยังประสบความสำเร็จ อย่างบทเพลงในอัลบั้มล่าสุด ไม่ว่าจะ ‘มาเด้อฝันเอย’  ‘นางไอ่ของอ้าย’  ‘หนีบ่ม้ม’ ‘เป็นเกียรติหลาย’ ที่ทยอยปล่อยออกมา ล้วนได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจนมียอดวิวในยูทูบรวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านวิวในเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับบทเพลง ‘คิดฮอดหน้าฮ้าน’ ที่ส่งมาปิดท้ายอัลบั้มในช่วงสิ้นปี 2565 ให้คนไทยได้มีความสุขจากการร้องรำทำเพลงก็มีทีท่าพุ่งแรงไม่แพ้กัน

          เส้นทางศิลปินของมนต์แคน แก่นคูน ที่จุดเริ่มต้นต้องขวนขวาย พยายาม พอถึงกลางทางต้องหยุดชะงักเพราะเจอทางเบี่ยง แต่เขากลับเลือกที่จะค่อยๆ เดินไปบนเส้นทางทั้งคู่ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวคงเหนื่อยล้าเต็มที แต่ ณ ตอนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ดอกผลของการกัดฟันฮึดสู้ ช่างหอมหวานและงดงามเพียงใด

          เช่นเดียวกับท่อนหนึ่งในบทเพลงมาเด้อฝันเอยที่สะท้อนชีวิตจริงของเขาไว้ ซึ่งถอดความเป็นภาษากลางได้ว่า

“ไม่มีอะไรได้มาหรอกง่ายๆ ลุกขึ้นสู้ต่อขอแค่เราไม่ถอดใจ
พี่เชื่อว่าความฝันต้องเป็นของเราจนได้ 
ทิ้งเถอะความเจ็บผ่านแล้วก็ผ่านไป  
เก็บรักเก็บแรงเก็บกำลังใจ
ความฝันที่วาดไว้  กัดฟันใส่อีกสักครั้ง”

เมื่อเจอวันยากๆ ขอเพียงอย่าถอดใจ แล้วลุกขึ้นสู้ฝันแบบมนต์แคน แก่นคูน...สู้จนในที่สุดก็สำเร็จ