พล.ท.บุญสิน พาดกลาง : แม่ทัพสายบู๊ มรสุม ‘การเมือง’ ฝุ่นตลบ ‘เปลี่ยนม้ากลางศึก’

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง : แม่ทัพสายบู๊ มรสุม ‘การเมือง’ ฝุ่นตลบ ‘เปลี่ยนม้ากลางศึก’

เรื่องราวของ ‘พล.ท.บุญสิน พาดกลาง’ หรือ ‘แม่ทัพกุ้ง’ เพื่อน ‘ผบ.ปู’ หรือ ‘พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์’ สายบู๊-วิชาการ มรสุม ‘การเมือง’ ฝุ่นตลบ ‘เปลี่ยนม้ากลางศึก’

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นิ่งสงบช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ปะทุขึ้นมาอักครั้งตั้งแต่ช่วง ต.ค.-ธ.ค. 67 ที่มีการปลุกกระแส ‘เกาะกูด’ ที่ผูกโยงกับ MOU 2544 ที่สุดท้ายฝั่ง ‘ไทย-กัมพูชา’ ก็ถอยเรื่องการ ‘เจรจาพื้นที่ทับซ้อน’ ทางทะเลออกไป ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการ ‘ทรัพยากรใต้ทะเล’ ร่วมกัน

เหตุพิพาทระหว่าง ‘ไทย-กัมพูชา’ ตามแนวชายแดนทางบกมีปรากฏให้เห็น แต่ไม่ได้เป็น ‘กระแส-ข่าวใหญ่’ เท่าใดนัก เช่น ม.ค. 68 ทหารกัมพูชา ตัดลวดหนามที่ทหารไทยวางแสดงอาณาเขต บริเวณพื้นที่ทางทิศตะวันออก ช่องตาเฒ่า ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น

แต่สิ่งที่เป็น ‘เชื้อไฟสำคัญ’ คือเหตุการณ์ที่ ‘คณะแม่บ้านทหาร’ ขึ้นไปร้องเพลงปลุกใจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ก่อให้เกิดการปะทะคารมระหว่าง ‘ทหารไทย-ทหารกัมพูชา’ ขึ้น ในฝั่งกัมพูชา คือ ‘พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์’ ผบ.พลน้อย.ร.42 ที่กลายเป็น ‘ฮีโร่’ ของฝั่งกัมพูชาทันที ตามมาด้วยเหตุการณ์ ‘ศาลาตรีมุข’ เกิดเพลิงไหม้ ในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 

ในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. 68 มีเหตุพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นอยู่ตลอด มาจนถึง 1 พ.ค. 68 ที่มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่กรุงเทพฯ ระดับ รมว.กลาโหม 2 ประเทศ แต่สถานการณ์ดูท่าจะสวนทางกับการพูดคุย เพราะผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ ‘ทหารกัมพูชา’ ดันรุกล้ำพื้นที่ เนิน 745 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยพบการสร้างฐานที่มั่น ขุดคูเลตทหาร แต่สุดท้ายได้มีการเจรจา ‘ทหารกัมพูชา’ จนยอมถอนกำลัง ออกนอกพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 68

ผ่านไปเพียง 11 วัน เกิดเหตุปะทะที่ ‘ช่องบก’ 28 พ.ค. 68 ช่วงเช้าตรู่เป็นเวลา 10 นาที หลังพบว่า ‘ทหารกัมพูชา’ ขุดคูเลต จาก ‘จุดต้นพญาสัตบรรณ’ ถึง ‘สามแยกลาว’ ระยะ 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ 2 ประเทศ จากเหตุปะทะครั้งนั้น ‘ทหารกัมพูชา’ เสียชีวิต 1 นาย ทำให้สถานการณ์ถึง ‘จุดเดือด’ ที่ฝั่งกัมพูชาเดินเกมเป็นระบบในการตอบโต้ไทย

ในฝั่งไทยหนึ่งในนายทหารที่มีบทบาทสำคัญ คือ ‘แม่ทัพกุ้ง’ หรือ ‘พล.ท.บุญสิน พาดกลาง’ แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด และท่ามกลางเหตุการณ์ที่ตึงเครียดและไม่แน่นอน เขาคือบุคคลที่ออกมาย้ำเตือนและสร้างความเชื่อมั่นต่อเหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ รวมไปถึงประชาชนในประเทศที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ว่า

 

ปราสาทตาเมือนทมนี้อยู่กับพี่น้องประชาชนคนไทย มาตั้งแต่ตั้งประเทศไทย เพราะฉะนั้น ที่นี่เป็นที่มั่นของพวกเรา ถอยไม่ได้

 

‘แม่ทัพกุ้ง’ เลือดอีสาน เพื่อน ‘บิ๊กปู’

ผบ.ทบ. สาย ‘บู๊’ เจอสาย ‘วิชาการ’

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง’ จบ ร.ร. เตรียมทหาร รุ่น 26 จบ ร.ร.นายร้อย จปร. รุ่น 37 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ ‘ผบ.ปู’ หรือ ‘พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์’ ผบ.ทบ. ทั้งคู่เติบโตต่างหน่วยต่างพื้นที่กัน โดย พล.อ.พนา เติบโตจากหน่วย ร. 31 รอ.

สำหรับ พล.ท.บุญสิน เติบโตในพื้นที่ ทภ. 2 เป็น ‘ทหารเลือดอีสาน’ ผ่านตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22, เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3, รองแม่ทัพภาคที่ 2, แม่ทัพน้อยที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อครั้งเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 22 ในสังกัดกองทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 2 ปี ช่วงปี 2555-2557 

บุคลิกของ พล.ท.บุญสิน เป็น ‘สายบู๊’ ที่เห็นอย่างชัดเจน จากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คือ ‘ขุนพลข้างกาย’ ของ พล.อ.พนา ผบ.ทบ. ในการตัดสินใจต่าง ๆ แม้ว่า พล.ท.บุญสิน - พล.อ.พนา จะมี ‘แนวทางทำงาน’ ต่างกัน โดย พล.อ.พนา จะเน้น ‘หลักการ-ข้อกฎหมาย’ ออกไปในแนว ‘วิชาการ’ 

มีรายงานว่า พล.ท.บุญสิน คือหนึ่งในบุคคลที่ทำให้ พล.อ.พนา ต้องตัดสินใจเสริมกำลังทหารแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ ก.พ. 68 หลังเกิดเหตุที่ ‘ปราสาทตาเมือนธม’ จนมาถึงเหตุการณ์ช่องบก 28 พ.ค.68

 

ที่พึ่ง ‘ทางใจ’ ผสาน
‘พลังศรัทธา’ ยามศึก

ช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับจากเกิดเหตุปะทะที่ ‘ช่องบก’ แนวต้นพญาสัตบรรณ ทำให้ พล.ท.บุญสิน ไปพบปะทหารที่ประจำการ ‘ฐานชายแดน’ หลายแห่ง โดยเฉพาะที่ ‘ช่องบก’ ที่ พล.ท.บุญสิน ได้นอนค้างคืน พร้อมกับมอบ ‘พระหลวงปู่ทวด’ และ ‘เหรียญหลวงพ่อใหญ่โชคดี’ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ

ย้อนกลับไป ภายหลังเกิดเหตุเผาศาลาตรีมุขได้ 3 สัปดาห์ พล.ท.บุญสิน ได้เดินไปพื้นที่ ‘ช่องบก-เนิน500’ เพื่อเป็นประธานพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แด่ดวงวิญญาณนักรบกล้า ‘ช่องบก’ และพิธีถวายพระพุทธรูปปางทรงเครื่องจักรพรรดิ และพระพุทธรูปปางสมาธิ ณ ฐานปฏิบัติการมรกต ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน ตรวจเยี่ยม ‘ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ’ จ.อุบลราชธานี พร้อมอัญเชิญพระพุทธรูป ‘สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ’ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) ขึ้นไปประดิษฐาน พร้อมมอบ ‘เหรียญหลวงพ่อโชคดี-เหรียญหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน’ และมอบเงินทหารทุกนาย คนละ 500 บาท 

โดยมีการใส่จำนวนเงินที่เป็นสกุลเรียล ประมาณ 60,500 เรียล ของกัมพูชา ในเนื้อข่าวที่เผยแพร่ให้สื่อ ซึ่งจุดนี้เป็น ‘จิตวิทยา’ ในการตอกย้ำไปยังฝั่งทหารกัมพูชา

พร้อมกันนี้เมื่อ 3 มิ.ย.68 พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสาร 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนกองกำลังทหารชายแดน สร้างที่พักในฐาน และจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ

นอกจากนี้ เมื่อ 4มิ.ย.68 พล.ท.บุญสิน  เป็นประธานพิธีเปิดโครงการมินิทานบารมี ปีที่ 9 ครั้งที่ 1 ของทุ่งป่าสวนสนธรรมสถาน เพื่อมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ทหาร ที่ได้รับจาก พระราชวชิราลังการ วิ. (คำปอน สุทฺธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา, พระอาจารย์ฉัตรชัย อภิวิชโช และศิษย์ทุ่งป่าสวนสน ที่ ผามออีเเดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 

ทั้งหมดนี้ถือเป็นปรากฏการที่น่าสนใจ ในสภาวะไม่ปกติตามแนวชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’ ในการตรวจเยี่ยมของ ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ที่ไม่ได้ไปเพียง ‘คำพูด’ ในการ ‘ปลุกใจ’ แต่มี ‘พลังศรัทธา’ ควบคู่ ผ่านการมอบ ‘เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ’ หรือการประดิษฐาน ‘พระพุทธรูป’ แต่ละฐานทหาร รวมทั้งการผสานเครือข่ายต่างๆ ในพื้นที่ ผ่าน ‘พลังศรัทธา’ ทาง ‘ศาสนา’ ที่ใกล้ชิดชุมชนอีกด้วย

 

ฝ่ามรสุม ‘การเมือง’ แม่ทัพกุ้ง VS สหายใหญ่

เปลี่ยนม้ากลางศึก

ผลพวงจากวงประชุม ‘จีบีซี’ ในวันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ที่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ระบุว่าจะให้มีการ ‘ถอยกำลัง’ จุดที่มีการปะทะต่างๆ โดยยึดตาม MOU 2543 แต่มีการโยงไปถึง ‘ปราสาทตาเมือนธม’ ที่เป็น ‘ดินแดนไทย’ จึงมีคำถามตามมาว่าเหตุใดจึงต้องถอยกำลังทหาร โดยมีการปลุกกระแส ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ไม่ต้องฟัง รมว.กลาโหม ขึ้นมา 

ทำให้ ‘กองทัพบก’ นำโดย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ต้องออกมาสยบกระแส ไม่ให้กลายเป็น ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ จาก ‘ศึกใน’ ที่กำลังต้องสู้กับ ‘ศึกนอก’ โดยย้ำว่าระหว่าง ‘ระดับปฏิบัติ - ระดับนโยบาย’ ทำงานร่วมกันได้ โดยข้อมูลมาจาก ‘ฝ่ายปฏิบัติ’ ที่นำเสนอขึ้นไป

แต่กลับกลายมีกระแสข่าว ‘ภูมิธรรม’ จะปลด ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ทำให้ ‘ภูมิธรรม’ ต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่มีการปลด เพราะ พล.ท.บุญสิน ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ก่อนจะปรากฏภาพ ‘ภูมิธรรม’ กับ พล.ท.บุญสิน ลงพื้นที่เนิน 500 ช่องบก ใกล้จุดที่ทหาร 2 ประเทศปะทะกัน

แต่ พล.ท.บุญสิน จะพ้นตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ในเดือน ต.ค.68 เพราะเกษียณอายุราชการ ที่ในขณะนี้มีแคนดิเดต ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ อยู่ 3 คน ในระดับ ‘รองแม่ทัพภาคที่ 2

 

เจาะ 3 แคนดิเดต มทภ. 2 รับไม้ต่อ ‘แม่ทัพกุ้ง’ 

รองเติ่ง’ หรือ ‘พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์’ ตท. 26 เพื่อน พล.อ.พนา และ พล.ท.บุญสิน เติบโตจากพื้นที่ ‘อีสานใต้’ เคยเป็น ผบ.กองพลทหารราบที่ 6 ผบ.กองกำลังสุรนารี ผ่านเหตุการณ์ ‘เขาพระวิหาร’ ปี 2554

พล.ต.นรธิป โพยนอก’ ตท. 26 เพื่อน พล.ต.วีระยุทธ เคยเป็น ผบ.กองพลทหารราบที่ 3 ผบ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เคยผ่านตำแหน่งในพื้นที่ ‘อีสานใต้-กองกำลังสุรนารี’ มาหลายตำแหน่ง 

รองณัฏฐ์’ หรือ ‘พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์’ ตท. 27 ผ่านมาหลายสมรภูมิในพื้นที่ ‘อีสานใต้’ สามารถพูดภาษาเขมรได้ จนขึ้นเป็น ผบ.กองพลทหารราบที่ 6 ผบ.กองกำลังสุรนารี เคยผ่านศึกเขาพระวิหารปี 2554 และได้รับรางวัล ‘เกียรติยศจักรดาว’ จาก ร.ร.เตรียมทหาร เมื่อต้นปี 2568

ทว่าแคนดิเดตทั้ง 3 คน จะเกษียณฯ ต.ค. 2570 พร้อมกัน หากใครได้ขึ้นเป็น ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ย่อมปิดประตูแคนดิเดตคนอื่นๆ เว้นแต่จะใช้สูตร 1 : 1 ปี ขึ้นมา

สำหรับในอดีต ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ถือว่ามีบทบาทสำคัญ และมีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เช่น ‘ป๋าเปรม’ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ , พล.อ.วิมล วงศ์วานิช , ‘บิ๊กตุ๋ย’ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี , ‘บิ๊กแอ้ด’ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นต้น แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เก้าอี้ ผบ.ทบ. ส่วนใหญ่ มาจาก ‘แม่ทัพภาคที่ 1’ เป็นหลัก

 

ภาพ : โสภน สุเสนา (Sopon Susena) - Nation Photo