หลายคนรู้จัก LOVEiS Entertainment ในฐานะค่ายดนตรีอารมณ์ดีที่อยู่คู่วงการเพลงไทยมานานกว่า 20 ปี ภายใต้การบริหารงานของ จี๊ป – เทพอาจ กวินอนันต์ ซึ่งล่าสุดกำลังมีบทบาทใหม่ที่น่าตื่นเต้น กับการเข้ามารับช่วงต่อการบริหารพื้นที่โรงภาพยนตร์ลิโด (ชื่อเดิมไม่มีไม้โท) หลังจากหมดสัญญา และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ลิโด้ คอนเน็คท์ (LIDO CONNECT)
ทั้งนี้ สำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ถือสัมปทานพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้สยามสแควร์เป็นแหล่งรวบรวมศิลปะวัฒนธรรม นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ สอดคล้องกับ LOVEiS ที่ปรารถนาเปลี่ยนลิโด้ให้เป็นพื้นที่โอกาสของคนทุกคน
“ผมไม่ใช่ผู้ชุบชีวิตลิโด้ แต่คือพวกคุณทุกคน” เทพอาจกล่าว
การเข้ามาของ LOVEiS จะเปลี่ยนลิโด้เป็นอย่างไร และแนวทางการบริหารของเขาจะน่าสนุกแค่ไหน หาคำตอบได้บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้
[caption id="attachment_10758" align="aligncenter" width="1200"]
เทพอาจ กวินอนันต์[/caption]
The People: คุณผูกพันกับลิโด้ขนาดไหน
เทพอาจ: ผมเรียนอยู่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ก็จะเดินสยามทุกซอก ทุกมุม เห็นทั้งมุมสว่าง มุมมืดของสยามและลิโด คุณทันลิโดสมัยก่อนไหมครับ? มันจะชื้น ๆ มืด ๆ มีกลิ่นบางอย่างเฉพาะตัว สิ่งสำคัญที่ผมทำคือการรักษาโครงสร้างหลักเอาไว้ แต่กรองสิ่งเหล่านั้นทิ้งไป นั่นแปลว่า วันนี้ผมมีลูกสาวอายุ 11 ขวบ ผมสามารถปล่อยลูกไว้ตรงนี้ได้อย่างสบายใจว่าเขาจะได้มาเสพอาร์ตในแง่ต่าง ๆ อย่างปลอดภัย
ผมอยากให้คนมองลิโด้ใหม่โดยยังเก็บภาพความทรงจำดี ๆ เอาไว้ มุมไม่ดีก็เคลียร์ไป อันไหนดีก็เก็บเอาไว้ หรือถ้าดีไม่พอ ก็ต้องเติมเข้าไปให้ดีขึ้นไปอีก (ยิ้ม)
The People: ย้อนกลับไปช่วงท้าย ๆ ของลิโดเดิม มันจะมีคำว่า “ลิโดกำลังจะตาย” คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินประโยคนี้
เทพอาจ: เอาตรง ๆ นะ พอได้ยินคำแบบนี้ผมเฉยมาก มันเป็นวัฏจักรธรรมดา ทุกอย่างมีขึ้น-มีลง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อสำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ให้โอกาสเรา แม่งโคตรท้าทายเลย เพราะไม่มีใครอยากทำพื้นที่ในลักษณะนี้ ทุกคนอยากซอยพื้นที่เดิมเป็นห้องเล็ก ๆ ทำเป็นแหล่งขายของบ้าง ตลาดนัดบ้าง แล้วก็มองเงินเป็นที่ตั้งเป็นหลัก มีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าทุบตึกเลย แต่คนรุ่นผมรักมัน อยากรักษามัน เราจึงดีใจมากที่จุฬาฯ เห็นด้วยว่าไม่ทุบนะ ถ้าอยากทุบเชิญท่านอื่นบริหารเลย ผมไม่เห็นด้วย
ผมอยากรักษาวัฒนธรรมนี้ให้คนรุ่นใหม่มาเห็น เดี๋ยวนี้คนอายุ 10 ปีกว่า ๆ ไม่รู้จักลิโดเดิมแล้วนะ อาจเคยได้ยินแต่ไม่มีใครมีประสบการณ์ร่วม เราเลยอยากชวนคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่เต็มที่ แล้วเราจะมีกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจมารองรับ
ผมดีใจมากที่ได้ทำงานกับจุฬาฯ เรามีทัศนคติที่ตรงกัน นั่นคือการทำอย่างไรให้พื้นที่ตรงนี้มีประโยชน์มากที่สุด
The People: พอได้ยินคำว่า “ลิโดกำลังจะตาย” ทำไมคุณถึงกล้าเข้ามาชุบชีวิตมันขึ้นมา
เทพอาจ: ผมชอบมากเลย เอาจริง ๆ เป็นคนซาดิสต์ เวลาเข้าไปทำธุรกิจไหนมันจะเป็นช่วงเวลาแบบนี้เสมอ เช่น ช่วงที่ทำธุรกิจนำเข้าเบียร์ก็ใกล้ ๆ วิกฤตปี 40 ทุกคนพูดว่าธุรกิจเบียร์ของผมจะไปสู้อะไรกับตัวใหญ่ ๆ ไม่มีใครเขาทำกัน ช่วงทำค่ายเพลง ทุกคนก็บอกค่ายเพลงกำลังจะตาย ตอนทำร้านอาหาร ก็จะมีเสียงว่ากำลังจะตายกันหมด มันเลยชอบความท้าทายตรงนี้
ข้อดีคือไม่มีผู้เล่นเท่าไหร่ หรือมีผู้เล่นน้อย เพราะทุกคนคิดว่ากำลังจะตายเหมือนกันหมด ข้อสองคือ ถ้าทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็แค่ตายเพิ่มอีกคน คนอื่นเขาก็ตายทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่เห็นเป็นไร
แต่ถ้าทำแล้วมันประสบความสำเร็จล่ะ? ทำไมจะไม่ทำ
The People: เห็นโอกาสอะไรจากพื้นที่ตรงนี้
เทพอาจ: พื้นที่ตรงนี้มีศักยภาพ แล้วจุฬาฯ ยอมให้เรา renovate กลายเป็นพื้นที่โอกาสแก่เด็กรุ่นใหม่ ต้องชื่นชมจุฬาฯ ที่ไม่ใช่ระบบราชการแบบเดิม เมื่อผมมีโอกาสมาทำลิโด้ ทำไมไม่ใช้ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เราจะมาแสดงความสามารถทางศิลปะด้านต่าง ๆ ล่ะ
มีโอกาสแค่ไหนที่คุณจะให้โอกาสคนอื่นได้ทุกวัน แต่พื้นที่ตรงนี้มันให้โอกาส 24 ชั่วโมง เปิดพื้นที่ให้คนทุกคนเข้ามาใช้ เราเข้าใจว่าคุณต้องการพื้นที่ มาดิ มาเจอกัน มันง่ายมากที่ทุกคนจะมีสิทธิ์ดูวงเก่ง ๆ ที่ลานของเรา ลองมาโชว์ที่นี่ก่อน เพื่อลองมาเจอคนจริง ๆ เล่นแล้วมีคนโห่ มีคนกรี๊ด หรือไม่มีคนดูเลยก็ตาม จะมีพื้นที่ไหนที่ให้คุณเล่นฟรีแบบนี้ ซึ่งโคตรแจ๋วเลยในความคิดผม คนอื่นจะหาว่าบ้าก็ได้นะ แต่ผมไม่สนใจ
The People: แล้วคำกล่าวที่ว่าคุณเป็นผู้ชุบชีวิตลิโด้กลับมา คุณมองความเห็นนั้นอย่างไร
เทพอาจ: หนึ่ง – ผมมองว่าใครก็ทำได้ และสอง – พวกคุณไม่ทำกันเอง
ผมว่าทุกคนช่วยกันชุบลิโด้กันหมดนั่นแหละ ผมทำคนเดียวได้ที่ไหน ผมแค่กดปุ่มเริ่มต้นให้ แล้วที่เหลือทุกคนทำ พวกคุณต่างหากที่ทำ เพราะผมรู้สึกว่าลิโด้มันควรจะเป็นลิโด้ ไม่ใช่ตัวผม จะมาบอกว่าผมชุบชีวิตมันไม่ใช่ เรามาช่วยกันชุบต่างหาก
[caption id="attachment_10761" align="alignnone" width="1200"]
ลิโด้[/caption]
The People: ทำไมยังใช้ชื่อเดิม
เทพอาจ: แล้วทำไมต้องไม่ใช้ล่ะ (หัวเราะ) คือเจ้าของเดิมท่านให้ความกรุณาใช้ชื่อเดิมด้วย ผมได้คุยกับท่านจึงบอกว่า ผมไม่เปลี่ยนชื่อนะ เปลี่ยนนิดหน่อยแค่เติมไม้โท เพราะคุณอ่าน “ลิโด้” แต่เขียน “ลิโด” มาตลอดเวลา รวมถึงเพิ่มคำว่า “คอนเน็คท์” เข้าไป เพื่อให้รู้สึกถึงความมีส่วนร่วมมากขึ้น
The People: คำว่า “คอนเน็คท์” ที่เพิ่มเข้ามา คุณอยากเชื่อมอะไร กับใคร
เทพอาจ: ลิโด้คือสถานที่ เป็นเสาต้นหนึ่งหรือกระเบื้องอันหนึ่ง แต่มันรองรับการเชื่อมต่อกัน ผมอยากให้คนหลาย ๆ ช่วงวัย หลาย ๆ เพศ หลาย ๆ ความคิด ใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นสะพานไขว้กันไปไขว้กันมา จากมิตินั้นมามิตินี้ ให้มันคอนเน็คท์มากที่สุด เป็นใยแมงมุมได้ยิ่งดี ให้ทุกคนมาเดินเจอกัน สามารถเลี้ยวซ้ายก็ได้ เลี้ยวขวาก็ได้ ให้คนเอ็นจอยกับพื้นที่ตรงนี้มากที่สุด
The People: สำหรับคนรุ่นเก่าที่ยังหลงใหลลิโดแบบเดิม คุณเตรียมพร้อมการรองรับพวกเขาอย่างไร
เทพอาจ: เดี๋ยวจัดให้ (ดีดนิ้ว) เตรียมแผนรองรับให้แล้วครับ เพิ่งคุยกันในกลุ่ม LINE เมื่อคืนเลย แถมอนาคตเราจะมี Disco ยันลีลาศ เด็ก ๆ อาจมาเต้นลีลาศกับผู้ใหญ่ก็ได้
The People: สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ คือ โรงภาพยนตร์หนึ่งยังเก็บบรรยากาศโรงหนังแบบเดิมเอาไว้ดีมาก
เทพอาจ: ผมหวงมาก เก้าอี้ตัวเดิมด้วย รู้เปล่า? เราพยายามมากที่จะรักษาบรรยากาศแบบเดิมเอาไว้ ซึ่งอุปกรณ์ที่เหมือนเดิมมีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เองนะ แต่รอบ ๆ เปลี่ยนหมดเลย เป็นการเปลี่ยนแล้วบรรยากาศยังเหมือนเดิม
จริง ๆ แล้วโรงมันเก่ามาก ตอนที่เข้ามารื้อเราเจอแต่ของพัง ๆ ยิ่งรื้อยิ่งทุบก็ยิ่งเห็น ส่วนใหญ่เป็นวัสดุเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะมีงบประมาณลงทุน 20 ล้านบาท ถึงวันนี้งบจริงเท่าไรไม่รู้ แต่ล่าสุดที่รับรายงานว่าประมาณ 80 ล้านบาท บวกลบไม่เกินนี้ ซึ่งก็ไม่เป็นไร
The People: คุณทำค่ายเพลง LOVEiS เลยอยากรู้ว่า ถ้าเป็น LIDO is … คุณจะเติมช่องว่างว่าอะไร
เทพอาจ: ลิโด้คือพื้นที่สำหรับคนไม่มีโอกาส แล้วถ้าคุณไม่มา คุณจะพลาดมาก
The People: LIDO is โอกาสสำหรับทุกคน?
เทพอาจ: แน่นอน อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ทุกคนต้องการโอกาส และทั้งชีวิตจะมีสักกี่วันที่มีคนให้โอกาสคุณ ทำไมคุณจะไม่เอาเหรอ ไม่มาลองเหรอ สมัยก่อนพี่นภ พรชํานิ พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก (ธนชัย อุชชิน) ยังไม่ดัง พวกเขาเคยเล่นดนตรีตรงนี้แล้วโดน รปภ. ไล่ เขายังจำฝังใจ วันก่อนพวกเขาก็เลยหยิบกีตาร์มานั่งเล่นเปิดหมวกตรงนี้ เหมือนเป็นความฝันสมัยเด็กของพวกเขา ตอนนี้เราก็เห็นเด็กสมัยใหม่มาเล่นบ้างแล้ว แจ๋วดี
[caption id="attachment_10757" align="alignnone" width="1200"]
เทพอาจ กวินอนันต์[/caption]
The People: ทำไมคนต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ ในเมื่อเขามีพื้นที่ออนไลน์ส่วนตัวกันหมดแล้ว
เทพอาจ: เวลาคุณดูเมนูอาหารออนไลน์ คุณจะรู้ว่ามันอร่อยไหม? นี่ก็เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นคนเล่นดนตรีเมื่อไรก็จะเข้าใจ เพราะถ้าไม่ได้ลองเอง ดูออนไลน์ยังไงก็ไม่อร่อย
พื้นที่ตรงนี้จะให้ทุกคนมองเรา มีเสียงตอบรับกลับมา มีบรรยากาศที่มหัศจรรย์สำหรับคนเล่นดนตรี เวลาร้องเพลงแล้วมีเสียงตอบรับ คนที่รับพลังเหล่านั้นก็คือคนแสดงนะ ยกตัวอย่าง โรงสามที่เราเปลี่ยนเป็นห้อง Black Box ห้องว่าง ๆ นี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ อนาคตจะมีละคร มีกิจกรรมเยอะไปหมดเลย น่าสนุก ซึ่งผมชอบมากกับการ unexpected (การคาดเดาอะไรไม่ได้) แล้วการทำงานของผมก็ unexpected ตลอดเวลา
The People: ดูเป็นผู้บริหารที่ชอบความเสี่ยง
เทพอาจ: ไม่ได้ชอบความเสี่ยงเว้ย (หัวเราะ)
The People: (หัวเราะ) ชอบท้าทาย ชอบลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลาไง
เทพอาจ: อย่ามีแค่ชีวิต จงมีชีวาด้วย ถ้าคุณมีชีวิตก็จะหายใจไปวัน ๆ ทำงานประจำวันแล้วก็ตายไป แต่ชีวาจะทำให้คุณทำงานอย่างไร ขายอย่างไร หมุนอย่างไร ซึ่งไม่มีใครเขาทำอันนี้แล้ว ชีวิตผมจึงสนุกกับการทำงาน เอ็นจอยกับปัญหา ถ้าคุณไม่เอ็นจอยปัญหา คุณก็ตาย
The People: ปัญหาอะไรที่หนักสุดสำหรับคุณ
เทพอาจ: คน เพราะคนเปลี่ยนแปลงตลอด วันนี้เราคุยกันดี แต่ถ้าผมต่อยคุณทีเดียว เราอาจจะเกลียดกันก็ได้
ตั้งแต่เด็ก ๆ คนชอบชวนผมเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์หรือไม่ออนไลน์ก็ตามแต่ ซึ่งชีวิตผมไม่ชอบเล่นเกมแบบนั้นเลย ล่าสุดเล่น Pac-Man แล้วไม่สนุกด้วย เล่นสองทีก็เลิก ผมรู้สึกว่าตัวละครที่เล่นด้วยต้องมีลมหายใจ
The People: หมายถึงเล่นกับคน?
เทพอาจ: ใช่ (พยักหน้า)
The People: ผู้บริหารที่ดีต้องเป็นอย่างไร
เทพอาจ: ขึ้นอยู่ว่าธุรกิจที่คุณทำคืออะไร ต้องมองภาพรวมก่อนนะ คือคุณต้องตั้งโจทย์ให้ชัด ทุกครั้งที่ทำอะไรผมจะถามว่า นี่คือการทำธุรกิจหรือทำเพื่ออะไร? เพราะบริหารงานไม่ยากเท่าบริหารคน ทุกวันนี้ผมให้คอนเซ็ปต์เดียวกับองค์กรที่ทำอยู่ คือ ให้ครอบครัว-50 การเป็น professional-50 เช่น อยู่โต๊ะประชุม ผมต้องสามารถทุบโต๊ะด่าหรือไล่คุณออกได้ แต่พอเดินออกจากห้องประชุมก็มาดื่มเหล้ากันต่อ เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมมีเพื่อนที่มาทำงานด้วยกันประมาณ 30 คน ทั้งหมดต้องยอมรับกฎข้อนี้ก่อนว่า เราเถียงกันได้ เราด่ากันได้ ทะเลาะกันได้ ถ้ารับกฎข้อนี้ไม่ได้ ไม่ต้องมาเจอกัน
[caption id="attachment_10756" align="alignnone" width="1200"]
เทพอาจ กวินอนันต์[/caption]
The People: คุณทำธุรกิจหลากหลายอย่างทั้งเครื่องดื่ม ร้านอาหาร HOBS ค่ายเพลง LOVEiS ล่าสุดก็พื้นที่ LIDO CONNECT เวลาเลือกทำธุรกิจอะไรสักอย่าง คุณเลือกจากอะไร
เทพอาจ: รู้ไหม ผมไม่เคยอยากทำร้านอาหารมาตลอดชีวิตนะ ปัจจุบันทำมา 10 ปีก็ไม่เคยมีวันไหนที่อยากทำ
The People: แต่หลายคนบอกว่า ต้องเลือกทำงานจากสิ่งที่ตัวเองชอบหรือทำได้ดีนะ
เทพอาจ: อย่าไปซีเรียสมาก เชื่อผม จริง ๆ ทุกวันนี้ผมยังไม่ชอบเหี้ยอะไรเลย ไม่ชอบร้านอาหารเลย..เลย (เน้นเสียง) เพราะรู้ว่าต้องใช้คนเยอะ ใช้เวลามหาศาล แถมมีเรื่องจุกจิกตลอดเวลา ทุกวันนี้ผมดูแลคนในทุกบริษัทกว่า 800 คน ธุรกิจร้านอาหารแม่งกินเวลาผมไปแล้ว 30% เยอะนะ ซึ่งตอนทำร้านอาหารก็แอบไปเรียนทำอาหารด้วย เพราะทอดไข่เจียวไม่เป็น หุงข้าวไม่เป็น เรียน แอบไปเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ (Le Cordon Bleu) 3 เดือน เพราะเราต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน เช่น ทำอาหารแบบนี้ต้องใช้เนยอย่างนี้ ถ้าเราไม่รู้ก็สื่อสารไม่ได้
The People: ถ้าความสนุกของคุณไม่ได้เกิดจากตัวงาน แล้วเกิดจากอะไร
เทพอาจ: นึกถึงเวลาคุณเดินใส่รองเท้าเดินกับถอดรองเท้าเดินนะ เวลาใส่รองเท้าเดินคุณอยู่ในโหมด secure (ปลอดภัย) อยู่ใน safe zone แต่พอคุณถอดรองเท้าเดินอาจจะเจอเสี้ยนตำบ้าง เดินเหยียบหินบ้าง มันเจ็บปวดแน่นอน แต่ถ้าเจ็บปวดแล้วยังโง่เดินเหยียบที่เดิมนั่นก็เรื่องของคุณ คุณอาจะเขี่ยทิ้ง เดินข้าม หรือบางวันจะตั้งใจเหยียบมันเลยก็ได้ เป็นการเสพติดความเจ็บปวด ซึ่งผมมันสนุกกับการถอดรองเท้าเดิน บางคนเขาอาจจะสนุกกับการใส่รองเท้าเดินก็ได้ แต่ไม่ใช่ผม (ยิ้ม)
ร่วมสัมภาษณ์: อนัญญา นิลสำริด (The People Junior)
ภาพโดย: สกีฟา วิถีกุล (The People Junior)