อดัม ไดรเวอร์ เชื่อมโลกทหารสู่การแสดง
“หลังจากเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน เพื่อน ๆ ของผมพากันบอกว่า เฮ้ย ! เราไปเป็นทหารกันดีกว่า แต่สุดท้ายมีผมคนเดียวที่สมัครจริง ๆ”
อาจจะเป็นเหมือนเรื่องตลกร้ายเล็ก ๆ ที่โดนเพื่อนหลอก แต่ด้วยเลือดรักชาติเต็มเปี่ยม อดัม ไดรเวอร์ (Adam Driver) ตัดสินใจเข้ารับราชการทหารเหล่านาวิกโยธินสหรัฐทันทีหลังเรียนจบมัธยม เขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้นานกว่า 2 ปี 8 เดือน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการฝึกที่ Camp Pendleton ในซานดิเอโก
อดัมขี่จักรยานเสือภูเขาพุ่งลงมาจากหน้าผาสูงชันอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูง ทำให้หน้าอกกระแทกเข้ากับแฮนด์ของจักรยานเข้าอย่างจังจนกระดูกสันอกเคลื่อนกระแทกเยื่อหุ้มหัวใจ อดัมพยายามกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกปลดประจำการในยศสิบตรีด้วยเหตุผลทางสุขภาพ
ช่วงนั้นเขารู้สึกแย่และผิดหวังกับตัวเองมาก ๆ ที่ต้องโดนปลดเพราะอุบัติเหตุที่ทำตัวเอง ไม่ได้บาดเจ็บเพราะออกรบอย่างสมเกียรติแบบคนอื่น ๆ แต่โชคดีที่เขาได้รับกำลังใจจากเพื่อนทหารว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เขาจะเรียนรู้ถึงการปล่อยวาง และเปิดประตูบานใหม่ให้กับชีวิต
“ตอนที่ผมสมัครทหาร ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมืองเลยสักนิด ผมถูกกระแสพาไปเหมือนกับคนวัยเดียวกันที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง ศัตรูในความคิดของผมนั้นไร้หน้าตา ผมแค่รู้ว่าใครโจมตีเราและอยากจะตอบโต้กลับ ผมมาจากโลกที่เชื่อมั่นในรัฐบาล และวางใจในสถาบัน ซึ่งผมเชื่ออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งชีวิตทำให้ผมได้เรียนรู้มุมอื่น ๆ”
ก้าวเข้าสู่การแสดง
แม้จะไปต่อสายทหารไม่ไหว แต่อดัมก็บอกว่าไม่รู้สึกเสียใจที่ครั้งหนึ่งเขาได้เป็นทหาร เพราะมันคือการฝึกเป็นนักแสดงที่ดีที่สุด ซึ่งต่อมาเขาได้ยึดถือเป็นอาชีพจนถึงปัจจุบัน
หลังออกจากกองทัพ อดัมสอบเข้า Juilliard School โรงเรียนการแสดงอันเก่าแก่แห่งนิวยอร์ก แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากทหารมาเป็นพลเรือนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงแรกเขายังไม่คุ้นชินกับสังคมคนละครเท่าไหร่นัก ร่างกายที่สูงใหญ่เกือบ 190 เซนติเมตรทำให้ผู้คนเกรงขาม ผนวกกับประวัติเคยเป็นทหารเก่ามาก่อนยิ่งทำให้เพื่อน ๆ ของเขากลัว อดัมบอกว่าเหล่าผู้ดูแลเสื้อผ้านักแสดงมักจะบ่นว่าเขาตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่มีมีเสื้อผ้าให้ใส่หรอกนะ หรือโดนหาว่าหน้าตาแปลกประหลาดไม่เหมือนคน แต่เขาก็ไม่สนใจกับคำล้อเลียนของคนอื่น เพราะอย่างไรมันก็คือใบหน้าของเขาที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
หลังเรียนจบ อดัมมุ่งมั่นเอาดีทางการแสดงอย่างเต็มที่ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักแสดงละครเวทีทั้งโปรดักชัน Broadway และ off-Broadway แต่การเป็นนักแสดงที่ยังไม่มีชื่อเสียงนัก รายได้ก็ไม่พอยาไส้ ทำให้เขาต้องทำงานเสริมอีกหลายอย่างเพื่อเลี้ยงตัวเองในเมืองใหญ่ จนกระทั่งเขามาได้งานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับดัง คลินท์ อีสต์วูด ในเรื่อง J. Edgar เมื่อปี 2011 และมาดังเปรี้ยงมีชื่อเสียงหลังจากแสดงซีรีส์เรื่อง Girls ที่เขาโชว์ความสามารถจนได้ชิงรางวัล Emmy Awards ถึง 3 ครั้ง
ทุกวันนี้แม้จะทำงานภาพยนตร์เป็นหลัก แต่อดัมยังหาเวลากลับไปแสดงละครเวทีอยู่เสมอ ล่าสุดปี 2019 เขาแสดงเรื่อง Burn This ซึ่งทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Awards เป็นครั้งแรก แต่หากถามเขาว่าอาชีพนักแสดงสำหรับเขาคืออะไร อดัมบอกว่า “บางครั้งมันเหมือนเป็นงานบริการ บางครั้งมันก็เหมือนธุรกิจ บางทีก็เหมือนเป็นแค่ผู้เล่าเรื่อง แต่บางครั้งมันให้ความรู้สึกว่าก็มีพลังมากกว่านั้น”
แต่สิ่งที่อดัมรู้สึกว่าการแสดงกับการเป็นทหารนั้นเหมือนกันก็คือ เป็นการทำงานของคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะทำภารกิจบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้ การแสดงต้องการผู้ชม และเราไม่อาจสร้างสรรค์สิ่งใดขึ้นมาโดยขาดผู้สนับสนุน
เมื่อ “คู่จิ้น” ทำร้าย “ คู่จริง”
ก่อนจะมีโลกโซเชียล แฟนคลับอาจจัดได้ว่าเป็นผู้คอยสนับสนุนและมอบความรักให้กับศิลปินดาราที่ตนเองชอบได้อย่างไม่ต้องการผลตอบแทน แต่ในยุคโซเชียล แฟนคลับอาจเป็นได้ทั้ง “ผู้ให้” และ “ผู้ทำร้าย” ศิลปินที่ตนเองชอบ โดยเอาความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ได้เช่นกัน
แฟนคลับ Star Wars ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนคลับที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก แต่ระยะหลังมานี้กระแสในโลกโซเชียลของแฟนคลับ Star Wars ขึ้นชื่อในด้าน cyber bully ต่อเหล่านักแสดงผู้มารับบทในแฟรนไชส์นี้เช่นกัน โดย เดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) และ เคลลี แมรี ทราน (Kelly Marie Tran) ผู้รับบท “โรส” สองนักแสดงหญิงของแฟรนไชส์ถูกโจมตีอย่างหนักจนเลิกเล่นโซเชียลไปเลย เนื่องจากถูกโจมตีด้วยข้อความหยาบคายเหยียดเพศ โดยเฉพาะเคลลี เธอถูกแอนตี้จากรูปร่างหน้าตาและเชื้อชาติอย่างหนัก
ด้านนักแสดงชายอย่าง อดัม ไดรเวอร์ ผู้ไม่มีแอคเคาท์โซเชียลก็โดนคุกคามในแบบที่ส่งผลต่อชีวิตคู่ของเขาเลยทีเดียว เนื่องจากแฟนคลับจับคู่จิ้นตัวละครของเขา “ไคโล เรน” กับ “เรย์” ตัวละครของเดซี จนมีชื่อคู่ #Reylo และจิ้นตัวของเขากับเดซี จนมีชื่อคู่ #Daiver
การมีคู่จิ้นไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคปัจจุบันที่แฟน ๆ จะจับคู่จิ้นตัวละครไปจนถึงจับคู่นักแสดง แต่ว่าแฟนคลับ Reylo และ Daiver ส่วนหนึ่ง “คลั่งไคล้จนเกินเหตุ” จนพยายามทำลายชีวิตคู่ของเขากับภรรยาคือ โจแอน ทัคเกอร์ (Joanne Tucker) ซึ่งทั้งสองพบรักกันตั้งแต่สมัยที่อดัมเรียนการแสดงที่ Juilliard ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2013 และปัจจุบันมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน แฟนคลับคลั่ง Reylo/Daiver อย่างมาก จนบางคนถึงขั้นใช้วิธีการแบบผิดกฎหมาย ทั้งตามสตอล์กอดัมและภรรยา โจมตี โจแอน ทัคเกอร์ ทุกช่องทางในโซเชียลมีเดีย ทั้งปล่อยข่าวลือผิด ๆ cyber bully เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอว่าไม่สวยไม่เหมาะสมกับอดัมทุกครั้งที่ทั้งสองออกงานด้วยกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มีบางคนพยายามเสาะหาจนเจอที่อยู่ของพวกเขาด้วยการซื้อจากเว็บมืด และพยายามปล่อยข่าวลือว่าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนแยกกันอยู่เพื่อพยายามตอบสนองมโนและความหมกมุ่นของตนเอง
ด้าน เดซี ริดลีย์ ก็ใช่จะหลุดพ้นจากวงจรนี้ หลังจากที่เธอเปิดตัวคบหากับ ทอม เบตแมน (Tom Bateman) ก็ถูกเหล่า Reylo/Daiver ด่าว่าเนรคุณ เสียแรงที่พวกเขาจิ้นเธอกับอดัม ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเธอตัดสินใจถูกที่เลิกเล่นโซเชียลมีเดีย และประกาศลาขาดไม่คิดจะหวนกลับมาอีกเลย
ศิลปะและการเยียวยา
(ภาพอดัมและภรรยา)
อดัม ไดรเวอร์ และภรรยา มีภาพเซลฟีที่น่าจะเป็นภาพเดียวของพวกเขาในแอคเคาท์โซเชียลมีเดีย คือภาพในปี 2014 ในแอคเคาท์ทวิตเตอร์ Arts in the Armed Forces ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่เขาและ โจแอน ทัคเกอร์ ร่วมกันก่อตั้งขึ้นในปี 2006 เป็นองค์กรที่จัดกิจกรรมทางศิลปะ ทั้งการทำละครเวทีและจัดฝึกอบรมให้กับผู้ทำอาชีพทางการทหาร ทั้งทหารที่ยังประจำการอยู่ ทหารผ่านศึก เจ้าหน้าที่ทางการทหาร และครอบครัวของเหล่าทหาร ได้สัมผัสประสบการณ์ที่พวกเขาไม่ค่อยจะได้รับโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งสองได้นำความรู้ความสามารถทางด้านการแสดงของพวกเขามาส่งต่อให้กับบุคคลอื่น โดยสนับสนุนทหารทั้งในสหรัฐอเมริกาและในต่างประเทศ ซึ่งทั้งคู่ได้เลือกสร้างละครเวทีที่สนับสนุนความหลากหลาย ทั้งเชื้อชาติ อายุ โดยเน้นไปที่การอ่านบทละคร Contemporary American Monologues ที่น่าสนใจเพื่อส่งเสริมการละครของอเมริกัน เพื่อให้เหล่าทหารได้เข้าร่วมกับศิลปินมืออาชีพได้ง่าย และกระตุ้นให้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกว่าวงการละครไม่ได้เข้าถึงยาก อดัมได้ดึงเพื่อนนักแสดงชั้นนำมากมายมาร่วมโครงการนี้กับเขา เช่น เบน สติลเลอร์ (Ben Stiller), ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น (Laurence Fishburne), ลอรา ลินนีย์ (Laura Linney) และคนอื่น ๆ อีกมากมาย มาร่วมทำละครเวทีกับเขา
อดัมผู้เคยรับราชการทหาร ใช้ประสบการณ์สองโลกของเขาระหว่างการเป็นทหารและการเป็นนักแสดงมาเป็นแรงบันดาลใจและส่งต่อให้กับผู้อื่น เขาตั้งใจทำให้ละครเวทีนั้นง่าย ไม่ต้องมีฉาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะแยะมากมาย เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามันจะช่วยเชื่อมโยงระหว่างสองโลก ทั้งโลกทหารและพลเรือนให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นเหล่าทหารผ่านศึกเองก็สามารถแชร์ประสบการณ์ที่บุคคลทั่วไปไม่เคยรับรู้ นั่นก็คือการเข้าร่วมสงคราม “การอ่านบทละครของเรานั้นดีไซน์ให้เน้นความมินิมอล เราโยนฉาก คอสตูม และแสงไฟออกไปเลย เราแค่มานั่งอ่านบทละครที่ยอดเยี่ยมร่วมกับนักแสดงชั้นนำและพูดคุยกันหลังจากนั้น ผมรู้ว่ามันเป็นภาษิตทั่วไปในวงการแสดงว่า เราไม่ได้ช่วยชีวิตคนซักหน่อย แต่ผมคิดว่าศิลปะช่วยชีวิตคนครับ เพราะมันช่วยนำผู้คนออกมาจากความมืดมิด”
เรื่องโดย: ผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้
อ้างอิง
https://www.newsweek.com/adam-driver-former-marine-reveals-plays-help-veterans-service-members-families-1472669
https://disneystarwarsisdumb.wordpress.com/2019/03/25/evolved-fans-who-doxxed-adam-driver-and-harassed-daisy-ridley-are-growing-the-community/
https://www.theguardian.com/film/2015/mar/29/adam-driver-lots-things-said-about-face-interview
https://www.rollingstone.com/movies/movie-features/adam-driver-star-wars-dec-2019-cover-912404/