read
sports
04 ส.ค. 2563 | 17:11 น.
โลรองต์ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ นักอเมริกันฟุตบอลจบหมอ ที่ยกเลิกสัญญาตัวเอง มาทำงานด่านหน้าสู้โควิด-19
Play
Loading...
มีหลายคนบนโลกที่เรียนจบมาและไม่ได้ใช้วิชาชีพเหล่านั้นอย่างเต็มตัว หลายคนเลือกที่จะคว้าโอกาสใด ๆ ที่เข้ามา เพื่อให้ชีวิตสามารถดำเนินต่อไปได้
โลรองต์ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ
(Laurent Duvernay-Tardif) การ์ดขวาของทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ทีมดังในลีก NFL เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบว์ลปีล่าสุดคือหนึ่งในนั้น เขาได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแม็คกิลล์ ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา (บ้านเกิดของเขา) แต่สุดท้ายผันตัวมาเป็นนักอเมริกันฟุตบอลแทน เพื่อแลกกับค่าเหนื่อยหลัก “ล้านเหรียญสหรัฐ” ต่อปี
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เมื่อเทียบกับแฟน ๆ ฟุตบอลหลายคนที่ต้องพบความสูญเสียในชีวิต ทั้งเรื่องตกงาน หรือเสียชีวิต สำหรับ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ เขาสามารถเลือกที่จะนอนตีพุงกอดเงินหลายล้านเหรียญอยู่ที่บ้านได้ แต่ด้วยจิตวิญญาณของการเป็นหมอ เขาตัดสินใจทิ้งเงินมากมาย และประกาศใช้สิทธิยกเลิกสัญญาตัวเอง (ชั่วคราว) เพื่อไปทำงานเป็นแพทย์ด่านหน้าสู้โควิด-19
“ช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกว่าผมมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ผมไม่ได้ตกงาน ไม่มีลูก 3 คนอยู่ที่บ้าน หรือต้องประชุมผ่าน Zoom หรือแม้กระทั่งการสอนโฮมสคูล ผมเห็นเพื่อนหลายคนมากที่ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบาก หลายคนเป็นหมอที่ผมรู้จักตอนเรียนโรงเรียนแพทย์ ยังมีอีกหลายคนต้องทำงานในห้องฉุกเฉิน บางคนต้องคอยดูแลและตรวจผู้ป่วยโควิด-19 แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง คนพวกนั้นอยู่ด่านหน้า ทำงานอย่างทุ่มเท และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเรา ผมไม่อยากจะบ่นอะไรในชีวิตมากนัก เพราะที่สุดแล้ว ผมยังมีอะพาร์ตเมนต์ดี ๆ อยู่ ได้ทำงานอยู่ที่บ้าน ยกเวทก็ยังยกอยู่ที่บ้าน
“ตอนที่สถานการณ์เลวร้ายขึ้น ผมเริ่มถามตัวเองว่าผมจะช่วยอะไรได้บ้างไหม ผมติดต่อกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายผมก็ไปอยู่ตรงจุดที่พวกเขาไม่รู้จะเอายังไงดีกับผม เพราะผมไม่มีใบอนุญาตที่จะปฏิบัติงานได้
“ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ก็บรีฟกับผมเกือบทุกวัน และผมก็ได้ใช้แพลตฟอร์มในแบบของผมเพื่อส่งต่อข้อความของพวกเขา ในมอนทรีออลกลุ่มอายุที่ติดเชื้อมากที่สุดคือคนอายุระหว่าง 20-29 ปี ดังนั้นจึงค่อนข้างมีปัญหาในการบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่าง ผมเลยพยายามสนับสนุนความต้องการสำหรับพวกเขา”
หลังรอบชิงซูเปอร์โบว์ล ระหว่างที่ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ เดินทางไปพักร้อนกับแฟนสาว มีการแพร่ระบาดอย่างหนักเกิดขึ้นในสหรัฐฯ กับแคนาดา เขาเล่าว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เขาต้องตัดสินใจกลับมอนทรีออลก่อนกำหนดการเดิม เพราะไม่ต้องการจะติดแหง็กอยู่ที่นั่น ซึ่งในคืนวันกลับเป็นเวลาเดียวกับที่ทางการแคนาดาประกาศให้คนที่กำลังเดินทางกลับประเทศต้องกักตัวเองอยู่บ้าน
“บนไฟลท์นั้น ผมยังจำได้เลยว่าเด็กที่นั่งอยู่แถวหน้าผม เขาปีนไปมาพร้อมทั้งพ่นน้ำลายไปทั่วทุกที่ ครอบครัวต่าง ๆ ที่มีไอแพดอยู่บนมือ และคนทั่ว ๆ ไป ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาจะกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ตอนนั้นผมแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก ผมคิดในใจว่า ‘นี่ผมเป็นคนเดียวที่รู้ข่าวเหรอ พวกเขาไม่รู้กันเหรอว่าเมื่อกลับไปต้องกักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน’ พอผมอธิบายไป พวกเขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ไม่มีทาง นี่คุณล้อเล่นหรือเปล่า’
“ผมไม่โทษพวกเขานะ ถ้าพวกเขาไปเที่ยวแล้วไม่ได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ ผมจำได้แม่นตอนที่ตัวเองกำลังหยิบกระเป๋าออกจากสายพาน ผมมองพวกเขาและคิดในใจว่า คนเหล่านี้ไม่มีทางจะกลับไปกักตัวเองอยู่บ้าน 14 วันแน่นอน และไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่กลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น คุณรู้ใช่ไหมว่ามีคนสี่พันล้านคนในโลกที่ทำแบบนั้น และนั่นเกิดขึ้นเพียงเดือนเดียวเท่านั้น มันช่างบ้าเหลือเกินที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้”
ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ ชายผู้คอยปกป้อง
แพทริค มาโฮมส์
(ในสนาม) ยังเสริมต่อว่า เพราะความไม่เข้าใจของผู้คนต่อโรคร้ายนี้ ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลวร้ายกว่าเดิมมาก และหากผู้คนยังไม่ทำตามข้อบังคับของกรมควบคุมโรค แน่นอนว่าไม่มีทางที่โควิด-19 จะหายไปจากโลก
“ผมให้สัมภาษณ์กับสื่อที่หลากหลายมาก มีอยู่วันหนึ่งผมสัมภาษณ์จากอะพาร์ตเมนต์ของผม ผมมองออกไปข้างนอก เห็นคนนั่งปิคนิคกันอยู่ไกล ๆ ความรู้สึกตอนนั้นคือมันน่าสับสนมาก คุณก็รู้ใช่ไหม โรคนี้มันไม่เหมือนโรคทั่วไป ที่แค่มียา ก็กิน รักษาให้หายกันได้ง่าย ๆ มันคือไวรัส สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำกันได้คือช่วยเหลือและคอยสนับสนุนส่งเสริมกัน นี่มันง่าย ๆ เลยนะ อยู่บ้านและลดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนให้มากที่สุด ทำตามไกด์ไลน์ เราต้องมีวัคซีนก่อน และมันคงใช้เวลาอีกเป็นปีหรือมากกว่านั้นกว่าจะมี
[caption id="attachment_25486" align="aligncenter" width="3000"]
หน้าที่หลักของดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ คือการปกป้องและให้เวลากับแพทริค มาโฮมส์[/caption]
“ถ้าเราไม่ทำตามไกด์ไลน์ คนจะตายกันเยอะกว่านี้อีก อัตราการเสียชีวิตอาจจะมากถึง 5 % แทนที่จะเป็น 1 % ถ้าคุณอยู่ที่อื่น มันจะง่ายมากเลยถ้าคุณนึกถึงหมออย่างพวกเพื่อนผมที่ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ทุกวัน พวกเขาทำแบบนั้นเพื่อปกป้องพวกเรานะ มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่คุณไม่เคารพพวกเขา มันเป็นแค่การเสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวคุณเองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมที่ยิ่งใหญ่กว่า”
การตัดสินใจใช้สิทธิยกเลิกสัญญาชั่วคราวของดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ ในครั้งนี้ แลกมากับการสูญเสียเงินจำนวนไม่น้อย แต่เขายังจะได้รับเงินชดเชยจำนวน 1.5 แสนเหรียญสหรัฐ จากการขอพักฤดูกาลกับ NFL และสมาคมนักกีฬาหรือ NFLPA ซึ่งดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ เสริมว่า การตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนมากเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาจะทำเพื่อผู้คน
“วันแรกที่ผมไปทำงานที่โรงพยาบาล คือวันที่ 24 เมษายน คืนก่อนหน้านั้นผมรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ความรู้สึกคล้าย ๆ ก่อนจะแข่ง ผมแพ็กของที่จำเป็นทุกอย่าง ชุดกาวน์ ปากกา หรือรองเท้าสำรองหลาย ๆ คู่ ผมแทบไม่สนใจเลยว่า
ชีฟส์
ดราฟต์ตัววิ่งคนใหม่เข้ามารอบแรก ซึ่งเป็นคนที่ผมต้องคอยป้องกันให้เขา
“ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลคนไข้ในศูนย์การแพทย์ใกล้ ๆ บ้านเกิดของผมบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากมอนทรีออลประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนขับรถไปที่นั่นผมนั่งย้อนคิดเกี่ยวกับประสบการณ์การโดนดราฟต์เมื่อปี 2014 ตอนนั้นผมพลาดงานปาร์ตี้ของตัวเอง เพราะกำลังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลในแผนกผู้ป่วยหนัก ซึ่งหนึ่งวันให้หลัง
ชีฟต์
ก็ดราฟต์ผมในรอบที่หก ผมเช็กเรื่องสัญญากับทาง
ชีฟส์
พวกเขาน่าทึ่งมาก พวกเขาชื่นชมกับความจริงที่ว่าผมอยากจะออกไปช่วยเหลือผู้คน และพวกเขาก็พูดว่า พวกเขาอยากสนับสนุนผม”
แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐฯ จะดูมีท่าทีไม่ลดความรุนแรง แต่ NFL ก็ยังมีกำหนดการให้เปิดฤดูกาลตามปกติในวันที่ 10 กันยายนนี้ ซึ่งดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ ปิดท้ายว่า แม้การลงแข่งขันในลีกอย่าง NFL จะเป็นสิ่งที่เขารักมาก ๆ แต่การลงเล่นเพื่อชัยชนะในลักษณะนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“การเล่นในซูเปอร์โบว์ล และการต้องสู้กับโรคไวรัสนี้ ค่อนข้างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ย้อนกลับไปเดือนกุมภาพันธ์ ผมรับรู้ว่ามีคนร้อยกว่าล้านคนกำลังดูเกมนี้ และตัวผมเองก็ต้องการชนะ ซึ่งแตกต่างกับตอนที่ผมลงมาช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ มันเป็นอะไรที่มากกว่าการทำเพื่อหน้าที่ในฐานะแพทย์หรือประชากรคนหนึ่ง มันไม่ใช่เวลาสำหรับการจะเป็นฮีโร่ คุณต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณต้องทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความจริงจัง คุณต้องล้างมือ ไม่จับสิ่งใด ผมรู้ว่านี่อาจจะดูเป็นอะไรโง่ ๆ สำหรับใครบางคน แต่มันเป็นเรื่องง่าย ๆ เมื่อคุณอยู่ในศูนย์แพทย์ที่มีเคสจำนวนมากเข้ามาตลอด คุณจะรู้แน่นอนว่าหากคุณไม่มีมาตรการที่เหมาะสมและเคร่งครัด คุณจะรู้ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแน่นอน
“สามวันก่อนซูเปอร์โบว์ลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีนักข่าวคนหนึ่งถามผมเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส...บ้ามากใช่ไหมล่ะ? ตอนนั้นผมอ่านข้อมูลไม่มากนัก และรู้แค่ว่าเพิ่งจะมีเคสเกิดขึ้นในจีนหลักพันเท่านั้น หลังจากที่ทีมเราได้แชมป์ผมก็กลับไปฉลองขบวนพาเหรดที่แคนซัส ซิตี้ มีคนเป็นล้านออกมาตามท้องถนน ทุกคนต่างเฉลิมฉลองร่วมกัน แต่ดูตอนนี้สิ ผ่านไปไม่กี่เดือนทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย” เขาเล่าย้อนถึงสถานการณ์ช่วงแรก
“ผมไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นความเสี่ยงต่อชุมชนได้ เพราะเพียงแค่ผมอยากเล่นกีฬาที่ผมรัก ถ้าผมจะยอมรับความเสี่ยง มันก็จะเกิดมาจากผมพยายามดูแลรักษาคนไข้”
โลรองต์ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ
ที่มา:
https://www.si.com/nfl/2020/04/27/chiefs-ol-laurent-duvernay-tardif-medical-doctor-works-on-covid-19-front-lines
https://www.espn.com/blog/kansas-city-chiefs/post/_/id/28466/chiefs-laurent-duvernay-tardif-always-knew-hed-choose-between-football-and-medicine
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
UNGCNT-UN in Thailand เตรียมจัดงาน GCNT Forum 2024 กระตุ้นเศรษฐกิจ
20 พ.ย. 2567
4
เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในแบบฉบับยุโรปคลาสสิก ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
20 พ.ย. 2567
15
“ดีพร้อม” ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ส่งเสริมสินค้าแฟชั่นไทย เสริมศักยภาพผู้ประกอบการสู่ระดับสากล
20 พ.ย. 2567
6
แท็กที่เกี่ยวข้อง
Sports
โควิด-19
NFL
อเมริกันฟุตบอล
โลรองต์ ดูเวอร์เนย์-ทาร์ดิฟ
แคนซัสซิตี้ ชีฟส์