14 ส.ค. 2563 | 17:23 น.
- The People สัมภาษณ์ ไมค์ ชิโนดะ นักร้องที่ถูกมองว่าเป็นสมองของวง Linkin Park ว่าด้วยเรื่องราวในเส้นทางดนตรี
- ไมค์ ชิโนดะ เล่าถึงอัลบั้ม Post Traumatic แรงบันดาลใจ ดนตรี และความทรงจำเกี่ยวกับเชสเตอร์ เบนนิงตัน อีกหนึ่งนักร้องของวง Linkin Park ผู้ล่วงลับ
‘ไมค์ ชิโนดะ’ (Mike Shinoda) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น ถือเป็นคนสำคัญในวงการดนตรี เขากับเพื่อนซี้อีก 5 คน ร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีร็อกนามว่า Linkin Park ที่มาพร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดแรก Hybrid Theory และเพลงเปิดตัว ‘In The End’
“นักร้องนำสองคน ที่มีทั้งการแรป, สครีม และเสียงสังเคราะห์” การผสมผสานที่ลงตัวเหล่านี้ กลายเป็นแรงดันที่ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังขึ้นมาเป็นวงร็อกแถวหน้าภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ย้อนไปเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 00’s ดนตรีแนวนูเมทัลยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และครั้งหนึ่งทางค่ายต้องการให้ชิโนดะออกจากวงด้วยสาเหตุด้านภาพลักษณ์มาแล้ว เพราะค่ายมองว่าการมีนักร้องนำในวงถึงสองคนอาจส่งผลเสียต่อการตลาด
เดชะบุญที่เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้น และนั่นถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในรอบทศวรรษของทางค่ายเลยก็ว่าได้ เพราะชิโนดะ ถือเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Linkin Park อย่างแท้จริง
ลองนึกภาพถ้าคุณคือนักกีฬาคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ แต่ไร้ซึ่งสมองและจินตนาการในการสั่งการ คุณก็แทบไม่ต่างจากคนธรรมดาคนหนึ่งที่สนใจในการออกกำลังกาย อีกทั้งการจะก้าวขึ้นไปเป็นที่จดจำของคนทั้งโลกคงเป็นเรื่องที่ยาก นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนถึงต่างยกย่องว่า ไมค์ ชิโนดะ คือ ‘สมอง’ ของ Linkin Park
แต่เมื่อมีพบก็ย่อมมีจาก! เดือนกรกฎาคม ปี 2017 เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) นักร้องนำของวงได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยวัยเพียง 41 ปี เรื่องดังกล่าวสร้างความช็อกและเสียใจต่อแฟนเพลงไปทั่วโลก โดยเฉพาะชิโนดะที่ต้องพบกับช่วงเวลาแสนยากลำบากในชีวิต แม้การสูญเสียเพื่อนร่วมวงคนสนิทจะมีผลต่อสภาพจิตใจของชิโนดะเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้หันหลังให้กับดนตรีที่รัก แต่เลือกที่จะนำมันมาเป็นสื่อในการช่วยบำบัดสภาพจิตใจแทน
อัลบั้ม Post Traumatic จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งสตูดิโออัลบั้มชุดนี้ ชิโนดะ เคยพูดว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา
“ชีวิตของผมในช่วงที่ผ่านมาเหมือนกับนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ งานศิลป์คือสิ่งที่ผมชอบทำ เมื่อยามที่ผมต้องการระบายความสับสนและยุ่งยากในหัวผม ผมไม่รู้ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่ผมยินดีที่จะแชร์สิ่งเหล่านี้กับพวกคุณ”
ครั้งหนึ่ง The People มีโอกาสนั่งคุยกับ ไมค์ ชิโนดะ แบบเอ็กซ์คลูสีฟ กับเรื่องราวของชิโนดะในวันที่ไร้เชสเตอร์แล้ว เขาจะเดินหน้าบนถนนสายดนตรีต่อไปอย่างไร
The People: คุณเคยบอกว่าอัลบั้ม Post Traumatic หมายถึงตัวคุณ แรงบันดาลใจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ชิโนดะ: ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่บ้ามาก ๆ ผมมีความรู้สึกและความต้องการที่จะถ่ายทอดทุกอย่างออกมาในดนตรีของผม เพื่อให้แฟน ๆ ที่คอยติดตามผลงานได้รับฟังและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นการถ่ายทอดอารมณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างผิวเผิน แต่ผมอยากให้แฟนๆ ได้เดินคู่ไปกับผมตามที่ผมได้บรรยายผ่านลงไปในดนตรี หรือเข้าใจว่าตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงไหนบนเส้นทางสายดนตรี
The People: อะไรคือหัวใจสำคัญในการทำงานของคุณ เมโลดี้ จังหวะ หรือเนื้อเพลง และคุณรู้สึกว่าเพลงที่คุณทำออกมาต้องติดหูหรือต้องทำเพื่อการตลาดหรือไม่
ชิโนดะ: ผมคิดว่าทั้งเรื่องเมโลดี้ จังหวะ หรือเนื้อเพลง ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนเริ่มต้นสร้างมันจากฐานตรงนั้น สำหรับผมในฐานะคนฟังหรือผู้เขียนเอง ถ้าละเลยสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็เปรียบเหมือนความพินาศอย่างแท้จริง
The People: คุณเป็นคนที่ชอบดนตรีหลากหลาย อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นคุณขึ้นมา
ชิโนดะ: ผมไม่ได้โฟกัสเกี่ยวกับแนวเพลงที่จะเกิดขึ้น ผมแค่สนใจและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในชีวิตของผมตอนนี้มากกว่า ผมพยายามจะหาดนตรีที่ทำให้รู้สึกร่วมไปกับตัวเนื้อเพลงที่ผมเขียนได้ ส่วนภาคดนตรีมันออกมาโดยธรรมชาติของผมอยู่แล้ว
The People: จะเห็นได้ว่าทั้ง Post Traumatic, Fort Minor หรือแม้กระทั่ง Linkin Park คุณคือหัวเรือใหญ่ในการสร้างสรรค์ แต่ทุกผลงานที่ออกมาแตกต่าง และมีเอกลักษณ์ของตัวเอง คุณมีวิธีจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างไร
ชิโนดะ: ผมไม่เคยเริ่มต้นฟังเพลงโดยอาศัยการเลือกฟังจากแนวดนตรี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการฟังและรู้สึกถึงอารมณ์ของเพลง และเช่นเดียวกันกับอัลบั้มนี้ ผมก็อาศัยความรู้สึกเป็นหลัก
The People: มีเพลงไหนของ Linkin Park ที่คุณรักที่สุดไหม
ชิโนดะ: ผมไม่มีเพลงที่ชอบที่สุด เพราะเพลงที่ผมชอบมักจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เลย
The People: ตอนเจอเชสเตอร์ ครั้งแรกเป็นอย่างไร ลองเล่าบรรยากาศตอนนั้นหน่อยได้ไหม
ชิโนดะ: เราทั้งคู่รู้จักกันผ่านเพื่อนของเราคนหนึ่ง และตอนนั้นวงของผมก็กำลังมองหานักร้องอยู่พอดี ประจวบเหมาะกับที่เชสเตอร์ก็เคยมีวง และตอนนั้นก็ว่างอยู่พอดี ต่อมาเชสเตอร์ก็มาลองแจมกับพวกเรา ซึ่งเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาโดดเด่นขนาดไหน ตอนนั้นเขาคือผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ใส่แว่นตาเนิร์ด ๆ และมีความกระตือรือร้นอยากจะทำวงดนตรีไปพร้อมกับพวกเรา ผมกับเขาค่อนข้างมีอะไรที่ต่างกันมาก แต่ผมคิดว่าความแตกต่างของพวกเราเหล่านั้น ทำให้เราอยู่กันได้มากกว่าความเหมือนเสียอีก
The People: สิ่งที่คุณรู้สึกประทับใจที่สุดในเพื่อนคนนี้คืออะไร
ชิโนดะ: เชสเตอร์เป็นคนที่สามารถสร้างสีสันให้กับทุกคนรอบตัวเสมอ เขาเป็นคนที่สามารถเปล่งประกายได้ในทุกที่ และมีบุคลิกที่ดึงดูดทุกคนให้เข้าไปอยู่ในโลกของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในหรือนอกเวทีก็ตาม เขาเป็นคนที่มีชีวิตชีวาที่สุดและก็เสียงดังที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย
The People: สตรีมมิงเข้ามามีบทบาทในโลกปัจจุบันอย่างมาก คุณมองเรื่องนี้อย่างไรในฐานะคนที่ผ่านมาตั้งแต่ยุค Physical CD มันดีหรือเเย่สำหรับคุณ
ชิโนดะ: ผมอยู่กับสตรีมมิงทุกวัน แต่ไม่เคยลืมความน่าหลงใหลของซีดี ผมรักเรื่องการออกแบบ packaging ที่ดีเสมอ ทั้งในรูปแบบหนังสือ ไวนิล หรือแม้กระทั่งตัวซีดีเอง ผมไม่เคยลืมความรู้สึกของการใส่แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องเล่น ผมไม่เคยลืม
The People: คุณจำอัลบั้มที่เปลี่ยนชีวิตของคุณได้ไหม ลองเล่าถึงมันหน่อย
ชิโนดะ: อัลบั้ม Fear of A Black Planet ของวง Public Enemy นี่คืออัลบั้มที่สำคัญที่สุดในช่วงวัยเด็กของผม ชัค ดี (Chuck D) และ เฟลเวอร์ ฟลาฟ (Flavor Flav) คือสุดยอดคู่หู เคมีของเขาทั้งคู่ลงตัวเหลือเกิน และยิ่งได้ the Bomb Squad มาทำโปรดักชั่นให้ก็ยิ่งสุดยอดมาก
The People: สิ่งที่ประทับใจที่สุดตลอดการเดินทางบนถนนสายดนตรี?
ชิโนดะ: มันก็ผ่านมานานหลายปีมาก ๆ กับการเดินทางนะ ผมยังคงสามารถทำเพลงและเล่นเพลงที่ชอบมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ผมขอบคุณแฟนเพลงของผมทุกวันเกี่ยวกับเรื่องนี้