ภาพยนตร์เรื่อง The Matrix (1999) สร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นตะลึงให้ฮอลลีวู้ดทันทีที่เข้าฉาย แฟน ๆ ทั่วโลกต่างหลงใหลความเท่ระเบิดของ นีโอ หรือ มิสเตอร์แอนเดอร์สัน ที่สวมบทบาทโดย คีอานู รีฟส์ ชายหนุ่มที่เหมือนจะมีชีวิตธรรมดาสามัญแบบคนทั่วไป ก่อนจะพบว่าเขาคือผู้กอบกู้โลกที่ล่มสลายตามคำทำนายของเทพพยากรณ์
เขาต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ชุดดำด้วยวิชากังฟู ซึ่งผ่านการออกแบบงดงามและแข็งแรงสมบุกสมบัน ฉากการเอี้ยวตัวหงายหลังหลบกระสุนแบบสโลว์โมชัน รวมถึงการยกมือหยุดห่ากระสุนที่พุ่งเข้ามา ถือเป็นภาพจำที่ตราตรึงใจใครหลาย ๆ คน จนทุกวันนี้ก็ยังมีคนเอามาเลียนแบบอยู่เรื่อย ๆ
[caption id="attachment_26145" align="aligncenter" width="1200"]
แลร์รี่ (ซ้าย) และแอนดี้[/caption]
อันที่จริง หนังแอ็คชั่นไซ-ไฟสุดทะเยอทะยานอย่าง The Matrix มีสถานะที่ซับซ้อนพอสมควร ในแง่หนึ่ง ณ เวลานั้นมันคือหนังที่กำกับโดย แลร์รี่ และ แอนดี้ วาชอว์สกี้ สองพี่น้องหนุ่มเนิร์ด ที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชายมาดแมนขั้นสุด แต่เพศสภาพของพวกเขาก็คือผู้ชายอยู่ดี การที่หนังออกมาสนุกสุดมันส์จึงไม่ได้เขย่าบรรทัดฐานทางสังคมมาก เมื่อเทียบกับหนังแอ็คชั่นที่กำกับโดยคนเพศอื่น (แต่ไหนแต่ไร หนังแอ็คชั่นดูสนุกลุ้นระทึกในฮอลลีวู้ดมักผูกขาดการสร้างให้จำกัดอยู่แค่ผู้กำกับเพศชายเท่านั้น นาน ๆ ทีจะมีผู้หญิงหรือ LGBT ได้รับโอกาสกำกับหนังแนวนี้ได้อย่างถึงพริกถึงขิง)
[caption id="attachment_26146" align="aligncenter" width="640"]
ลาน่า[/caption]
แต่ถึงหนังจะสอดแทรกความเป็นชายในแทบทุกอณู ยิ่งเวลาผ่านไป ความเป็นชายของ The Matrix กลับยิ่งถูกท้าทาย ปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนเพศสภาพของ 2 ผู้กำกับ เมื่อปี 2012 หลังลือกันมานาน แลร์รี่ วาชอว์สกี้ (Larry Wachowski) เปิดตัวต่อสาธารณชนว่าเป็นทรานส์เจนเดอร์ ผ่านการผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2008 และใช้ชื่อใหม่ว่า ลาน่า (Lana) มาได้พักใหญ่แล้ว อาจกล่าวได้ว่าเธอคือผู้กำกับหนังใหญ่ในฮอลลีวู้ดคนแรกที่ “ก้าวออกมาจากตู้เสื้อผ้า”
[caption id="attachment_26147" align="aligncenter" width="1200"]
ลิลลี่[/caption]
4 ปีให้หลัง แอนดี้ (Andy) ก็ตามรอยพี่สาว เปิดตัวว่าเป็นทรานส์เจนเดอร์และใช้ชื่อใหม่ว่า ลิลลี่ (Lilly) ปิดตำนานการเป็น “Wachowskis Brothers” สู่ “Wachowskis Sisters” ไม่ต้องปกปิดความลับอีกต่อไปหลังทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 50 ปี แม้จะใช้เวลานานไปหน่อย แต่เมื่อคิดว่าจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทำตามความคาดหวังของสังคมที่มีกรอบทางเพศอีกต่อไป ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
เพศสภาพของสองพี่น้องวาชอว์สกี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมาสำรวจ The Matrix อย่างละเอียดผ่านแว่น LGBT เพื่อค้นหาว่าทั้งคู่ซุกซ่อนอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้ในหนังบ้าง นอกเหนือไปจากการตีความหนังในเชิงปรัชญานามธรรม และหลายคนก็ค้นพบหลายอย่างที่น่าสนใจและลงล็อคพอดีเป๊ะ!
ตัวอย่างเช่น ก่อนจะตาสว่างตื่นรู้ นีโอ หรือ มิสเตอร์แอนเดอร์สัน ใช้ชีวิตฉากหน้าเป็นพนักงานออฟฟิศมีกิจวัตรน่าเบื่อ แต่นอกเวลางาน เขามีอีกด้านซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ นั่นคือการเป็นแฮ็คเกอร์ ดูเผิน ๆ เหมือนไม่ได้ต้องการสื่ออะไร แต่หากเจาะลึกลงไป นี่ถือเป็นการเปรียบเปรยโดยนัยให้เห็นการใช้ชีวิตของคนเป็นเกย์ว่าจำเป็นต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ และไม่สามารถบอกใครได้
หรือในฉากไฮไลท์ของเรื่อง เมื่อแอนเดอร์สันต้องเลือกว่าจะกินเม็ดยาสีฟ้าหรือสีแดง มอร์เฟียส (รับบทโดย ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น) ให้ข้อมูลว่าหากเลือกยาเม็ดสีฟ้า เขาจะกลับไปใช้ชีวิตทั่วไปตามปกติ (และถ้าเขาเลือกแบบนั้น หนังจะจบลงภายในแค่ครึ่งชั่วโมง) แต่หากกินสีแดง จะตาสว่างและตื่นจากความลวงทั้งหมดเสียที อย่างที่รู้กันว่านีโอเลือกยาเม็ดสีแดง แต่ยังไม่จบแค่นั้น เพราะมีคนโยงว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ยาเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงก็เป็นสีแดง
นี่เป็นตัวอย่างจำนวนหนึ่งเท่านั้นจากทั้งหมดที่มีคนเคยตั้งข้อสังเกตไว้ แม้จะเป็นเพียงทฤษฎีเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าทั้งคู่ตั้งใจใส่สัญญะเกี่ยวกับ LGBT เนื่องจากทั้งคู่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ออกสื่อถึงประเด็นดังกล่าว จึงไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่า พวกเธอต้องการสอดแทรกแง่มุมนี้ไว้ในหนังจริง ๆ
จนกระทั่งต้นเดือนสิงหาคม ปี 2020 ลิลลี่ วาชอว์สกี้ ได้ประกาศเป็นครั้งแรกว่า ทฤษฎีดังกล่าวของแฟน ๆ มีมูล The Matrix เป็นหนังที่ว่าด้วยทรานส์เจนเดอร์อย่างที่หลายคนคิด แม้จะไม่ได้บอกว่าข้อสันนิษฐานทุกอย่างถูกต้องเสมอไป แต่คนดูสามารถมองหนังในมุมนี้ได้จริง ๆ
“ฉันดีใจที่ผู้คนพูดถึงหนังในแง่มุมนี้ ฉันภาคภูมิใจที่หนังมีความหมายต่อชาวทรานส์ ฉันดีใจเวลาพวกเขาบอกกับฉันว่าหนังเรื่องนี้ช่วยชีวิตเขาไว้อย่างไร เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงร่างในโลกของหนังวิทยาศาสตร์ มันเป็นเหมือนโลกในจินตนาการที่สามารถทำให้สิ่งที่ดูไม่น่าเป็นไปได้สามารถเป็นไปได้ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงสื่อสารถึงพวกเขาได้โดยตรงแบบนี้”
ลิลลี่ยังเผยถึงสิ่งที่เธอตั้งใจสอดแทรกเอาไว้ในหนังเมื่อ 21 ปีก่อนด้วย โดยกล่าวถึง สวิทช์ (รับบทโดย เบลินด้า แม็คคลอรี่) ตัวละครสมทบฝั่งเดียวกับนีโอว่า ตอนแรกเธอตั้งใจจะทำให้ตัวละครนี้มี 2 เพศสภาพ เมื่ออยู่ในโลกปกติจะเป็นผู้ชาย แต่เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับโลกของเมทริกซ์ เขาจะ “สวิทช์” กลายเป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ไอเดียนี้ไม่ได้รับการเห็นชอบจากสตูดิโอผู้สร้างอย่างวอร์เนอร์ เป็นผลให้ตัวละครนี้เข้าและออกโลกเมทริกซ์เป็นผู้หญิงอย่างเดียว “ตอนนั้นโลกยังไม่พร้อมสำหรับความคิดนี้” เธอบอก
หลังจากลิลลี่ประกาศข่าวนี้ออกไป แน่นอนว่ามันสร้างความเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ และเกิดปฏิกิริยาจากผู้คนทั่วโลกที่แตกต่างกันไป บางคนรับไม่ได้ แต่บางคนยิ่งให้ความสนใจหนังมากขึ้น แม้กระทั่งนักแสดงนำของเรื่องอย่าง คีอานู รีฟส์ ยังประหลาดใจกับการตีความดังกล่าวของลิลลี่ เพราะ 2 ผู้กำกับไม่เคยบอกเขาถึงแง่มุมนี้มาก่อน แต่ก็ยอมรับว่าหากหนังเป็นเช่นนั้นจริง ๆ จะเป็นเรื่องที่เท่มากทีเดียว
อีกด้านหนึ่ง หาก The Matrix จะสอดแทรกเรื่องของ LGBT เรื่องของทรานส์เจนเดอร์เอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพี่น้องวาชอว์สกี้ชอบสอดแทรกประเด็นดังกล่าวเอาไว้อยู่ในหนังหลาย ๆ เรื่อง เริ่มตั้งแต่ Bound (1996) หนังอาชญากรรมทุนต่ำ ที่จุดศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่เลสเบี้ยนนางหนึ่ง เนื้อหาของหนังยังตั้งใจวิพากษ์ถึงการต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของมนุษย์ทุกเพศอีกต่างหาก
ขณะเดียวกันในหนังไซ-ไฟเล่นท่ายาก Jupiter Ascending (2015) ตัวร้ายของเรื่อง ลาเล็ม อับราแซ็กซ์ ที่รับบทโดย เอดดี้ เรดเมน เขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาตีความและถ่ายทอดแง่มุม ท่วงท่า และอารมณ์ความรู้สึกออกมาโดยอิงต้นแบบจากผู้กำกับ ลิลลี่ วาชอว์สกี้ นอกจากนี้ ซีรีส์แนวปรัชญา Sense8 (2015-2018) ซึ่งถือกำเนิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ 2 พี่น้อง เล่าถึงกลุ่มคนที่มีพลังจิตเชื่อมโยงถึงกัน และสัมผัสได้ว่าภัยร้ายบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ซึ่งหนึ่งในผู้มีญาณทิพย์เป็นสาวข้ามเพศ และเป็นนักเรียกร้องสิทธิเพื่อชาว LGBT ด้วย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ซีรีส์ดราม่าตลกขบขันแสบร้าย Work in Progress (2019-ปัจจุบัน) ออกอากาศทางเคเบิลทีวีช่อง Showtime ผลงานการสร้างสรรค์ของลิลลี่ ก็เล่าถึงทรานส์เจนเดอร์สาวใหญ่ที่กำลังจิตตกกับความไม่ลงรอยในชีวิต ซึ่งไม่มากไม่น้อยอาจทำให้คนดูคิดว่า สถานการณ์ในเรื่องเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นกับลิลลี่ในชีวิตจริง
แฟรนไชส์ The Matrix ถือเป็นภาพยนตร์ไตรภาคที่ได้รับความนิยมอย่างสูง แต่หลังจากพี่น้องวาชอว์สกี้ส่ง The Matrix Reloaded (2003) และ The Matrix Revolution (2003) ออกฉายในปีเดียวกันแล้ว ก็ไม่มีการสานต่อตำนานอันยิ่งใหญ่นี้ต่อเลย แม้จะมีข่าวลือวนเวียนอยู่เป็นระยะ ๆ ว่าสตูดิโอต้องการรีบูทหนังชุดนี้และสร้างภาคต่ออีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเสียที
จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2019 โปรเจกต์ The Matrix ภาค 4 ก็เดินหน้าเต็มตัว และได้ฤกษ์เปิดกล้องถ่ายทำช่วงต้นปี 2020 โดยลาน่ากลับมารับหน้าที่กำกับ เขียนบท และอำนวยการสร้าง ส่วนลิลลี่ติดพันการเขียนบทและอำนวยการสร้าง Work in Progress จึงทำได้แค่ส่งกำลังใจมาให้เท่านั้น
ถึงจะกลับมาแค่คนเดียว แต่มั่นใจได้ว่า The Matrix ภาคใหม่ภายใต้การคุมบังเหียนของลาน่า จะไม่ทิ้งลายเดิมของ The Matrix แน่นอน หนังมีกำหนดฉายเดือนเมษายนปี 2022 และได้รีฟส์กลับมารับบทนีโอเช่นเดิม รวมถึง แครี่ แอนน์ มอส ที่จะกลับมารับบท ทรีนิตี้ โดยมี โจนาธาน กรอฟฟ์ จากซีรีส์ Mindhunter (2016-ปัจจุบัน) และ นีล แพทริค แฮริส จาก How I Met Your Mother (2005-2014) ร่วมสมทบ ซึ่งทั้งคู่ยังเป็นนักแสดงหนุ่มที่เป็นเกย์ในชีวิตจริงด้วย
ณ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า The Matrix ภาค 4 จะสานต่อจากภาคก่อนอย่างไร แต่ในเมื่อนี่คือ The Matrix เรื่องแรกที่ ลาน่า วาชอว์สกี้ จะกำกับในฐานะทรานส์เจนเดอร์ มั่นใจได้ว่าหนังคงไม่ซุกซ่อนความหมายแฝงเรื่องเพศไว้ลึกแบบเมื่อ 20 ปีก่อนอีกแล้ว เพราะคราวนี้โลกพร้อมแล้วที่จะก้าวไปในเส้นทางนี้
ที่มา:
https://www.youtube.com/watch?v=adXm2sDzGkQ
https://www.imdb.com/name/nm0905154/?ref_=tt_ov_dr
https://www.insider.com/keanu-reeves-didnt-know-matrix-was-transgender-allegory-thinks-cool-2020-8
https://www.bbc.com/news/newsbeat-53692435
https://www.vanityfair.com/hollywood/2020/08/the-matrix-trans-allegory-lilly-wachowski
เรื่อง: ปารณพัฒน์ แอนุ้ย