หลายปีมานี้ ปัญหาการเมืองระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน ทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจีนยังไม่ยอมรับฮ่องกงและไต้หวันว่าเป็นประเทศ อีกทั้งจีนยังเดินหน้านโยบาย “จีนเดียว” (One China-Policy) ซึ่งหมายถึงการรวมฮ่องกงและไต้หวันเข้าไว้ใต้ร่มเงาจีน ทำให้ชาวฮ่องกงและไต้หวันจำนวนไม่น้อยเกิดความไม่พอใจ จนปะทุเป็นการชุมนุมหลายครั้ง
นโยบาย One China ก่อให้เกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ใครไม่เห็นด้วยเป็นต้องถูกจัดการ ถูกทำร้าย ข่มขู่ ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนี้ จีนยังใช้การกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อควบคุมความเห็นของสังคมโลก คนดังหลายคนที่เห็นความอยุติธรรมดังกล่าวจึงไม่สามารถยอมรับและให้การสนับสนุนจีนได้อีกต่อไป และใช้ความมีชื่อเสียงเป็นกระบอกเสียงเพื่อตีแผ่เรื่องราวที่เกิดขึ้น
แต่ดารานักแสดงและเหล่าคนดังในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าต่อต้านจีน เนื่องจากรู้ซึ้งถึงแสนยานุภาพของจีนเป็นอย่างดี บางคนสนับสนุนจากใจจริง แต่บางคนก็จำใจสนับสนุนเพราะไม่อยากโดนแบนจนหมดอนาคต เพราะรู้ดีว่าหากแสดงออกว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามจีนเมื่อไหร่ ภัยจะมาเยือน
อย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับ โจวจื่อวี (Tzuyu) ไอดอลสาวชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียงจากการเป็นสมาชิกวง Twice วงไอดอลเกาหลีชั้นนำจากค่าย JYP Entertainment
Twice ประกอบไปด้วยสมาชิก 9 คน ได้แก่ อิมนายอน, ยูจองยอน, โมโมะ ฮิราอิ, ซานะ มินาโตะซากิ, พัคจีโย, มินะ เมียวอิ, คิมดาฮยอน, ซนแชยอง และจื่อวี แบ่งเป็นชาวเกาหลี 5 คน ชาวญี่ปุ่น 3 คน และชาวไต้หวันอีก 1 คน ซึ่งก็คือจื่อวีนั่นเอง จื่อวียังถือเป็นมักเน่ (Maknae) หรือสมาชิกน้องเล็กสุดของวง ตอนที่วงเดบิวต์และปล่อยซิงเกิ้ลแรก Like Ooh-Ahh ออกมาในเดือนตุลาคมปี 2015 เธอมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
ในช่วงเพิ่งก่อตั้งวง Twice อาจยังไม่ได้รับความนิยมมาก แต่ตัววงและสมาขิกแต่ละคนค่อย ๆ ได้รับความสนใจจากสาธารณชนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยผลงานเพลงที่ฟังสนุกติดหู และภาพลักษณ์ที่สดใส น่ารักน่าค้นหา สิ่งที่ทำให้หลายคนสะดุดตาจื่อวี ไม่เพียงแค่ความสามารถในการร้องการเต้น แต่เธอยังมีหน้าตาที่งดงาม (เธอได้รับการจัดอันดับอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยคมอันดับต้น ๆ ของโลก) และการเป็นชาวต่างชาติในวงเกาหลีทำให้หลายคนยิ่งเอ็นดูเธอ
หนึ่งในการออกสื่อที่ส่งให้เธอได้เปล่งประกายที่สุด คือการไปออกรายการวาไรตี้ My Little Television ทางสถานีโทรทัศน์ MBC ร่วมกับสมาชิก Twice อีก 3 คน ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นได้แก่ โมโมะ, ซานะ และมินะ ทางรายการให้ทั้ง 4 คนมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน โดยรายการออกอากาศหลังจากเดบิวต์ได้ไม่นาน ทุกอย่างของรายการผ่านไปด้วยดี และได้รับเสียงตอบรับน่าชื่นใจ
แต่ทุกคนไม่รู้ตัวเลยว่า รายการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่าน่าปวดหัวทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจื่อวีที่ต้องพัวพันกับปัญหาการเมืองระดับนานาชาติ เพราะในรายการมีช็อตที่สมาชิก Twice ทั้ง 4 คนถือธงประจำประเทศของตัวเองซึ่งรายการเตรียมไว้ให้
ปรากฏว่า ธงในมือจื่อวีเป็นธงของไต้หวัน ไม่ใช่ธงชาติจีน
หลังการออกอากาศ จื่อวีกลายเป็นเป้าโจมตีของเหล่าชาวจีนคลั่งชาติที่นำโดย หวงอัน นักร้องขาใหญ่ชาวไต้หวัน ผู้โด่งดังจากการร้องเพลงประกอบละครเรื่องเปาบุ้นจิ้น และเป็นหนึ่งในผู้ที่นิยมจีนแผ่นดินใหญ่ เขากล่าวว่า การกระทำของจื่อวีในรายการ My Little Television สื่อว่าต้องการให้ไต้หวันแบ่งแยกดินแดน เป็นการแสดงออกว่าเธอไม่ยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวกับจีน
หลังจากหวงอันออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ชาวจีนจำนวนมากก็รู้สึกโกรธเคืองและเข้ามารุมต่อว่าจื่อวี หนักถึงขั้นข่มขู่ประทุษร้าย ไม่เพียงแค่จื่อวีที่โดนหมายหัว แต่ผู้บริหาร JYP และวงไอดอลวงอื่นของค่ายก็โดนหางเลขไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือวง 2PM ซึ่งมี นิชคุณ หรเวชกุล เป็นหนึ่งในสมาชิกวง
ตอนแรกค่าย JYP ไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้ แต่ยิ่งนิ่งเฉย กระแสกดดันและด่าทอก็มากขึ้นเรื่อย ๆ แบรนด์สินค้าที่เคยเลือกจื่อวีเป็นพรีเซนเตอร์ นำโดยแบรนด์โทรศัพท์มือถือ Huawei ก็ประกาศระงับการทำงานร่วมกัน หากปล่อยไว้แบบนี้อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายมากกว่าที่ควร ค่าย JYP จึงห้ามเลือดด้วยการให้จื่อวีออกมาอัดวิดีโอ แล้วแถลงขอโทษเป็นภาษาจีน เธอแสดงความเสียใจในการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเธอ จนส่งผลเสียต่อบริษัทและความรู้สึกของสาธารณชน จื่อวีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงเศร้าหมอง ปราศจากความรื่นเริงว่า
“ประเทศจีนมีเพียงหนึ่งเดียว สองน่านน้ำของช่องแคบไต้หวันรวมเป็นหนึ่งเดียว ฉันจะตระหนักเสมอว่าตัวเองคือคนจีน และภาคภูมิใจในความเป็นคนจีน”
ผลจากแถลงการณ์ดังกล่าว แม้จะลดทอนกระแสเกลียดชังลงไปได้บ้าง แต่คนจีนจำนวนมากก็ยังไม่ให้อภัยเธอ และแม้ค่าย JYP จะยังไม่ได้นำวง Twice เข้าเจาะตลาดจีน แต่เหตุการณ์นี้ก็อาจเรียกได้ว่า เป็นการปิดประตูไม่ให้จื่อวีและ Twice ได้ตีตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีศักยภาพในการทำเงินให้บริษัทได้สูง
รายที่โดนกระแสตีกลับหนักหน่อย กลับเป็นฝั่ง JYP ที่ให้จื่อวีออกมาขอโทษผ่านวิดีโอ เมื่อแฟน ๆ สื่อมวลชน และคนทั่วไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่คือการขอโทษเพื่อพยายามเอาใจจีน โดยไม่ได้สนใจว่าลูกจ้างจะต้องเผชิญกับอะไร และสภาพจิตใจต้องบอบช้ำแค่ไหน หนำซ้ำยังเป็นการบังคับให้วัยรุ่นอายุ 16 ปี ที่ยังมีสถานะเป็นเยาวชน ให้ออกมาขอโทษในเรื่องที่อาจเรียกได้ว่าไม่ใช่ความผิดของเธอเสียด้วยซ้ำ ทำให้บริษัทต้องปฏิรูปแนวทางในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้เสียใหม่ทั้งยวง
ขณะเดียวกัน หวงอันผู้โหมเชื้อไฟในดราม่าครั้งนี้ หลังเห็นเรื่องราวเลยเถิดไปไกลก็ออกมาปฏิเสธว่า จริง ๆ แล้วสื่อเอาคำพูดของเขาไปขยายเกินเลย และเขาไม่ได้มีเจตนาจะเล่นงานจื่อวี หรือกล่าวหาว่าเธอสนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระจากจีน แต่ไม่ว่าหวงอันจะแก้ตัวอย่างไร ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจื่อวีก็ยากที่จะหาทางลบล้าง หรือสมานให้กลับไปดีดังเดิมได้อีกแล้ว
ในเรื่องราวที่ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องร้าย ๆ ยังพอจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นอยู่บ้าง ดราม่าครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามี “วันซ์” (Once) หรือแฟนคลับวง Twice และผู้คนทั่วไปจำนวนมากแค่ไหนที่อยู่เคียงข้างจื่อวี และยังพยายามให้กำลังใจเธอทุกครั้งที่มีโอกาส
นอกจากนี้ จื่อวียังกลายเป็นตัวแทนประชาธิปไตยประจำไต้หวัน เป็นแสงสว่างที่ทำให้ชาวไต้หวันยกย่องและเชิดชูในการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการจีน ชาวไต้หวันจำนวนมากมองว่า การกระทำของหวงอันและคนจีนแผ่นดินใหญ่ต้องได้รับการโต้ตอบอย่างสาสม ซึ่งพวกเขาเอาไปลงกับการเลือกตั้งทั่วไปของไต้หวันในปี 2016 ซึ่งจัดขึ้นไม่นานหลังจากเกิดเหตุพอดี
[caption id="attachment_22967" align="aligncenter" width="1200"]
ไช่ อิงเหวิน[/caption]
ครั้งนั้น ผู้ชนะการเลือกตั้งก็คือนักการเมืองหญิงหัวก้าวหน้า ไช่ อิงเหวิน จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party หรือ DPP) ผู้ชูนโยบายเด็ด ๆ เพื่อสู้กับจีนแผ่นดินใหญ่ หนึ่งในนั้นคือการผลักดันให้ไต้หวันไม่อยู่ใต้ร่มเงาของจีนอีกต่อไป เธอไม่เพียงชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวันด้วย
อันที่จริงๆ ก่อนจะเกิดเหตุกับจื่อวี ไช่ อิงเหวินถือเป็นตัวเต็งที่น่าจะมาวินแบบแบเบอร์อยู่แล้ว แต่ชัยชนะอย่างถล่มทลายหลังเกิดเหตุการณ์นี้ การเลือกหนามยอกอก ผู้สามารถงัดข้อกับจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างสูสีมาเป็นผู้นำ เป็นการแสดงพลังให้สังคมโลกเห็นว่า อย่าคิดว่าจะมาแหยมกับคนไต้หวันได้ง่าย ๆ แถมช่วงต้นปี 2020 ไช่ อิงเหวิน ก็ยังชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนนำโด่งอีกเช่นเคย
ปัจจุบันอาจเรียกได้ว่า จื่อวีเยียวยาตัวเองจนกลับมามีสภาพจิตใจที่สมบูรณ์ดังเดิม ได้กลับมาทำงานที่ตัวเองรักอย่างมีความสุข และอาชีพการงานก็อยู่ในช่วงขาขึ้นไม่มีตก Twice กลายเป็นวงไอดอลหญิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี สามารถทำยอดขายเพลงในระดับทำลายสถิติเป็นประจำ อย่างเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2020 มินิอัลบั้มอันดับที่ 9 อย่าง More & More ที่มาพร้อมเพลงนำชื่อเดียวกัน ก็ทำลายสถิติเป็นอัลบั้มวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปที่ทำยอดขายสูงสุดตลอดกาลในหลายหมวด ก่อนจะเสียสถิติให้ IZ*ONE ในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา
Twice ยังไปได้สวยในการตีตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่น ที่มีเงินสะพัดในแวดวงดนตรีสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนหนึ่งอาจเพราะอานิสงส์มาจากการมีสมาชิกจากแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ถึง 3 คน แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งหมดนี้ทำให้จื่อวีและวง Twice โลดแล่นได้อย่างมีความสุข และพิสูจน์ว่า “ขายได้” โดยไม่จำเป็นต้องตีตลาดจีน
ดราม่า One China ยังมีมาเรื่อย ๆ ยังมีคนดังหลายคนที่แสดงออกเข้าข้างจีน อย่าง เฉินหลง พระเอกสายบู๊ หรือ หลิวอี้เฟย นักแสดงผู้รับบท “มู่หลาน” ในภาพยนตร์ Mulan ที่ออกมาโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ในการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการชุมนุมของชาวฮ่องกงที่ออกมาประท้วงจีน) จนเกิดกระแส ##BoycottMulan นอกจากนี้ ชื่อของจื่อวียังถูกยกขึ้นมาเสียบประจานเสมอ หลายคนยังหลงเชื่อข่าวปลอมและหาทางโจมตีเธอ โดยไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น
ไม่มีใครรู้ว่าปัญหาที่เกิดจาก One China จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อในวังวนนี้อีกมากแค่ไหน ได้แต่หวังว่าในอนาคตอันใกล้จะไม่มีใครต้องเผชิญวันคืนอันเลวร้ายเหมือนกับที่จื่อวีโดนอีก
ที่มา
ขอขอบคุณ วันซ์ @myouishyo ในการตรวจทานข้อมูลประเด็นพิพาทของจื่อวีและแผ่นดินใหญ่
https://twitter.com/myouishyo/status/1301819336479260674?s=20
https://www.bbc.com/news/world-asia-35340530
https://www.bbc.com/news/world-asia-35320444
http://www.koreadailyus.com/kpop-spotlight-twice-tzuyus-political-social-controversy/
เรื่อง: ปารณพัฒน์ แอนุ้ย