14 ม.ค. 2564 | 15:58 น.
“ผมไม่อาจแตะหัวไหล่คุณเพื่อให้กำลังใจได้ แต่ผมกล่าวคำพูดที่ออกมาจากหัวใจได้”
นิก วูยิชิช (NICK VUJICIC) เป็นชายชาวออสเตรเลียที่เกิดมาไร้แขนขา แต่มีเพียงเท้าซ้ายเล็ก ๆ ที่มีนิ้วเท้าเพียง 2 นิ้ว เขาเกิดในวันที่ 4 ธันวาคม 1982 เรียนจบจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิท สาขาบัญชีและสาขาการวางแผนการเงิน ปัจจุบันชายผู้เกิดมาไร้แขนขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้ ประเทศสหรัฐอเมริกา กับคะนะเอะ-ภรรยาชาวญี่ปุ่นพร้อมด้วยลูก ๆ ทั้งสี่คนที่เกิดมาด้วยร่างกายครบสมบูรณ์ เขาเป็นประธานอำนวยการองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ‘Life Without Limbs’ และที่สำคัญเขายังเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้คนมีจิตใจที่เข้มแข็งในการใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข นิก วูยิชิช ยังเป็นนักเขียนอีกด้วย เขาได้ตีแผ่เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาจนไปสู่ความสำเร็จผ่านหนังสือ ‘Life Without Limits ชีวิตไร้ขีดจำกัด’ หนังสือเล่มนี้เป็นคำตอบว่าเขาใช้ชีวิตแบบไหนจนได้กลายเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลก ในยูทูบมีคลิปหนึ่งที่นิก วูยิชิช ได้เล่นดนตรี เล่นกระดานโต้คลื่น เล่นสเกตบอร์ด ล้มลง ลุกขึ้น พูดกับผู้คน และได้รับการกอดจากผู้คนมากมาย คลิปวิดีโอดังกล่าวมียอดเข้าชมหลายล้านวิว เพราะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนที่มีโอกาสได้เปิดชม “ทฤษฎีของผมคือคนถูกดึงดูดให้เข้าไปดู เพราะว่าผมใช้ชีวิตราวกับไร้ขีดจำกัด ทั้ง ๆ ที่ผมมีข้อจำกัดมากมายทางกายภาพ” เขาทำได้อย่างไร คงต้องย้อนกลับไปดูชีวิตของเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้น ชีวิตในวัยเด็ก นิก วูยิชิชพิการตั้งแต่กำเนิด เป็นโรคโฟโคมีเลียซึ่งเป็นสภาวะที่เด็กเกิดมาแขนขาผิดรูปหรือขาดหายไป แต่ในความโชคร้ายนี้ไม่ตกไปถึงน้อง ๆ เพราะว่าพวกเขาเกิดมาโดยมีร่างกายครบ 32 “เรามักรู้สึกว่าชีวิตไม่ยุติธรรมอยู่บ่อยครั้ง” เมื่ออายุถึงเกณฑ์ นิกได้เข้าเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ เหตุเพราะเขาไร้แขนขาจึงถูกคนอื่นตัดสินเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกนี้ ในวัยเด็ก นิกไม่เป็นที่ยอมรับของหลาย ๆ คนเพราะว่าเขาดูแตกต่างออกไป สิ่งนี้เองทำให้เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้จบปัญหาทั้งหมดที่เขาแบกรับมันแทบจะไม่ไหวแล้ว “หัวใจผมปวดร้าว หดหู่ ความคิดลบล้นสมอง แล้วก็ไม่เห็นจุดหมายในชีวิต ผมรู้สึกโดดเดี่ยวแม้ว่าจะมีครอบครัวและเพื่อนฝูงรายล้อม ผมวิตกว่าตัวเองจะเป็นภาระให้กับคนที่รักไปตลอด” ตอนวัยรุ่นเขารู้สึกท้อแท้กับสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ และเกิดความรู้สึกว่าคงจะเป็นเหมือนคนอื่นไม่ได้ กิจกรรมบางอย่างเขาไม่สามารถทำได้ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำหรือสเกตบอร์ด แต่ด้วยความพยายามของเขา ในที่สุดเขาก็สามารถทำกิจกรรมเหล่านี้จนได้ในที่สุด ในขณะที่โลกยังพอมีตัวเลือก แต่ทำไมนิกไม่ใช้แขนเทียม ? นิก วูยิชิชตอนเรียนอยู่ชั้นประถมฯ มีผลการเรียนที่ดีถึงขนาดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงบทความเกี่ยวกับเขา เรื่องราวของเขาถูกขยายต่อผ่านสื่อระดับชาติ ทำให้นิกเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐมาเยี่ยมนิก มีการ์ด จดหมาย ของขวัญ และคำเชิญส่งมาให้นิกจากผู้คนทั่วประเทศ หลังจากมีชื่อเสียงจากการลงในหนังสือพิมพ์ก็มีเงินบริจาคมาให้ครอบครัวนิกจำนวนมากพอสำหรับการซื้อแขนเทียมให้แก่นิก พ่อแม่ของนิกเคยหาแขนเทียมให้นิกใส่ตั้งแต่เด็ก แต่ว่าพอใช้จริงมันหนักสำหรับเขา ทำให้เขาไม่ค่อยถนัดที่จะใช้งาน นิกถนัดหยิบจับของด้วยเท้าเล็ก ๆ คางและฟันมากกว่า การทดลองใช้แขนขาเทียมครั้งแรกจึงล้มเหลว ต่อมาเขาได้มีโอกาสไปยังเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เพื่อทดลองใช้แขนอิเล็กทรอนิกส์ แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ลงความเห็นว่านิกสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งอวัยวะเทียม แม้ว่าในตอนนั้นนิกตื่นเต้นที่ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์จะสร้างแขนเทียมให้กับเขา แต่สิ่งเหล่านั้นกลับกระตุ้นให้นิกมีความมุ่งมั่นจะทำอะไรต่าง ๆ ด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาคอยช่วยเหลือ นิกอยากทำมันด้วยตัวเอง การเชื่อมั่นในพระเจ้าเป็นแรงใจทำให้ลุกขึ้นสู้ต่อ “คงไม่มีผู้หญิงคนไหนมารักเรา เราไม่มีแขนจะกอดแฟนด้วยซ้ำ ถ้าเรามีลูก เราก็อุ้มลูกไม่ได้เหมือนกัน แล้วเราจะทำงานอะไร ใครจะมาจ้างเรา งานส่วนใหญ่เขาคงต้องจ้างคนอีกคนมาช่วยเราทำสิ่งที่เราต้องทำ ใครจะยอมเสียเงินจ้างคนสองคนเพื่อทำงานของคนคนเดียว” นิกเติบโตมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ ทำให้เขาได้รับความเชื่อทางศาสนามาจากครอบครัว เขาเชื่อมั่นว่าพระเจ้าคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ “พระเจ้าทรงมอบความมุ่งมั่นอันมหาศาลและพรสวรรค์อื่น ๆ ให้ผม ในไม่ช้าผมก็พิสูจน์ให้คนเห็นว่าแม้ผมจะไม่มีแขนขา แต่ผมล่ำสันและคล่องแคล่ว ผมมีแต่ลำตัวก็จริง แต่ก็เหมือนเด็กผู้ชายอื่นที่ชอบอะไรเสี่ยง ๆ เผ่นโผนโจนทะยาน ผมหัดยันตัวยืนด้วยการเอาหน้าผากยันกับผนังและถีบตัวขึ้นจนยันตัวเองขึ้นมาได้ แม่กับพ่อพยายามช่วยหาวิธีที่สะดวกกว่านี้อยู่นาน แต่ผมยืนกรานที่จะหาวิธีของตัวเอง” มีอยู่ครั้งหนึ่งในปี 2008 นิกจะยกเลิกการไปพูดที่มุมไบ ประเทศอินเดีย เพราะได้ข่าวถึงความไม่ปลอดภัยในตอนนั้นและเงินในการเดินทางไม่พอ แต่เวลาผ่านไปสามวันเขาก็ได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่เขาเคยไปพูด จึงทำให้มีเงินเพียงพอ นิกจึงได้ปรับแผนเดินทางไปอินเดียเร็วกว่ากำหนดการเดิม 1 สัปดาห์ แน่นอนว่าเขากังวลถึงความปลอดภัย แต่เขาเลือกที่จะวางใจในพระเจ้าและกล้าเดินหน้าต่อไป นิกได้ไปพูดที่โรงแรมทัช สนามบิน และสถานีรถไฟสายใต้มุมไบ แต่หลังจากนั้นทั้ง 3 ที่ก็เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น เมื่อมีผู้ก่อการร้ายโจมตีสถานที่ทั้ง 3 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 180 คนและบาดเจ็บอีก 300 คน ซึ่งถ้าหากไปตามกำหนดการเดิม เขาจะไปสถานที่เหล่านั้นในวันเกิดเหตุพอดี “คุณอาจจะบอกว่าพวกเราโชคดี แต่ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่เราไม่อาจล่วงรู้” สู่การเป็นนักพูด นิกมักถูกเพื่อนร่วมชั้นเข้าใจผิดว่าเขามีความบกพร่องทั้งทางร่างกายและสมอง จึงถูกพวกเขาตีตัวออกห่าง และสิ่งที่เขาได้ทำคือการรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับพวกเขา ซึ่งพอทำแบบนี้บ่อยครั้งเข้า เพื่อน ๆ ต่างก็ยอมรับเขามากขึ้น เขาก็เหมือนกับทุกคน เมื่อได้รับการยอมรับ นิกได้มีโอกาสไปพูดกับกลุ่มนักเรียน กลุ่มเยาวชนที่โบสถ์และองค์กรเพื่อเด็กวัยรุ่นอื่น ๆ ฟัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา ความมุ่งมั่นหนึ่งในชีวิตของเขาผ่านการทำงานเป็นนักพูดก็คือ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น เช่น ถ้าคุณมีภาระก็ลองไปช่วยปลดภาระนั้นให้กับผู้อื่นและให้ความหวังแก่เขา ถ้าต้องการมีเพื่อนก็ให้ความเป็นเพื่อนกับผู้อื่น ถ้าต้องการความหวัง ก็เป็นความหวังให้แก่คนอื่น แม้ว่าเราจะเป็นทุกข์ เราก็คลายความทุกข์ให้คนอื่นได้ เรามอบความสุขให้แก่คนอื่นได้เสมอ นิกได้เปลี่ยนความบกพร่องของตนเองให้กลายเป็น ‘พรประทาน’ ด้วยความคิดที่ว่า ที่เขามีสภาพเป็นเช่นนี้ ทำให้มีโอกาสพิเศษในการเข้าถึงผู้อื่นและเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของผู้คนมากมาย ซึ่งเขาจะช่วยเยียวยาให้ผู้คนเหล่านี้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป วันหนึ่งนิกได้ถูกเชิญไปพูดที่โบสถ์ ที่ถนนนอตต์ในเมืองแอนะไฮม์ แคลิฟอร์เนีย ที่อยู่ถัดจากบ้านเขาไปเพียงนิดเดียว และที่แห่งนี้ทำให้เขาได้พบกับเด็กที่ชื่อแดเนียล มาร์ติเนส เขาเป็นเด็กที่เกิดมาไร้แขนขาเหมือนกับนิก ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า “ผมได้รับรู้ว่าผมมีความสุขและเติมเต็มชีวิตได้โดยไม่ต้องมีแขนขา และแดเนียลก็มาช่วยยืนยันความคิดนี้” เมื่อคนสองคนที่มีอะไรเหมือนกันได้มาพบกันทำให้นิกรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนี้อยู่คนเดียว และที่สำคัญการพบเจอกันในครั้งนี้ทำให้นิกเป็นเหมือนกับ 'ปาฏิหาริย์' ให้กับครอบครัวของแดเนียล ซึ่งทำให้พวกเขารับรู้ว่าลูกของพวกเขาสามารถเติบโตมาเป็นคนที่ดีได้ และมีกำลังใจในการใช้ชีวิตกันต่อไป “คุณจะพบกับความพึงพอใจเมื่อคุณได้ใช้ความสามารถและหลงใหลในสิ่งที่คุณทำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ขอให้มองความสุขฉาบฉวยที่ได้มาง่าย ๆ ให้ออก และหักห้ามความอยากไขว่คว้าหาวัตถุ” นิกเป็นคนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับวัตถุนิยม เขาไม่สนใจสิ่งของเลิศหรู เพราะเขามองว่าต่อให้มีสิ่งเหล่านี้มากเท่าไร มันก็ไม่เคยเพียงพอ มีแต่จะทำให้เราไขว่คว้ามันต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ “ถ้าคุณคิดจะหาความสุขจากแค่วัตถุละก็ ไม่มีวันพอหรอกครับ ขอให้มองไปรอบ ๆ มองเข้าไปในตัวคุณเอง” วันเวลาผันผ่านไป นิก วูยิชิชที่ได้ไปพูดสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก เขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างมากมายจากความกล้าที่จะพูดคุยกับผู้คน และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าตัวเองนั้นไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นและมีความสุข “แต่ในวันนี้ ชีวิตของผมไปไกลเกินคิดฝัน ผมได้รับโทรศัพท์ อีเมล ข้อความและทวิตเตอร์จากคนไม่รู้จักทุกวัน คนเหล่านี้เข้ามากอดผมเมื่อเจอที่สนามบิน ผมรู้สึกยินดีอย่างแท้จริง รู้สึกเป็นสุขจนน่าประหลาดใจ” เรื่อง: กันต์ธวัฒน์ ตรีสัตย์ ที่มา : นิก วูยิชิช. ชีวิตไร้ขีดจำกัด. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: อินสปายร์, 2561.