read
thought
17 พ.ย. 2564 | 11:03 น.
Spiral: From The Book Of Saw: เมื่อตำรวจไม่ปกป้องประชาชน ‘จิ๊กซอว์’ จึงตั้งตนเป็นศาลเตี้ย
Play
Loading...
/ *** บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง Spiral: From The Book Of Saw (2021) และภาพยนตร์ Saw ภาคอื่น ๆ รวมถึงมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและความตาย *** /
“จอห์น เครเมอร์ พูดถูกเรื่องความหมายของก้นหอย สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ และความก้าวหน้า แต่ทำไมต้องจำกัดเฉพาะระดับบุคคลในเมื่อเราเปลี่ยนทั้งระบบได้”
ระบบตำรวจและกระบวนการยุติธรรมกำลังเน่าเฟะอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกา แหล่งเกิดเหตุลอกเลียนแบบเกมสุดอำมหิตของฆาตกรต่อเนื่องในตำนานอย่าง ‘จอห์น เครเมอร์’ (John Kramer) หรือที่เรารู้จักกันในนาม ‘จิ๊กซอว์’
ฆาตกรผู้จับคนมาเล่นเกมและสังหารผู้ร่วมเกมอย่างโหดเหี้ยมด้วยอุปกรณ์วิปริตเหนือจินตนาการเริ่มสาดรอยเลือดครั้งแรกในปี 2004 ภายใต้ชื่อภาพยนตร์ ‘Saw’ กำกับโดยเจ้าพ่อหนังสยองขวัญยุคใหม่ ‘เจมส์ วาน’ (James Wan) โดยมีเพื่อนของเขาอย่าง ลีห์ วาห์นเนลล์’ (Leigh Whannell) เป็นผู้ร่วมเขียนเรื่องและเป็นคนเขียนบทให้กับภาพยนตร์
ย้อนรอยภาพยนตร์ตระกูล Saw
ก่อนจะไปพูดถึงภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับตระกูล Saw เรื่องล่าสุดอย่าง ‘Spiral: From The Book Of Saw’ (2021) ต้องขอเล่าก่อนว่า ภาพยนตร์ตระกูล Saw ที่เราเห็นมากว่า 9 ภาคจนถึงปัจจุบันมีจุดเริ่มต้นมาจากนักสร้างภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย 2 คนคือ เจมส์ วาน และลีห์ วาห์นเนลล์ ซึ่ง Saw เรื่องแรกเป็นเพียงหนังสั้นที่มีความยาวเพียง 9.46 นาทีเท่านั้น แต่หลังจากได้รับเสียงชื่นชมมากมาย ฆาตกรผู้มาพร้อมอุปกรณ์ประยุกต์อันเป็นเอกลักษณ์ก็ได้รับไฟเขียวไปต่อ และกลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาทั้งสองในเวลาต่อมา
สำหรับแฟนภาพยนตร์เรื่อง Saw ที่ติดตามความเหี้ยมของจิ๊กซอว์มาทุกภาค เราทราบกันดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างและไม่ยอมตายเสียทีคือชายชราหนังเหนียวที่ชื่อว่า จอห์น เครเมอร์ ซึ่งวาห์นเนลล์ได้แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครตัวนี้จากประสบการณ์ในโรงพยาบาลของเขา
วาห์นเนลล์ในวัย 24 ปี เริ่มมีอาการปวดไมเกรนอย่างรุนแรง ด้วยความที่เขากลัวว่าตนเองจะเป็นโรคร้ายแรง เช่น เนื้องอกในสมอง เขาจึงไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจและทำการทดสอบต่าง ๆ รวมถึง MRI
ตอนนั้นเองที่วาห์นเนลล์เกิดความคิดว่าใครที่จะมาเป็นฆาตกรจิ๊กซอว์ เขานึกถึงคนโรคจิตที่บอกว่า ตนเองกำลังจะตายจากอาการป่วยระยะสุดท้าย แต่แทนที่ชายคนนี้จะรอให้แพทย์เป็นคนบอกว่า ‘เขามีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 ปี จงทำในสิ่งที่ดีที่สุด’ จิ๊กซอว์จะเป็นผู้ที่จับคนอื่น ๆ มาอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแล้วบอกว่า “พวกแกจะมีชีวิตอยู่อีก 10 นาที จะใช้ 10 นาทีนี้อย่างไร? พวกแกจะหาทางหนีออกไปไหม?” ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เหล่าผู้ร่วมเกมเป็นคนเลือกเอง (แล้วส่วนมากก็ตายเอง)
หลังจาก Saw ภาคแรกเปิดตัวและทำรายได้ไปกว่า 103 ล้านเหรียญสหรัฐ กระแสความชื่นชอบเกมเพื่อเอาชีวิตรอดกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี บังเกิดเป็น Saw II (2005) Saw III (2006) Saw IV (2007) Saw V (2008) Saw VI (2009) Saw: The Final Chapter (2010) และ Jigsaw (2011) ที่เจมส์ วานไม่ได้กำกับ และลีห์ วาห์นเนลล์ช่วยเขียนเรื่องถึงแค่ภาค 3 เท่านั้น
ส่วน Spiral: From The Book Of Saw ที่ออกฉายในปี 2021 เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ๊กซอว์รุ่น 1 หรือผู้สืบทอดที่ถูกเลือกโดยจอห์น เครเมอร์โดยตรง หากแต่เป็นเรื่องราวของผู้ที่หยิบยืมความโหดเหี้ยม ไอเดียเกม และอุดมการณ์ของเครเมอร์มาใช้ในการปฏิวัติวงการตำรวจโดยตั้งตนเป็น ‘ศาลเตี้ย’ แทน
ฉีกอกคนร้ายในคราบตำรวจ
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่หันหลังให้กับประชาชนมีอยู่มากมายทั่วโลก บ้างก็หันกระบองกลับมาหวดใส่ประชาชน บ้างก็หันกระบอกปืนมายิงใส่ประชาชน และหนักที่สุดคือการที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำร้ายประชาชนจนถึงแก่ชีวิต ดังเช่นที่เห็นในคดีของ ‘
จอร์จ ฟลอยด์
’ (George Floyd) ชายชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ‘เดเร็ค เชาวิน’ (Derek Chauvin) กดเข่าลงไปที่ระหว่างศีรษะและลำคอนานหลายนาที แม้ฟลอยด์จะร้องบอกว่าเขา “หายใจไม่ออก” แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจ จนทำให้ฟลอยด์ต้องจบชีวิตลงในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะพากันโกรธแค้น และต้องการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมแห่งความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมนี้ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง Spiral: From The Book Of Saw ที่จิ๊กซอว์คนใหม่ตั้งใจเพ่งเล็งไปที่วงการตำรวจ ซึ่งสมควรแก่เวลาในการปฏิรูปแล้ว
ครั้งนี้นักสืบ ‘ซีค แบงก์ส’ (Zeke Banks) รับบทโดย ‘คริส ร็อก’ (Chris Rock) ได้เป็นเจ้าของคดีสืบหาฆาตกรที่สังหารตำรวจโดยเลียนแบบเกมอำมหิตของจิ๊กซอว์ โดยตำรวจคนแรกที่เป็นเป้าหมายคือ นักสืบบอสวิก (Boswick) เพื่อนสนิทของแบงก์สที่ถูกแขวนร่างอยู่เหนือรางรถไฟ เขาต้องเลือกระหว่างการดิ้นให้ลิ้นของตนเองขาดแล้วรอดชีวิต หรือยอมถูกรถไฟชนตาย
ตำรวจคนที่สองคือ นักสืบฟิทช์ (Fitch) เขาถูกนำร่างลงไปไว้ในอ่างน้ำที่หากระดับน้ำขึ้นถึงสายทองแดง ไฟฟ้าจะช็อตเขาจนเสียชีวิต แต่เขาก็มีทางเลือกคือการยอมให้นิ้วทั้ง 10 ที่ถูกตรึงเอาไว้กับเครื่องจักรถูกดึงจนขาด เพื่อตนเองจะได้เป็นอิสระ
ตำรวจคนที่สามคือ หัวหน้าแองจี้ (Captain Angie Garza) เธอถูกจับตรึงในท่านอนโดยมีขี้ผึ้งร้อนเตรียมหยดลงบนใบหน้า ทางเดียวที่จะรอดคือการยอมให้ไม้แหลมทิ่มลงตรงหลังคอของตัวเอง
ตำรวจคนที่สี่คือ อดีตนักสืบพีท (Peter Dunleavy) เขาถูกตรึงไว้ที่หน้าเครื่องบดแก้ว ซึ่งจะบดขวดแก้วเป็นชิ้นเล็ก ๆ และพ่นมันออกมาราวกับห่ากระสุนที่ทะลุทะลวงผ่านชั้นผิวหนังจนถึงกระดูก ทางเดียวที่เขาจะรอดได้คือการที่อดีตคู่หูอย่างแบงก์สต้องตามหากุญแจจนเจอและปลดพันธนาการของเขาออก
ส่วนตำรวจคนที่ห้าคือ นักสืบมาร์คัส แบงก์ส (Marcus Banks) พ่อของนักสืบแบงก์ส ตัวเอกของเรื่องที่ถูกรีดเลือดออกจากร่างกาย เขาสามารถรอดชีวิตได้หากลูกชายเลือกจะยิงปืนให้ตรงเป้า แทนที่จะยิงสังหารจิ๊กซอว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ความโหดเหี้ยมของภาพยนตร์ทำเอาผู้ชมแทบจะกลืนป็อปคอร์นไม่ลง แถมยังแอบสะท้านตามร่างกายเมื่อเลือดและเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วโรงภาพยนตร์ แต่เบื้องหลังการฆาตกรรมที่ชวนผวาขึ้นทุกทีนับจากภาคแรกก็คือความแค้นที่สั่งสมเพิ่มพูนขึ้นของ ‘พลเรือน’ ผู้ถูกตำรวจทำร้ายและเอาเปรียบ
จากภาพยนตร์เรื่อง Saw ภาคก่อน ๆ ที่ทำให้เราเห็นถึงความผิดพลาดของผู้คนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของครอบตัว ในภาคนี้ เราจะได้เห็นความเน่าเฟะในวงการตำรวจที่เพื่อผลประโยชน์แล้ว หน้าที่ก็ยังเป็นรอง และประชาชนก็เป็นเพียงบันไดให้พวกเขาเหยียบหลังขึ้นสู่อำนาจ
ซีค แบงก์ส คือตำรวจที่ทำหน้าที่ของเขาอย่างสุดความสามารถ แต่ความตั้งใจนั้นกลับถูกเพื่อนร่วมงานที่ฉ้อฉลขัดขวางจนถึงขั้นทำให้เขาบาดเจ็บจากการปะทะโดยตรงกับคนร้ายที่มีปืน หลังจากนั้นแบงก์สก็ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวในสถานีตำรวจท่ามกลางคนร้ายในคราบผู้พิทักษ์กฎหมายและประชาชน
ในบรรดาตำรวจที่เสียชีวิต บางคนคือตัวแทนของผู้ที่ใช้ตำแหน่งและความน่าเชื่อถือของตนเองว่าความเท็จส่งผู้บริสุทธิ์เข้าคุกอย่างอยุติธรรม บางคนคือตำรวจที่ไม่แยแสเพื่อนร่วมงาน เห็นความแค้นส่วนตัวอยู่เหนือเหตุผลและหน้าที่ ส่วนบางคนเป็นตำรวจที่ไม่เคยปกป้องผู้บริสุทธิ์ ขณะที่บางคนออกกฎหมายเพื่อเอื้อให้ตำรวจสังหารประชาชนได้โดยสามารถปกปิดความผิดเอาไว้
ในกรณีของนักสืบแบงก์สและจิ๊กซอว์คนใหม่ พวกเขามีเป้าหมายเดียวกันคือการปฏิรูปวงการตำรวจ เพียงแต่วิธีการเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้นต่างกัน จิ๊กซอว์ต้องการล้างบางคนชั่วให้หมดไปโดยตั้งตนเป็นศาลเตี้ย พิพากษาชีวิตคนอื่นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาไม่เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถดำรงความยุติธรรมได้จริง หากจะแก้ไขก็ต้องแก้ไขกันที่ตัวบทกฎหมาย รวมไปถึงการบังคับใช้ เพราะไม่ว่าอย่างไร การต่อสู้กับความรุนแรงด้วยความรุนแรงก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างเหมาะสม
หลังจากดู Spiral: From The Book Of Saw จบ ผู้ชมบางส่วนอาจเห็นด้วยกับการกระทำของจิ๊กซอว์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในโลกแห่งความจริง หลายสิ่งหลายอย่างล้วนเต็มไปด้วยความชั่วร้ายดังเช่นในภาพยนตร์ แต่ขณะเดียวกันผู้ชมบางกลุ่มก็ยังคงเชื่อมั่นในวิธีการตามกฎหมายที่ถึงแม้จะมีช่องโหว่มากมาย แต่ก็ยังสามารถแก้ไขได้ทีละนิด ซึ่งนั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก
ความยุติธรรมค่อย ๆ ส่งเสียงโห่ร้องขับไล่ความอยุติธรรมให้หมดไป ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่เป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงยังคงรออยู่ข้างหน้า และขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่คนในสังคมยังไม่หมดหวัง และยังไม่ยอมศิโรราบต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นโดยง่าย
เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี
ภาพ:
Spiral: From The Book Of Saw (2021)
Saw (2004)
อ้างอิง
ภาพยนตร์เรื่อง Spiral: From The Book Of Saw (2021)
https://thepeople.co/george-floyd/
https://screenrant.com/saw-movie-true-story-inspiration-explained/
https://screenrant.com/saw-original-short-film-watch-online/
https://www.denofgeek.com/movies/spiral-from-the-book-of-saw-ending-explained/
https://www.imdb.com/title/tt0387564/
https://www.imdb.com/title/tt10342730/
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3550
ถอดรหัส ‘Naatu Naatu’ เพลงประกอบหนังอินเดียฉากร้อง-เต้นใน RRR ได้ออสการ์-Golden Globes
13 มี.ค. 2566
6969
‘เอมิลิโอ เฟอร์นันเดส’ ชายผู้เป็นต้นแบบของตุ๊กตารางวัล ‘ออสการ์’
12 มี.ค. 2566
858
แท็กที่เกี่ยวข้อง
The People
Thought
Spiral: From the Book of Saw
Saw