จินตหรา พูนลาภ นักร้องตัวแม่ ผู้ไม่แพ้โควิด-19
"สาวเสียงพิณ" คือฉายาของ จินตหรา พูนลาภ ที่แม้จะอยู่ในวงการมานานหลายทศวรรษ แต่ก็มีผลงานออกมาให้ได้ยินได้ฟังอยู่ตลอด ล่าสุด เมื่อเชื้อไวรัสโควิด-19 รุกเข้ามาในบ้านเรา เธอก็ส่งเพลง 'โควิดมาน้ำตาไหล' ออกมาให้กำลังใจชาวไทยและแฟนคลับทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัย
หลายคนสงสัยว่า จินตหรา มีดีอะไร ทำไมจึงได้รับความนิยมจากแฟนเพลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักร้องรุ่นเดียวกัน เริ่มเป็นช่วง “ขาลง” บางคนถึงกับเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นตามสังขาร
ตลอด 32 ปีที่ผ่านมา นับจากงานเพลงชุดแรก อัลบั้ม “ถูกหลอกออกโรงเรียน” กับค่ายแกรมมี่ในแนวเพลงลูกทุ่ง เธอก็มีผลงานต่อเนื่องตลอดมากับค่ายมาสเตอร์เทปที่แยกตัวออกจากแกรมมี่ไปทำเอง จนกระทั่งค่ายปิดตัวก็เข้าไปอยู่ฝั่งอาร์สยามในเครืออาร์เอส จนล่าสุดออกมาทำเองเป็นศิลปินอิสระ
ประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายทั้งสองค่ายยักษ์ ทำให้เธอแข็งแกร่งและโด่งดังอย่างไม่ขาดช่วง ยิ่งสมัยที่อยู่ค่ายแกรมมี่ ได้ประกบกับซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ในเพลง 'แฟนจ๋า' และ 'มาทำไม' ยิ่งทำให้ชื่อเสียงเธอพุ่งแรง จนนักร้องลูกทุ่งหมอลำรุ่นเดียวกันต่างมองกันตาปริบ ๆ
ช่วงที่โด่งดังมีเพลงคู่กับ "พี่เบิร์ด" นั้น งานโชว์ตัวของเธอแน่นมาก ขนาดที่ว่านักการเมืองระดับเจ้าพ่อของภาคตะวันออก ต้องการตัวมาโชว์ให้ประชาชนได้ชมกันแม้เสี้ยวเวลาไม่กี่นาที ถึงกับลงทุนทุ่มออกค่าตั๋วเครื่องบินให้เธอและทีมงานเดินทางมาร้องโชว์สั้น ๆ ในช่วงกลางวันก็ต้องยอม เพราะเธอคิวทองจริง ๆ
“หนูจิน” ชื่อที่ตัวเธอเองเรียกขานจนติดปาก แม้อายุปาไปกึ่งศตวรรษก็ยังใช้สรรพนามเรียกตัวเองด้วยคำนำหน้าว่า “หนู” เป็นนักร้องที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ได้หวานใสอย่างใครเขา บางช่วงที่มีงานมาก ๆ เสียงเธอออกไปทางแหบแห้ง แต่ร้องเพลงออกมาได้อารมณ์สุด ๆ กลายเป็นนักร้องเสียงแหบเสน่ห์ลูกคอ 99 ชั้น
มีการวิเคราะห์กันว่า เหตุที่เธอได้รับความนิยมไม่ขาด ส่วนหนึ่งเพราะมีงานเพลงที่ต่อเนื่อง มีภาพลักษณ์ชัดเจนโดยเฉพาะ “ผมทรงบ็อบสั้นหน้าม้า” ที่ไม่เคยเปลี่ยน ทำให้ดูหน้าเด็กตลอดเวลา
จินตหรา น่าจะเป็นลูกทุ่งคนแรกที่ตั้งชื่ออิงจากดารายอดนิยม คือ “จินตหรา สุขพัฒน์” ที่โด่งดังและไว้ผมหน้าม้าเช่นกัน และหลังจากเธอประสบความสำเร็จก็มีตาม ๆ มาอีกหลายคน อาทิ “ฮันนี่ ศรีอีสาน” มีที่มาจาก “ฮันนี่ ภัสสร บุณยเกียรติ” ส่วน “อำพล ภูไท” หมอลำคนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากร็อคเกอร์ “อำพล ลำพูน” และแม้แต่ “มาช่า ฟ้าอีสาน” ที่มาจาก “มาช่า วัฒนพานิช” ไม่เว้นแม้แต่ “อาภาพร นครสวรรค์” ก็มีที่มาจากชื่อดาราสาว “อาภาพร กรทิพย์” ที่โด่งดังในยุคนั้น
หนูจินร้องเพลงบันทึกเสียงมามากมายกว่า 500 เพลง แนวเพลงก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย เอาใจแฟนเพลงทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ หมอลำและลูกทุ่ง
แต่ใช่ว่าเธอจะมีแต่งานเอาใจตลาด เพราะงานคุณภาพของเธอที่ได้รับรางวัลเกียรติยศก็มีเช่นกัน คือ รางวัลพระราชทานเพลงลูกทุ่งดีเด่น งาน "กึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย" ครั้งที่ 2 จากเพลง 'แรงงานข้าวเหนียว' จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อ พ.ศ.2534
น่าเสียดายที่มีปัญหาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงระหว่างค่าย ทำให้จินตหราไม่ได้ขึ้นร่วมร้องเพลงนี้ต่อหน้าพระที่นั่งที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยคนที่มาขับร้องแทนคือ ศิรินทรา นิยากร
นอกจากความสามารถทางการขับร้องเพลงที่หาตัวจับยากแล้ว หนูจิน ยังมีเสน่ห์ที่หาไม่ได้ง่ายในนักร้องลูกทุ่งหมอลำคนอื่น ๆ คือ ความเป็นกันเอง เป็นธรรมชาติกับแฟนเพลงและผู้ร่วมงาน ซึ่งใครที่ได้ร่วมงานใกล้ชิดจะทราบดี
หนูจินเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก อาหารที่กินก็บ้าน ๆ ริมถนนทั่วไป จอดรถริมถนนก็นั่งกินรวม ๆ กันกับทีมงาน (หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า หมอลำดัง ๆ บางคนใช้ชีวิตต่างจากภาพที่เห็น กินอาหารประจำวันแต่ละมื้อแพงในระดับเหลา โดยให้เหตุผลว่า “ลำบากมามากแล้ว พอมีเงินก็ต้องกินอยู่ให้สบาย”) แต่ถ้าเป็นร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่าน บางทีทีมงานต้องห่อมาให้เธอกินในรถบ้าง เพราะถ้าลงไปในร้านก็เป็นอันไม่ได้ตักข้าวใส่ปาก เพราะจะมีคนเรียงคิวมาขอถ่ายรูปด้วยตลอดเวลา และเธอก็เต็มใจถ่ายกับทุกคนอย่างไม่หงุดหงิดใส่ด้วย
หนูจินเป็นนักร้องที่ดูแลความรู้สึกแฟนเพลงอย่างจริงใจ ไม่เสแสร้ง แม้ว่าจะจบจากร้องเพลงบนเวทีแล้ว ไม่ใช่จะรีบกระโดดหนีขึ้นรถตู้ทันที แต่เธอจะร่วมถ่ายรูปกับเจ้าภาพ แฟนเพลง ทักทายพูดคุยจนเลยเถิด เกินเวลา เล่นเอาทีมงานต้องขอร้องอย่างสุภาพให้กระชับเวลาเพื่อไปงานต่อ บางครั้งเสร็จงานแล้วกำลังก้าวขึ้นรถตู้ พอรู้ว่ามีแฟนเพลงรวมทั้งเด็กเล็กมารอถ่ายรูป เธอไม่อิดเอื้อนที่จะลงรถมาร่วมถ่ายรูปและพูดคุยด้วย คนทำงานแม่ครัว เด็กเสิร์ฟ ใครจะถ่ายก็ไม่จำกัด และทักทายพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่ได้แกล้งทำหรือฝืนยิ้ม
เธอเล่าให้ฟังในขณะที่ขึ้นรถตู้มาด้วยกันกับผม (ผู้เขียน) ว่า เธอมีความสุขที่เห็นสีหน้า รอยยิ้มของคนที่มาดูการแสดง มาขอจับมือ มาพูดคุยกับเธอ ยิ่งเป็นเด็กและคนเฒ่าคนแก่ เธอจะคุยยาว เว้ากันจนทีมงานต้องร้องขอให้ขึ้นรถได้แล้ว
คุณเชื่อหรือไม่ว่า มีนักร้องอีสานชื่อดังคนหนึ่งที่มีผลงานเพลงที่แฟนเพลงร้องท่อนแยกกันได้ทั่วประเทศ ช่วงที่โด่งดังสุดขีด งานชุกวันละหลายงาน เจ้าตัววางมาดราวกับดาราใหญ่ ไม่มารอหลังเวลาก่อนเวลาที่ควรจะเป็น ทำเอาทีมออร์กาไนซ์วุ่นวายใจและลุ้นกันตลอดว่าจะมาทันเวลาหรือไม่ พอมาถึงก็มีคนคุ้มกัน พาเดินเข้าหลังเวทีทันที เท่านั้นยังไม่พอ ใครจะมาถ่ายรูปคู่ด้วยต้องแจ้งจำนวนมาล่วงหน้า และยินดีถ่ายรูปกับเจ้าภาพตามจำนวนนั้น หากมีใครเพิ่มเติมมาจะโดนสะบัดใส่ เดินหนีทันที
บัดนี้ นักร้องคนดังกล่าวอยู่ในช่วงขาลง ตกกระป๋อง ไม่มีใครอยากสนับสนุน เพราะก่อนที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง หลายคนยังจำภาพนักร้องคนหนึ่งที่มารอหลังเวทีฟรีคอนเสิร์ตรวมกับนักร้องคนอื่น ๆ ที่มารอเป็นเข่ง ๆ สายตาก็สอดส่ายหาแฟนเพลงที่จะมาถ่ายรูปด้วย แต่พอหลังจากเพลงได้รับความนิยมโด่งดังทั่วประเทศ นิสัยน่ารักดังกล่าวกลับหายไป กลายเป็นคนที่ทำตัวให้แลดูว่าสำคัญกว่าใคร ๆ และไม่มีเวลาแม้แต่ทักทายเจ้าภาพ แฟนเพลง
ดังนั้น การที่ศิลปินจะได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนานนั้น นอกจากฝีมือ การดูแลตัวเองให้ดูดี สวยงามแล้ว การผูกใจแฟนเพลงหรือคนที่ร่วมงานด้วยเป็นสิ่งที่สำคัญ คนแท้ที่ยิ่งใหญ่โด่งดังหลายคนมักทำตัวง่าย ๆ ผิดกับคนที่ดังฉาบฉวย มักหลงลืมตัวและอยู่ได้ไม่นาน
และสิ่งสำคัญที่น้อยคนนักจะทราบคือ ความสำเร็จส่วนสำคัญของเธอมาจาก “ลมใต้ปีก” ที่อยู่เบื้องหลัง คู่ชีวิตของเธอ “จังโก้” กอบกิตติ กวีสุนทรกุล อดีตนักจัดรายการวิทยุที่เป็นผู้คิดวางแผนเรื่องงานเพลงอย่างเฉียบคม และเป็นคนติดดินมาก ไม่แสดงตัวอวดเก่ง แต่เก่งกาจเชี่ยวชาญเรื่องศิลปะบทเพลงและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำให้สาวจินตหรา พูนลาภ ไม่ตกยุค!
เรื่อง: เคน สองแคว