02 พ.ย. 2565 | 12:44 น.
ลู่ซู่หมิง เมฆาลอยล่องเลือนหาย ไหสุราส่งเสียงร่ำไห้ โลกมิมียฺหวินฉาง(กวนอู) อำลาเคราที่มิมีผู้ใดเทียบเทียม
“ผมรู้สึกได้ว่า บท กวนอู นั้น เป็นบทของผม”
ลู่ซู่หมิง กล่าวถึงบทบาทที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุด และได้รับบทนี้มาเพราะลิขิตจากสรวงสวรรค์
ในเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 นักแสดง ลู่ซู่หมิง เสียชีวิตลงด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างกะทันหัน ขณะอายุได้ 66 ปี สร้างความเศร้าอาลัยแด่แฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของเขามาอย่างยาวนาน
ลู่ซู่หมิง เกิดในวันที่ 15 สิงหาคม 1956 ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ในปี 1966 ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่ที่เว่ยหนาน มณฑลส่านซี กับพ่อของเขาที่ก่อสร้างถนนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ทำให้ลู่ซู่หมิง ได้เรียนจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมถนนซีอาน และเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมที่โรงเรียนมัธยมต้นถนนเจียฟาง
ในช่วงชีวิตมัธยมต้นของลู่ซู่หมิงเองที่ทำให้เขาตกหลุมรักการแสดง และตั้งใจจะเป็นนักแสดงงิ้วปักกิ่ง
ด้วยความสูงใหญ่ตามประสาชายซานตงของลู่ซู่หมิง ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นหลักของทีมบาสเกตบอลโรงเรียน
ไม่เพียงมีร่างกายบึกบึนและโดดเด่นเท่านั้น ลู่ซู่หมิง ยังมีปอดที่แข็งแรงทำให้เขามีเสียงที่ก้องกังวาน ทำให้ครูที่สอนขับร้องเห็นพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงของเขา จึงแนะนำให้ร่วมทีมร้องเพลงงิ้วปักกิ่ง ลู่ซู่หมิง ก็ตกหลุมรักการแสดงงิ้วปักกิ่งเข้าอย่างจัง
ด้วยวัย 14 ปี เขามีความคิดที่จะเป็นนักแสดงงิ้วปักกิ่งมืออาชีพ ประจวบกับคณะละครงิ้วมณฑลส่านซีกำลังรับสมัครนักเรียนในเขตเหว่ยหนาน ลู่ซู่หมิง จึงไปบอกพ่อของเขาว่า อยากสมัครและไปเป็นนักแสดงงิ้วมืออาชีพ แต่พ่อของเขาคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะมองว่าอาชพนักแสดงนั้นไม่มีความมั่นคง
อีกทั้งในช่วงเวลานั้น รัฐบาลจีนยังออกกฏหมายเกี่ยวกับการแสดงหลายฉบับทำให้บรรดานักแสดงหลายคนถูกจับติดคุกอย่างไม่มีความผิดเชิงประจักษ์ สุดท้ายลู่ซู่หมิง ก็ต้องยอมตามการตัดสินใจของพ่อ และเก็บความฝันในการเป็นนักแสดงเอาไว้
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ลู่ซู่หมิง เข้าร่วมทีมบาสเกตบอลเยาวชนมณฑลส่านซี และต่อมา เขาทำงานด้านภาพถ่ายทางอากาศที่สถาบัน 630 หน่วยการบินของจีน
จนกระทั่งในปี 1980 ลู่ซู่หมิงในวัย 23 ปี ได้ไปสมัครเป็นนักเรียนการแสดงพร้อมกับน้องสาวของเพื่อนบ้านที่โรงอุปรากรซีอาน ด้วยส่วนสูง 186 เซนติเมตร และโครงหน้าที่โดดเด่น ทำให้หนึ่งในผู้คุมสอบประทับใจลู่ซู่หมิง ตั้งแต่แรกเห็น
และเขาก็ไม่ทำให้ผู้คุมสอบผิดหวัง ลู่ซู่หมิง มีการร้องและการเคลื่อนไหวที่โดดเด่นน่าประทับใจจริง ๆ ทำให้เขาสามารถสอบผ่านกลายเป็นนักเรียนการแสดงของโรงอุปรากรซีอานได้สำเร็จ และผู้คุมสอบคนนั้นก็คือ กัวต๋า นักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงของจีน
เมื่อเข้าเรียน บรรดานักเรียนสาวต่างแอบชอบลู่ซู่หมิง หนึ่งในหลายคนนั้นมักจะแอบเอาเสื้อผ้าของเขาไปซักให้ แต่ในตอนนั้นที่โรงอุปรากรซีอาน มีกฏนักเรียนหญิงชายห้ามมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน ทำให้ลู่ซู่หมิง ถูกลงโทษ ไม่ให้พักในหอพักนักเรียนอีก แต่ให้ไปทำงานที่โรงละครและนอนที่นั่นแทน
ในปี 1983 ลู่ซู่หมิงได้รับบทนำบท หลี่หู ในละครโทรทัศน์เรื่อง ชายในทะเลทราย (大漠中的男人) ที่ผลิตโดยสถานีโทรทัศน์ส่านซี นับว่าเป็นการแสดงละครโทรทัศน์ครั้งแรกของเขา
แต่ในปีเดียวกันนั้น ทางรัฐบาลเริ่มปราบปรามนักแสดงที่จัดการแสดงโดยไม่ได้ขออนุญาตทางการ ทำให้ในปีนั้น นักแสดงจำนวนมากถูกจับดำเนินคดี ลู่ซู่หมิง ก็เช่นกัน เขาถูกตัดสินลงโทษในข้อหามลพิษทางจิตวิญญาณ เพราะเขาได้ร้องและแสดงที่บ้านของลุงของเพื่อน 8 ครั้งทำให้ถูกจำคุกเป็นเวลา 16 เดือน
เริ่มต้นชีวิตใหม่
หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในเดือนตุลาคมปี 1984 ลู่ซู่หมิง ต้องเริ่มต้นอาชีพใหม่ด้วยการทำงานเป็นพนักงานขายในบริษัทการค้าของโรงอุปรากรซีอานยาวนานถึง 3 ปี
ในระหว่างสามปีนั้น ลู่ซู่หมิง ใช้เวลาว่างจากการทำงาน ฝึกซ้อมการแสดงและฝึกฝนเสียงของเขาทุกวัน
ในปี 1986 เขาเล่นเป็นคนงานก่อสร้างถนนในละครโทรทัศน์เรื่อง Sing a Merry Song for You ลู่ซู่หมิงเริ่มมีงานแสดงมากขึ้นด้วยการดูแลและแนะนำของ กัวต๋า อาจารย์ที่คุมสอบเขาที่โรงอุปรากรซีอาน
ในปี 1989 ลู่ซู่หมิงได้ร่วมงานกับผู้กำกับ เฉิงเสี่ยวตง และ ฉีเคอะ ในภาพยนตร์เรื่อง เทียนฟง คนตรง 3000 ปี(1989) ในเรื่องนี้ ลู่ซู่หมิง รับบทเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ แสดงร่วมกับ จางอี้โหมว และ กงลี่
จากความสำเร็จของภาพยนตร์ เทียนฟง คนตรง 3000 ปี(1989) ทำให้ชื่อของลู่ซู่หมิง กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ในปี 1990 CCTV กำลังวางแผนถ่ายทำซีรี่ส์เรื่อง Romance of the Three Kingdoms หรือ สามก๊ก ผู้กำกับ วังฟู่หลิน ได้วางนักแสดงบทบาทสำคัญ ทั้งโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน เอาไว้หมดแล้ว มีเพียงแค่บทกวนอู ที่ยังหานักแสดงที่เหมาะสมยังไม่ได้
แม้จะแคสติ้งนักแสดงมาแล้วกว่า 30 คน แต่ก็ยังไม่มีใครเหมาะสมกับบทบาทนี้ วังฟู่หลิน ได้ไปปรึกษากับกัวต๋า ภาพของลู่ซู่หมิง ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา เขาจึงแนะนำวังฟู่หลิน ให้ไปหาลู่ซู่หมิง วังฟู่หลินจึงส่งทีมผู้กำกับไปหาลู่ซู่หมิงที่บ้านทันที
แต่ในช่วงเวลานั้น ลู่ซู่หมิง ไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่เมืองเซียนหยาง ส่านซี ในช่วงปี 1990 การติดต่อสื่อสารยังเป็นอุปสรรคอย่างมาก ทางทีมงานไปรอคอย ลู่ซู่หมิง เป็นเวลา 3 วัน ก่อนกลับไปอย่างสิ้นหวัง โดยก่อนกลับยังทิ้งจดหมายเอาไว้ที่หน้าบ้านของเขา
บทบาทที่สวรรค์ส่งมา
เป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ความจริงแล้ว ลู่ซู่หมิง ต้องใช้เวลาในกองถ่ายภาพยนตร์อีกเป็นเดือน แต่ในช่วงนั้น ซีอานมีฝนตกหนัก ลู่ซู่หมิง ไม่แน่ใจว่าเขาได้ปิดประตูหน้าต่างบ้านดีหรือไม่ เขาจึงขอทีมงานกลับมาดูบ้านก่อน
เมื่อมาถึงปรากฏว่า บ้านของเขาปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อย แต่หน้าบ้านมีจดหมายที่ถูกทิ้งเอาไว้ เชิญให้เขาไปออดิชั่นบทกวนอู ในสามก๊ก
“เมื่อผมเห็นจดหมายนั้น ผมรู้ได้ทันทีว่า บทกวนอูนี้ คือบทของผม”
ลุ่ซู่หมิง มองว่า ในโลกไม่มีความบังเอิญ บทบาทนี้เป็นบทบาทที่สวรรรค์ส่งมาให้เขาต้องแสดง
ลู่ซู่หมิง ไปออดิชั่นบทกวนอู เข้าสวมใส่ชุดเขียว ติดหนวดเครา เมื่อเข้าถึงห้องออดิชั่น เขาทำท่าคารวะในรูปแบบอุปรากรปักกิ่ง พร้อมกล่าวว่า
“ขออภัยแม่ทัพทุกท่าน ข้าพเจ้ากวนอูมาสายแล้ว”
ผู้กำกับ วังฟู่หลิน และทีมงานทั้งหมดพลันรู้สึกจ้ากระจ่างในสายตา กวนอู ที่พวกเขาปรารถนาได้ปรากฏกายมาแล้ว
เพื่อการเข้าถึงบทกวนอู ลู่ซู่หมิง ใช้เวลาครึ่งปีในการค้นหาจิตวิญญาณของยอดนักรบห่งยุคสามก๊กผู้นี้ เขานำสคริปต์บทพูดทั้งหมดไปแปะไว้ในผนังห้องนอน และหัวเตียง
ทุกวันที่เขากลับมาจากกองถ่าย เข้าร่ายบทสนทนาเหล่านั้นจนซึมลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณแห่งการแสดง ในบางวันที่ถ่ายทำ ลู่ซู่หมิง บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาแสดงอยู่เลย แต่เขาคือกวนอูจริง ๆ
ซีรีส์เรื่อง สามก๊ก ใช้เวลาถ่ายทำยาวนานกว่า 3 ปี ในการถ่ายทำฉากรบ เหล่านักแสดงทั้งหมดต่างแสดงฉากแอกชันเอง
ในการถ่ายทำ ลู่ซู่หมิง ตกม้าหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งลู่ซู่หมิง ตกม้าบาดเจ็บที่ขาจนขาของเขาขยับไม่ได้ แพทย์ประจำกองถ่ายวินิจฉัยว่า ต้องรักษาโดยใช้เข็มสองนิ้วเพื่อดึงหนองและเลือดคั่งออกมา เข็มที่ยาวและหนาเจาะเข้าไปในเนื้อ แม้จะได้รับยาชาแล้ว ลู่ซู่หมิง ยังคงร้องโอดโอย จนหมอเอ่ยออกมาว่า
“คุณจะโอดโอยทำไม กวนกง(กวนอู) ให้ฮัวโต๋ ขูดกระดูกรักษาพิษ ขณะดื่มสุราเล่นหมากรุกได้”
ลู่ซู่หมิงได้ยินดังนั้น เขาจึงเอาความรู้สึกตอนสวมบทกวนอูมาใช้ ความกล้าหาญมากขึ้น ความเจ็บปวดลดลง(น่าจะยาชาเริ่มทำงานด้วย) เขาไม่ร้องโอดโอย แต่เพ่งสามาธิไปถึงช่วงเวลาที่กวนอูขี่ม้าเซ็กเทาว์ ตะลุยสังหารข้าศึกนับร้อยหมื่น
การรักษาเสร็จสิ้น ลู่ซู่หมิง ต้องพักเกือบหนึ่งเดือน แต่เขาก็ได้เข้าถึงบทบาทกวนอูเข้าไปอีกระดับ
เมื่อสามก๊ก ออกอากาศในปี 1994 สามก๊กเวอร์ชั่นนี้ นับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ถูกยกย่องว่าสมบูรณ์แบบที่สุด และอีกคนที่ได้รับคำชื่นชมไม่แพ้กันก็คือ ลู่ซู่หมิง ในบทบาทของกวนอู
ภาพลักษณ์ กวนอู ที่องอาจ ผ่าเผย สง่างาม ที่ลู่ซู่หมิง แสดง นับว่าประทับในความทรงจำผู้ชมเป็นอย่างมาก จนทำให้ลู่ซู่หมิง ไม่สามารถแสดงบทบาทอื่นได้เป็นที่จดจำมากกว่าบทบาทนี้อีก
ในปี 1995 โจวซิงฉือ ได้เชิญให้ลู่ซู่หมิง แสดงบท ปีศาจกระทิง ใน ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิง เดี๋ยวคน เขาต้องเมคอัพให้ผู้ชมไม่สามารถเชื่อมโยงตัวละครของเขากับบทกวนอู แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบเลยว่าเขาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
ในปี 2018 หลี่จิ้งเฟย (李靖飞) นักแสดงที่รับบทเตียวหุย มีอาการเส้นเลือดในสมองแตก ปล่อยให้ผลสืบเนื่องร้ายแรงและไม่มีใครดูแลเขา ลู่ซู่หมิง ได้พาหลี่จิ้งเฟย ไปบ้านพักคนชราและหาเงินรักษาเพื่อนนักแสดงที่เคยแสดงเป็นน้องชายร่วมสาบานของเขา(ในเรื่อง) ลู่ซู่หมิง ได้โพสต์ข้อความอันสะทกสะท้อนในเว่ยป๋อว่า
“น้องชายของข้าฯ ในปีนั้นดอกเหมยบาน และความงามเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร... กี่ปีผ่านไป... ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดี แต่เจ้ากลับล้มป่วย”
เป็นประโยคที่สะท้อนช่วงเวลาแห่งคำสาบานในสวนท้อของ เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย ในสามก๊ก
น้ำในแม่น้ำแยงซีกำลังไหลไปทางทิศตะวันออก คลื่นซัดล้างเหล่าวีรบุรุษจนมลายหาย
ลู่ซู่หมิงจากไป พร้อมบทบาทกวนอูอันน่าจดจำของเขา เกือบ 30 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถแสดงบทกวนอูได้เป็นที่จดจำของผู้ชมอีก
ในจดหมายเหตุสามก๊กได้บันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งจูกัดเหลียง(ขงเบ้ง)ได้กล่าวถึงกวนอูว่ามี “เคราที่มิมีผู้ใดเทียบ”
ในการจากไปของ ลู่ซู่หมิง ได้มีคำไว้อาลัยว่า
“เมฆาลอยล่องเลือนหาย ไหสุราส่งเสียงร่ำไห้ โลกมิมียฺหวินฉาง(กวนอู) อำลาเคราที่มิมีผู้ใดเทียบเทียม”
เรื่อง: เพจ เก้ากระบี่เดียวดาย
ภาพ: The Movie Database (TMDB) และ YouTube/TVB Thailand