08 พ.ค. 2563 | 16:54 น.
Fullmetal Alchemist (鋼の錬金術師) หรือในชื่อไทยคือ “แขนกลคนแปรธาตุ” เป็นการ์ตูนที่โด่งดังอย่างมากอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจผู้อ่านทั่วโลก ทั้งในซีกโลกตะวันออกและตะวันตก การ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายเดือน Monthly Shōnen Gan-Gan (月刊少年ガンガン) ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค. ศ. 2001-2010 และมีการพิมพ์รวมเล่มทั้งหมด 27 เล่มด้วยกัน การ์ตูนเรื่องนี้มีอนิเม 2 เวอร์ชันที่เนื้อเรื่องต่างกันมาก อนิเมเวอร์ชันแรกสร้างในปี 2003 ใช้ชื่อ Fullmetal Alchemist เช่นกัน แต่เนื้อเรื่องจะแยกเป็นเอกเทศที่ไม่เหมือนกับมังงะเลย (เพราะสร้างก่อนมังงะจะจบนานมาก) ส่วนอนิเมเวอร์ชันที่ดำเนินเนื้อเรื่องตามมังงะ จะสร้างทีหลังเป็นเวอร์ชันปี 2009 ใช้ชื่อว่า Fullmetal Alchemist: Brotherhood ถ้าใครอยากดูอนิเมแบบเคารพต้นฉบับมังงะก็ดูของ 2009 ส่วนใครอยากแหวกแนวก็ไปดูของ 2003 ก็สนุกทั้ง 2 แบบนะ เนื้อเรื่องกล่าวถึงประเทศในจินตนาการที่ชื่อว่า Amestris ซึ่งเป็นดินแดนที่มองว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ในเรื่องนี้มีการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาวิชาเล่นแร่แปรธาตุจนเจริญรุ่งเรืองมาก มีกองทัพที่ประยุกต์ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุในการสงคราม มีการเหยียดผิว การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อื่น มีการเล่นการเมืองและการหักเหลี่ยมเฉือนคม และยังมีการจับสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์มาทดลอง ฯลฯ จัดว่าเป็นการ์ตูนที่มีรสชาติของชีวิตครบทุกรสชาติจริง ๆ ตัวเอกคือ 2 พี่น้องตระกูลเอลริค โดยมี เอ็ดเวิร์ด เอลริค (Edward Elric) เป็นพี่ชาย และ อัลฟองเซ เอลริค (Alphonse Elric) เป็นน้องชาย พ่อของทั้ง 2 พี่น้องนั้นก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเช่นกัน แต่พ่อได้ทิ้งครอบครัวและหายสาบสูญไปตั้งแต่ 2 พี่น้องยังเด็ก จากนั้น แม่ของทั้งคู่ก็ล้มป่วยและตายไป ทั้งคู่จึงพยายามค้นคว้าตำราของพ่อ หาวิธีใช้วิชาแปรธาตุเพื่อชุบชีวิตแม่ขึ้นมาใหม่ แต่ทั้งคู่ทำผิดพลาด ทำให้เอ็ดเวิร์ดเสียขาซ้ายไป ส่วนอัลฟองเซสูญเสียกายเนื้อไปทั้งหมด ระหว่างที่อัลฟองเซกำลังจะสูญเสียวิญญาณไปด้วย เอ็ดเวิร์ดจึงตัดสินใจสละแขนขวาของตัวเองอีกข้าง เพื่อแลกกับการดึงวิญญาณของน้องชายเอาไว้ โดยผนึกวิญญาณของอัลฟองเซไว้กับชุดเกราะที่อยู่ในบ้านตัวเอง ทำให้หลังภารกิจนี้ เอ็ดเวิร์ดต้องรักษาตัวและต้องใช้แขนเทียมขาเทียมไปตลอด ส่วนอัลฟองเซมีแต่วิญญาณในชุดเกราะ ไม่มีกายเนื้อเป็นของตัวเอง ทั้งคู่จึงออกผจญภัยเพื่อค้นหาความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และหาวิธีนำร่างเดิมของทั้งคู่กลับมา พี่น้องเอลริคได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุในสังกัดของกองทัพ และได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ โช ทัคเกอร์ (Shou Tucker) ซึ่งเป็น “นักเล่นแร่แปรธาตุด้านผสานชีวิต (綴命の錬金術師)” คือทัคเกอร์สามารถใช้ความรู้วิชาแปรธาตุในการสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ เป็นสัตว์ที่เรียกว่า คิเมร่า (Chimera) ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้สำเร็จเมื่อ 2 ปีก่อน แม้ว่าคิเมร่าตัวดังกล่าวจะมีชีวิตได้ไม่นานก็ตาย แต่ผลงานนี้ก็ทำให้ทัคเกอร์ได้รับความดีความชอบอย่างมากจากกองทัพ พี่น้องเอลริคได้รับอนุญาตจากทัคเกอร์ ให้ใช้ห้องสมุดของทัคเกอร์ในการค้นคว้า และได้รับคำแนะนำอีกมากมายจากทัคเกอร์ในวิชาแปรธาตุ ทัคเกอร์นั้นเป็นพ่อม่ายลูกติดที่ถูกภรรยาทิ้งไปเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากฐานะที่ยากจน จนกระทั่งทัคเกอร์สามารถสร้างคิเมร่าพูดภาษาคนได้ จึงเริ่มมีฐานะและมีหน้ามีตาในกองทัพขึ้นมา มีบ้านหลังใหญ่พร้อมห้องสมุดขนาดยักษ์ แต่ทัคเกอร์ก็ต้องคอยทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการวิจัยต่อกองทัพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ ระหว่างที่พี่น้องเอลริคได้ศึกษาหาความรู้ที่บ้านทัคเกอร์ ก็ได้สนิทสนมกับ นีน่า ลูกสาววัย 4 ขวบของทัคเกอร์ พร้อมทั้งหมาร่างยักษ์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ยิ่งใกล้วันที่ทัคเกอร์ต้องรายงานผลการวิจัยต่อกองทัพ ทัคเกอร์ก็ยิ่งดูเครียดมากขึ้น แต่ในที่สุดทัคเกอร์ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างคิเมร่าตัวใหม่ ที่เป็นสัตว์ร่างยักษ์ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ทว่า หลังจากทัคเกอร์แนะนำคิเมร่าตัวนั้นให้เอ็ดเวิร์ดและอัลฟองเซรู้จัก คิเมร่าก็เอ่ยปากทักขึ้นว่า “โอนี่จัง (พี่ชาย)” ทำให้เอ็ดเวิร์ดนึกถึงนีน่าที่เรียกเอ็ดเวิร์ดว่า “โอนี่จัง” เช่นกัน หลังจากคาดคั้นทัคเกอร์ ทัคเกอร์จึงได้กล่าวออกมาว่า “ฉันล่ะเกลียดเด็กหัวไวอย่างเธอชะมัดเลย (君のような勘のいいガキは嫌いだよ)” ทั้งเอ็ดเวิร์ดและอัลฟองเซจึงได้รู้ความจริงว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ทัคเกอร์ใช้ภรรยาตัวเองสังเวยงานวิจัย โดยนำภรรยาตัวเองไปรวมร่างกับสัตว์อื่น เพื่อให้ดูเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จในการสร้างสัตว์ที่พูดภาษามนุษย์ได้ คิเมร่าตัวนั้นจึงตรอมใจ ไม่ยอมกินดื่มอะไรและตายไป ทัคเกอร์จึงกุเรื่องว่าภรรยาทิ้งตัวเองไปเพราะยากจน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทัคเกอร์ตัดสินใจสละลูกสาวและหมาของตัวเองเพื่องานวิจัยอีกครั้ง โดยการจับทั้งคู่มารวมร่างกันเป็นสัตว์ชนิดใหม่ เพื่อให้ตัวเองรักษาชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคมเอาไว้ได้ เอ็ดเวิร์ดลงมือซ้อมทัคเกอร์อย่างหนักมากด้วยความโมโหจนสุดระงับ หลังจากนั้น ชะตากรรมของทัคเกอร์ และคิเมร่า (นีน่าและอเล็กซานเดอร์) จบไม่สวยนัก.....ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชัน 2003 หรือ 2009 เรียกได้ว่า โช ทัคเกอร์ คือคนที่ยอมเสียสละทุกอย่างในครอบครัวเพื่องานโดยแท้จริง สละลูก สละเมีย สละสัตว์เลี้ยง เพื่องาน หรือเพื่อลาภยศชื่อเสียงนั่นเอง เป็นตัวละครในโลกการ์ตูนที่ได้รับเสียงสาปแช่งจากคนทั่วโลก และเป็นฉากสะเทือนใจที่สุดในเรื่องนี้อย่างมาก หากเปรียบกับ เบจิต้า ใน Dragon Ball แล้ว เบจิต้ายอมสละความทะเยอทะยานของตัวเองเพื่อครอบครัว ขณะที่ โช ทัคเกอร์ ทำตรงข้ามหมด คือยอมเสียสละครอบครัวทั้งลูกและเมีย เพื่อความทะเยอทะยานของตัวเอง จัดว่าเป็นคนที่ทำงานของตัวเองจนครอบครัวแหลกสลายโดยแท้ แล้วคุณล่ะ จะเลือกรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือทิ้งทุกอย่างเพื่อสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน?