read
culture
21 พ.ย. 2563 | 02:21 น.
สตีเฟน คิง: ราชานวนิยายสยองขวัญ เส้นทางชีวิตแสนพลิกผันแต่ยังดีที่มีเมียคอยช่วย
Play
Loading...
หลายคนอาจรู้จัก
สตีเฟน คิง
(Stephen King) ผ่านความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากผลงานมากมายของเขา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่านวนิยายที่ขายดีที่สุดของคิงเคยถูกปฏิเสธต้นฉบับมาแล้วมากกว่า 30 ครั้ง
ตั้งแต่เด็ก สตีเฟน คิง หลงใหลในการเขียนหนังสือมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ต่างจากนักเขียนระดับโลกหลายคน เพราะเส้นทางสายอาชีพของเขา ไม่มีกลีบกุหลาบสักกลีบร่วงลงมาประดับให้ชีวิตดูสวยงามขึ้น ‘ความฝัน’ กลายเป็นสิ่งที่ดูยากจะเอื้อมมือถึง เมื่อคุณเกิดมาในครอบครัวแสนยากจน ใช่แล้ว ชีวิตของเขาลำบากลำบนจนถึงขั้นที่ความฝันที่จะเป็นนักเขียนดูเป็นเรื่องตลก
คิงเกิดที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐเมน สหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกชายคนที่สองของนายเอ็ดวิน คิง และนางเนลลี รูธ พิลส์บูรี สมัยเด็ก คิงค่อนข้างจะอ่อนแอและขี้โรค เขามักขลุกตัวอยู่ในบ้านมากกว่าออกไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่น คงเป็นช่วงเวลานี้เองที่ทำให้คิงพบความสุขจากกองหนังสือของแม่ เขาอ่านหนังสือพวกนั้นข้ามวันข้ามคืน และพยายามเขียนแก้ประโยคในหนังสือที่ตนคิดว่าสำนวนไม่ได้เรื่อง พอเขียนเสร็จก็เอาไปให้แม่อ่าน แม่ของเขาที่มองเห็นศักยภาพก็เริ่มกระตุ้นให้คิงเขียนหนังสือมากขึ้น โดยเธอยื่นเงื่อนไขว่าจะจ่ายให้ 25 เซนต์แลกกับต้นฉบับนวนิยายสนุก ๆ
คิงเริ่มแก้ไขและเรียบเรียงนวนิยายมาตั้งแต่ตอนนั้น เขาค่อย ๆ ตัดหั่นและร้อยเรียงสลับเรื่องราวจนเค้าโครงเก่าแทบจะไม่เหลือ คิงสามารถแต่งนวนิยายเรื่องแรก (ที่เริ่มต้นจากการแก้ไขของเดิม) ได้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และนั่นก็คงเป็นพรสวรรค์ที่ซ่อนไว้ในตัวเด็กชายอย่างเขา
แต่แล้วชีวิตที่ดูเหมือนจะไปได้ดีก็ต้องมาหยุดชะงักลง เพราะการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวอย่างกะทันหัน คิงจำเป็นต้องแบ่งเวลาเรียน (ช่วงนั้นเขาอยู่มหาวิทยาลัย) มาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง รวมถึงจุนเจือครอบครัวไปด้วย เขาทำงานมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภารโรง เด็กเสิร์ฟ เด็กปั๊ม และพนักงานทำความสะอาด แต่แม้ตอนนั้นชีวิตจะยากลำบากเพียงใด คิงก็ยังไม่หยุดเขียนนวนิยายและส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา
ช่วงปี 1967 เรื่องสั้นแนวสยองขวัญชื่อ The Glass Floor คือผลงานเรื่องแรกที่ได้รับตีพิมพ์ คิงเคยบอกว่ามันเป็นงานที่ถูกปฏิเสธมาแล้วกว่า 60 ครั้ง ก่อนที่จะมีใครเห็นคุณค่า ตอนนั้นแม้คิงจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเพิ่มขึ้นมา แถมยังได้ค่าตอบแทนแค่ 35 ดอลลาร์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาไม่ล้มเลิกความฝัน
คิงเคยบอกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาได้รับจดหมายปฏิเสธเยอะมาก มากเสียจนตะปูตัวเล็กที่ใช้แขวนถุงจดหมายเกือบรับน้ำหนักไม่ไหว ตอนนั้นคิงต้องปลอบใจตัวเองว่า
“ไม่เป็นไร เราเปลี่ยนเป็นตะปูตัวใหญ่เสียก็จบ”
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ
ช่วงปี 1970 คิงพบรักกับ ทาบิธา สปรูซ ด้วยความใจร้อน เขาทั้งรีบคบหารีบตบแต่งเธอเป็นภรรยา แล้วมันก็กลายมาเป็นการตัดสินใจที่ทำให้ชีวิตยากขึ้นไปอีก เพราะทั้งคู่ต่างก็มีความฝันอยากเป็นนักเขียน แต่กลับยังไม่มีวี่แววที่จะประสบความสำเร็จ สองสามีภรรยาดิ้นรนใช้ชีวิตกันทั้งที่ไม่มีบ้านอยู่ ต้องนอนในรถเทรลเลอร์ ไม่มีโทรศัพท์ เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าโทรฯ รายเดือน หลายปีแห่งการสู้ชีวิต ในที่สุดก็มีเรื่องดี ๆ เพราะคิงสามารถคว้าโอกาสพิมพ์นวนิยายเรื่องแรกของตัวเองจนได้
ผลงานเรื่องแรก Carrie (1973) (เรื่องราวของเด็กสาวที่โดนรังแกจนเมื่อค้นพบพลังวิเศษในตัวเอง เธอจึงตัดสินใจออกล้างแค้นทุกคนอย่างสาสม) คือต้นฉบับที่เคยโดนปฏิเสธมาแล้วถึง 30 ครั้ง มันถูกโยนลงถังขยะไปแล้ว เพราะความผิดหวังและกังขาในความสามารถของตัวเอง นวนิยายเล่มนี้คงไม่มีโอกาสได้ตีพิมพ์ หากไม่ได้ทาบิธา ที่หยิบมันขึ้นมาแล้วบอกให้คิงลองส่งไปให้ที่อื่นพิจารณาต่อ ทาบิธาบอกคิงว่า เธอเชื่อว่ามันมีค่าพอ และในที่สุดมันก็ได้ตีพิมพ์จริง ๆ
ต่อมางานเขียนชิ้นอื่น ๆ ของคิงก็ตามมาอีกเพียบ คิงถือเป็นนักเขียนอีกคนที่เขียนหนังสือจบเร็วมาก เพราะเขาตั้งกฎว่าจะต้องเขียนหนังสือ 1 เล่มให้จบภายใน 3 เดือน ตอนนั้นชื่อของเขาค่อย ๆ โด่งดังขึ้น จากความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสยองขวัญ ที่ทำเอาคนอ่านทั้งกลัว ทั้งรู้สึกทึ่ง คิงให้สัมภาษณ์ว่า เสน่ห์ของงานเขียนสยองขวัญ คือมันได้ตอบสนองความรู้สึกด้านลบบางอย่างที่ถูกกดทับในใจคน ไม่ว่าจะเป็นการโหยหาความรุนแรงหรือความกลัวที่ถูกซ่อนอยู่ลึก ๆ
เขาอธิบายเรื่องนี้ไว้ในบทความชื่อ Why We Crave Horror Movies (1984) โดยสรุปว่า ‘มนุษย์มักต้องการเสพความตื่นเต้นหวาดหวั่นที่ตนเองควบคุมได้’ ไม่ว่าจะเป็นหนังผี หรือแม้แต่รถไฟเหาะ ล้วนเป็นเหมือนเครื่องเติมเต็มความกล้าที่ช่วยบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้ขี้ขลาดอย่างที่ตัวเองคิด
แต่แล้วก็มาถึงช่วงที่กราฟชีวิตของคิงดิ่งลงเหวอีก เพราะเขาประสบปัญหาติดทั้งเหล้าและยาเสพติดอย่างหนัก โดยทั้งหมดเกิดจากการสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักไปพร้อม ๆ กับที่เริ่มรู้สึกไม่พอใจในงานเขียนของตัวเอง
คิงบอกว่า ผลกระทบจากตอนนั้น ทำให้ร่างกายและสมองของเขาเสียหาย เขาแทบจำผลงานที่ตัวเองเขียนบางเล่มไม่ได้ ตอนนั้นเครียดจนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะห่วงลูกกับภรรยา โดยช่วงที่คิงกำลังพยายามเลิกเหล้าและยาอย่างหนัก เขาเองก็กังวลว่าจะกลับมาเขียนนวนิยายไม่ได้อีก ตอนนั้นก็ได้ทาบิธานี่แหละ ช่วยเรียกให้กำลังใจเขา
คิงกลับมาจริงจังกับงานเขียนอีกครั้ง โดยหยิบเอาประสบการณ์ระหว่างพักฟื้นจากอาการพิษสุราเรื้อรัง มาเขียนเป็นนวนิยายสยองขวัญ 2 เล่ม คือ Salem’s Lot (1975) และ The Shining (1977) ภายหลังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนังสยองขวัญสุดคลาสสิก กระแสตอบรับที่ดีจากสองงานนี้ ก็ทำให้คิงเริ่มกลับมามั่นใจในความสามารถของตัวเอง (ช่วงปี 2013 คิงปล่อยนิยายภาคต่อของ The Shining ชื่อว่า Doctor Sleep ตามมา แต่ก็ดูเหมือนกระแสตอบรับจะเทียบภาคเก่าไม่ได้สักเท่าไหร่)
หลังจากนั้นคิงก็ยังคงผลิตผลงานออกมาประดับวงการนวนิยายสยองขวัญอย่างต่อเนื่อง ตามแต่จินตนาการจะพาไป อย่างเรื่องราวของ ‘เพนนีไวซ์’ อสูรกายมากฤทธิ์จากนิยาย IT (1990) ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ถูกนำไปสร้างเป็นหนังที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายในปี 2017
แต่นอกจากเขียนเรื่องสยองขวัญแล้ว ที่จริงคิงก็ยังเขียนนิยายดราม่าอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Dolores Claiborne Stand by Me หรือ Shawshank Redemption ฯลฯ ซึ่งภายหลัง 3 เรื่องดังกล่าวก็ถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน
จนถึงตอนนี้คิงมีผลงานออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นงานเขียนแนวสยองขวัญ วิทยาศาสตร์ และแฟนตาซี หลายเล่มมีโอกาสนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์กับรายการโทรทัศน์จนโด่งดังไปทั่ว แต่คิงก็ยังไม่เคยหยุดฝึกฝนด้านการเขียน รวมถึงรับฟังคำวิจารณ์จากคนอ่าน
เขาเคยบอกว่า
“คำแนะนำที่เลวร้ายที่สุดคือการบอกให้ไม่ฟังคำวิจารณ์”
เพราะแม้มันจะไม่ถูกหู แต่มันก็อาจชี้จุดบกพร่องที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนได้ และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลที่เขากลายมาเป็นราชาแห่งนวนิยายสยองขวัญ ที่มีผลงานรับประกันความสนุก ขนหัวลุก แต่ก็ยังน่าหลงใหล ใครที่ชอบอ่านนวนิยายแนวตื่นเต้นลุ้นระทึก การันตีด้วยยอดขายกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลก งานเขียนของสตีเฟน คิง เป็นอีกสิ่งที่พลาดไม่ได้เลย
ที่มา
https://www.biography.com/writer/stephen-king
https://www.britannica.com/biography/Stephen-King
https://www.youtube.com/watch?v=8JyXZC_e0yY
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ประกาศผลสุดยอดสตาร์ทอัพ คว้ารางวัลจาก "Finno Efra Accelerator Demo Day Batch 1"
13 มี.ค. 2568
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design” นวัตกรรมผู้เชี่ยวชาญอัจฉริยะ ให้คำปรึกษาด้านงานสี 24 ชั่วโมงรายแรกของเมืองไทย
13 มี.ค. 2568
‘เฮนรี จอห์น ไฮนซ์’ นักการตลาดหัวขบถ พลิกจากล้มละลายกลายเป็น ‘ราชาซอสมะเขือเทศ’
13 มี.ค. 2568
แท็กที่เกี่ยวข้อง
Culture
The People
Stephen King
Author