ชีวิต ‘ดอนนี่ เยน’ ดารานักบู๊แถวหน้าเอเชีย เคยติดหนี้เกือบสิ้นท่า ได้ดีอีกหนเพราะภรรยา

ชีวิต ‘ดอนนี่ เยน’ ดารานักบู๊แถวหน้าเอเชีย เคยติดหนี้เกือบสิ้นท่า ได้ดีอีกหนเพราะภรรยา

‘ดอนนี่ เยน’ ดารานักบู๊แถวหน้าเอเชีย ก่อนจะประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง เขาเคยล้มเหลวเกือบสิ้นท่า เคยเป็นหนี้สินจากการทำภาพยนตร์แล้วรายได้ไม่เข้าเป้า แต่กลับมาได้ดีอีกหน ส่วนหนึ่งก็เพราะภรรยา

  • ดอนนี่ เยน เวลานี้เป็นอีกหนึ่งนักแสดงเอเชียที่คอหนังทั่วโลกคุ้นเคยกันดีแล้ว หากย้อนไปก่อนหน้านี้ เขาเคยทำหนังแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เป็นหนี้สินจนแทบไม่มีเงิน
  • ดอนนี่ เยน ได้คำแนะนำจากภรรยาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เส้นทางชีวิตของเขากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง มีผลงานโดดเด่นต่อเนื่องมาจนถึงปี 2023 ทั้งผลงานฟอร์มยักษ์ฝั่งฮอลลีวูด และภาพยนตร์จีนแนวกำลังภายใน

John Wick: Chapter 4 นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ผู้ชมทั่วโลกรอคอย โดยเฉพาะในภาคนี้ที่มีนักแสดงแอกชั่นอันดับหนึ่งของเอเชีย ‘ดอนนี่ เยน’ หรือ เจิ้นจื่อตัน ในบท ‘เครน’ นักฆ่าตาบอดของสภาสูง (High Table) เพื่อนเก่าของ จอห์น วิค

‘ดอนนี่ เยน’ นับว่าเป็นนักแสดงที่ใช้เวลาไต่เต้าสู่ความสำเร็จยาวนานกว่านักแสดงร่วมรุ่น อย่าง เจ็ท ลี ที่เรียนวิชาการต่อสู้ที่ Beijing Wushu Academy ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของอาจารย์วูบิน มาด้วยกัน นับจากผลงานแสดงนำเรื่องแรก Drunken Tai Chi (1984) จนมาประสบความสำเร็จจริงๆ ใน Ip man (2008) นับเป็นเวลา 24 ปี ถ้าถามว่าส่วนนึงของความสำเร็จของเขามาไหน ส่วนสำคัญคือ แม่ ของเขาเอง

โบ ซิม มาร์ก (Bow Sim Mark) ฝึกศิลปะการต่อสู้(วูซู) ตั้งแต่สมัยประถม และเรียนวูซูอย่างจริงจังในสมัยมัธยมปลายกับ ฟู่หวิงเหว่ ปรมาจารย์กังฟู ถึง 10 ปี ก่อนที่จะแต่งงานกับ ไคลสเตอร์ เยน (Klyster Yen) บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และคลอดลูกชาย คือ ‘ดอนนี่ เยน’ วันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1963 ที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน

ในปี 1975  โบ ซิม มาร์ก และครอบครัวได้ย้ายไปที่บอสตัน แมสซาชูเซตส์ เธอได้ก่อตั้ง The Chinese Wushu Research Institute ลูกศิษย์คนแรกของสถาบันคือ ดอนนี่ เยน โดยเธอถ่ายทอดวิชาต่อสู้ให้ทั้งไทเก็กและวูซูให้ลูกชายของเธอ

ตั้งแต่ ดอนนี่ เยนเริ่มจำความได้ เมื่อมีแฟนคลับถามว่า ดอนนี่ เยน ฝึกกังฟูมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขามักจะตอบอย่างติดตลกอยู่เสมอว่า

“ตั้งแต่ในครรภ์มารดาแล้ว”

เมื่อเติบโตขึ้นมาจนอายุ 15 ปี ดอนนี่ เยน ก็อยากเรียนมวยจีน โบ ซิม มาร์ก ผู้เป็นแม่มีความสนิทสนมกับ อาจารย์อู๋ปิน จึงฝากลูกชายมาฝึกมวยจีนกับอาจารย์อู๋ปิน ซึ่งในตอนนั้นอาจารย์อู๋ปินมีศิษย์เอก อีกคนคือ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือเจ็ท ลี แชมป์เยาวชนกีฬาวูซูระดับประเทศ  5 ​ ปีซ้อน

ระหว่างอยู่ที่สำนัก​ ทั้งสองได้พบกันเพียงแค่สองครั้ง​ เพราะ​หลี่เหลียนเจี๋ย ต้องเดินสายแข่งขัน​ ส่วนดอนนี่​เยน​ เมื่อมาถึง​ อาจารย์อู๋ปินมองเห็นปัญหาเรื่องการยืดหยุ่นร่างกายของเขายังน้อย​ จึงให้ไปฝึกมวยกับศิษย์ผู้หญิง​ โดยให้​ หวงชิวหยาน​ (ภรรยาคนแรกของหลี่เหลียนเจี๋ย)​ เป็นคนดูแล​

ภายหลัง​ หลี่เหลียนเจี๋ย​ แสดงภาพยนตร์เรื่อง​ เสียวลิ้มยี่ (1982) แล้วประความสำเร็จ​อย่างมากในจีนผ่นดินใหญ่และฮ่องกง​จนมีการสร้างภาคต่ออีกสองภาคตามมา ดอนนี่ เยน มองว่าความสำเร็จของหลี่เหลียนเจี๋ย ในแผ่นดินใหญ่นั้นคงจะไม่ยั่งยืน ในยุค 80s ฮ่องกงคือเมืองแห่งภาพยนตร์ของเอเชีย ดอนนี่ เยน จึงเก็บกระเป๋าอำลาอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักมาเผชิญโชคในฮ่องกงในปี 1982

ดอนนี่ เยน เริ่มงานภาพยนตร์ด้วยการเป็นทีมงานของหยวนวูปิง ทำงานเบื้องหลังในภาพยนตร์เรื่อง​ไอ้โอ่งหมัดเทวดา​ Miracle Fighters 2 (1982) ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสแสดงบทนำกับภาพยนตร์​ Drunken Tai Chi (1984) และหนังโรแมนติก​คอมเมดี้อย่าง​  ท่านตี๋มีระดับ​ Mismatched Couples (1985) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องหลังทำให้ ดอนนี่ เยน มีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้เขากลายเป็นนักแสดงเกรดเอของฮ่องกงในยุคนั้นได้

จนกระทั่งหลี่เหลียนเจี๋ย​ ประสบความสำเร็จ​จากบทบาทของหวงเฟยหง​ ดอนนี่​ เยน​ ก็มาแสดง​เป็นตัวร้ายและต่อสู้กันกับศิษย์พี่ร่วมสำนักของเขา หลี่เหลียนเจี๋ย​ ใน​ หวงเฟยหง​ ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร หรือ หวงเฟยหง ตอน ถล่มวังบัวขาว​ ในปี​ 1992

ในช่วงยุค 90s เป็นช่วงเวลาที่ภาพยนตร์กำลังภายในได้รับความนิยมอีกครั้ง หยวนวูปิงเองก็พยายามผลักดันให้ ดอนนี่ เยน ได้เป็นดาราแอกชั่นที่เทียบเคียงความดังให้เท่ากับ เฉินหลง และ หลี่เหลียนเจี๋ย ให้ได้ ด้วยผลงานอย่าง มังกรเหล็กตัน Iron Monkey (1993) ที่ดอนนี่ เยน รับบท หวงฉีอิง บิดาของ หวงเฟยหง ภาพยนตร์ถูกยกย่องโดยนักวิจารณ์ แต่กลับทำรายได้เพียง 6 ล้านเหรียญฮ่องกงตลอดการฉาย แต่ภายหลังทางมิราแม็กซ์ (Miramax) นำภาพยนตร์ยนตร์เรื่องนี้ไปออกฉายที่สหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคม ปี 2001 ภาพยนตร์ทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรก 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะปิดรายได้ตลอดการฉายที่ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อมังกรเหล็กตันไม่ประสบความสำเร็จในช่วงเวลานั้น ดอนนี่ เยน ก็กลับมารับบทสมทบในภาพยนตร์ และแสดงละครโทรทัศน์ของเอทีวี เรื่อง เฉินเจิน มังกรผงาดฟ้า Fist Of Fury (1995) ผลงานกำกับของ เบนนี่ ชาน เฉินมู่เซิง ผู้กำกับ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ

ดอนนี่ เยน เริ่มต้นอาชีพผู้กำกับครั้งแรกในชีวิตกับภาพยนต์เรื่อง ตำนานเจ้าหมาป่า  Legend of the Wolf (1997) แม้ว่าภาพยนต์ของเขาจะได้รับเสียงชมเชยจากนักวิจารณ์  แต่ล้มเหลวด้านรายได้ จนเขามีหนี้สินมหาศาล ต้องหยิบยืมเงินจากคนในกองถ่ายและเงินกู้นอกระบบมาประทังชีวิต 

ชีวิตของเขาในช่วงเวลานั้นมีเงินอยู่ในบัญชีแค่ 100 เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 400 กว่าบาท เพื่อน ๆ รอบตัวเห็นใจสภาพที่เขาเป็นจนต้องชักชวนเขามาร่วมทานข้าวด้วยเสมอ หนึ่งในนั้นคือ หลี่เหลียนเจี๋ย เพื่อนร่วมรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงเวลานั้น หลี่เหลียนเจี๋ย เปลี่ยนไปใช้ชื่อการแสดงว่า เจ็ท ลี และเริ่มรับงานแสดงที่อเมริกาหลังจากฮ่องกงถูกส่งคืนให้จีน

ในช่วงยุค 90s นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ ดอนนี่ เยน ล้มเหลวทั้งเรื่องความรักและการงาน ย้อนไปเมื่อดอนนี่ เยน เริ่มเข้าวงการใหม่ ๆ เขาได้พบ เหลียงจิงซี(梁靜慈) ในปี 1990 ภรรยาคนแรกของเขา ทั้งคู่ได้แต่งงานกันในปี 1993 ที่สหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายการแต่งงานครั้งนี้ก็ดำเนินไปเพียงแค่ปีกว่า ๆ ทั้งคู่ก็หย่าร้างกัน ซึ่งฝ่ายหญิงมารู้เอาหลังจากหย่าว่าเธอได้ตั้งท้องลูกกับเขาแล้วด้วย ลูกชายคนแรกของเขาจึงลืมตาดูโลกมาตอนที่พ่อกับแม่หย่าร้างกันไปแล้ว เมื่องานเบื้องหน้าไม่ประสบความสำเร็จ ดอนนี่ เยน จึงหันมาทำงานเบื้องหลัง โดยการเป็นผู้กำกับคิวบู๊

เขาย้ายไปหาลู่ทางใหม่ที่สหรัฐอเมริกาด้วยการเป็นนักออกแบบท่าการต่อสู้ในภาพยนตร์ นักรบล่าข้ามศตวรรษ Highlander: Endgame (2000) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง ดาบอหังการ ปราณีไม่มีเด็ดขาด The Princess Blade (2001) และ เบลด 2 นักล่าพันธุ์อมตะ Blade II (2002) ซึ่งเรื่องสุดท้ายเขาได้มีโอกาสแสดงในบทเล็ก ๆ อีกด้วย จนทำให้เขาสามารถปลดหนี้และพอจะมีฐานะขึ้นมาบ้าง

และเป็น เจ็ท ลี เพื่อนของเขาที่บอกจางอี้โหมวว่า เขาอยากจะให้ ดอนนี่ เยน มาแสดงในบท ฟ้าเวิ้ง ในภาพยนตร์เรื่อง Hero(2002) เพราะคงมีแต่เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ที่จะพอเล่นฉากต่อสู้กับเขาแล้วออกมาตื่นเต้นเร้าใจผู้ชมได้ และนั่นเองทำให้ดอนนี่ เยน กลับมาสู่หน้ากล้องอีกครั้ง และส่งผลให้ปีถัดมาเขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่องคู่ใหญ่ ฟัดทลายโลก Shanghai Knights (2003) ประกบกับ เฉินหลง และโอเว่น วิลสัน

และก็เป็นปี 2003 ที่ดอนนี่ ได้พบรักอีกครั้งกับ เซซิเลีย หวัง อดีตมิสไชนีส โตรอนโต้ ( Miss Chinese Toronto) ทั้งคู่เหมือนเป็นรักแรกพบของกันและกัน จากวันแรกที่ได้รู้จัก เพียง 5 วันทั้งคู่คบหาเป็นแฟน และ 3 เดือนให้หลังทั้งคู่ก็แต่งงาน ความรักอันรวดเร็วเช่นนี้ ทำหลายคนตกใจอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับดอนนี่ เยน การพบกับ เซซิเลีย หวัง คือโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตของเขาอีกครั้ง

 

ฮ่องกงแหล่งกำเนิดมังกร

เซซิเลีย หวัง เป็นเด็กสาวจีนที่เติบโตในโตรอนโต แคนาดา และเป็นลูกสาวของครอบครัวที่มีธุรกิจเครื่องเพชรอยู่ที่นั่น จนเธอมีฉายาว่า เจ้าหญิงแห่งเพชร หลังแต่งงาน ก็เป็นเธอที่ชี้โอกาสความสำเร็จให้กับเขา ในเมื่อฮ่องกงเวลานี้ (2003) ไม่มีทั้งเฉินหลง และเจ็ท ลี ฮ่องกงย่อมขาดแอกชั่นสตาร์ ทำไมเขาถึงไม่กลับไปเป็นอันดับหนึ่งที่ฮ่องกงล่ะ

และเป็นเซซิเลีย หวังในวัย 22 ปี (ในขณะนั้น) ที่ย้ายตามสามีมาอยู่ฮ่องกงอย่างถาวร เพื่อสนับสนุนเขา

แม้ทุกคนจะมองว่าวงการภาพยนตร์​ฮ่องกงตายแล้ว​ แต่​ฮ่องกง​เป็นสถานที่ที่สร้าง​บรูซ​  ลี​  เฉินหลง​ หลี่เหลียน​เจี๋ย​ ให้เป็นดารานักแอกชั่นระดับโลกมาแล้ว​

ดอนนี่ เยน กลับมาฮ่องกง พร้อมผลงาน คู่พายุฟัด The Twins Effect (2003) และ คู่ใหญ่พายุฟัด 2 The Twins Effect II (2004) ที่ได้สองสาวสุดฮอตในยุคนั้น อาซา และ อาเจียว แห่งทวินส์มาแสดงนำ โดยทั้งสองภาคมีเฉินหลง ร่วมแสดงในบทรับเชิญ

ดอนนี่ เยน และ เซซิเลีย หวัง เป็นแฟนพันธ์แท้ MMA Ultimate Ultimate Championship และได้ร่วมชมการแข่งขัน UFC เกือบทุกรายการ นั่นทำให้ผลงานในปีถัดมา ทีมล่าเฉียดนรก SPL: Sha Po Lang (2005) ได้มีการแสดงการต่อสู้แบบ Mixed martial art และภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้ ดอนนี่ เยน รู้จักกับวิลสัน ยิป ผู้กำกับคู่บุญ ของเขาในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น ดอนนี่ เยน ก็เริ่มมีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง อาทิ เจ็ดกระบี่เทวดา Seven Swords (2005) ผลงานกำกับของฉีเคอะ ปะฉะดะ คนเหนือยุทธ  Dragon Tiger Gate (2006) และ ลุยบ้าเลือด  Flash Point (2007)ซึ่งเป็นผลงานกำกับของ วิลสัน ยิป

ปี 2008 นับว่าเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตทางการแสดงของ ดอนนี่ เยน อย่างแท้จริง กับบทบาท ปรมาจารย์มวยหย่งชุน ยิปมัน ใน ยิปมัน เจ้ากังฟูสู้ยิบตา Ip Man (2008) ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่เขาทำงานร่วมกับผู้กำกับวิลสัน ยิป

เมื่อยิปมัน​ เจ้ากังฟูสู้ยิบตาออกฉาย​ในวันที่​ 12 ธันวาคม​ 2008 ก็ทำรายได้จากการฉายทั่วโลก​ 22​ ล้านเหรียญ​สหรัฐ​ ก่อนที่ดอนนี่​ เยน​ และ​วิลสัน​ ยิป​ จะสร้างภาคต่อมาจนถึง​ 4​ ภาค​ โดยภาคสุดท้ายทำรายได้สูงถึง​ 176 ​ล้านเหรียญ​สหรัฐ ปลุกกระแสหนังกังฟู​ฮ่องกง​ให้เฟื่องฟูอีกครั้ง​ และยังทำให้ดอนนี่​ เยน​ ในวัย​ 45 ​ปี​ ได้แจ้งเกิดเสียที​หลังจากที่นำแสดงในภาพยนตร์​กังฟูมาตั้งแต่ยุค​ 80s​ ซ้ำยังทำให้ชื่อยิปมัน​ ปรมาจารย์​มวยหย่งชุน​ กลายเป็นที่รู้จักเทียบเคียงได้กับ​ หวงเฟยหง​ ปรมาจารย์​มวยหงฉวน​ แห่งฝอซาน

ยิปมัน เป็นบทสำคัญที่ทำให้ ดอนนี่ เยน ได้เป็นแอกชั่นสตาร์เบอร์หนึ่งของฮ่องกงได้จริง ๆ ตามสิ่งที่ภรรยา เซซิเลีย หวัง เคยแนะนำเขาไว้ ความสำเร็จนี้ปูทางให้เขาทั้งประเทศจีน และฮอลลีวู้ด ที่เขาได้มีโอกาส แสดงภาคต่อของพยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ใน พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก 2 ชะตาเขียว Crouching Tiger, Hidden Dragon: Sword of Destiny (2016) ภาพยนตร์ไซไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์ โรกวัน: ตำนานสตาร์วอร์ส Rogue One: A Star Wars Story(2016) และประกบวิน ดีเซล ในทริปเปิ้ลเอ็กซ์ 3 ทลายแผนยึดโลก XXX: Return of Xander Cage (2017) รวมถึง มู่หลาน Mulan (2020)

หลังจากประสบความสำเร็จจากยิปมันแล้ว ดอนนี่ เยน ก็เลือกบทบาทที่เขาเคยใฝ่ฝันที่จะแสดง อาทิ บท เฉินเจิน ในภาพยนตร์เฉินเจิน หน้ากากฮีโร่ Legend of the Fist: The Return of Chen (2010) บท กวนอู ในภาพยนตร์ ฮีโร่สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู The Lost Bladesman (2011) บท หลิวจินซี ที่ย้อนรอยความสำเร็จของหวังหยู่ ในเดชไอ้ด้วน ในภาพยนตร์ Wuxia : นักฆ่าเทวดาแขนเดียว (2011)

และล่าสุดในปีนี้ (2023) กับ บทบาท เฉียวฟง ในภาพยนตร์ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ตอน ตำนานแห่งเฉียวฟง SAKRA (2023) ที่กำลังออกฉายและทำรายได้ทั่วเอเชียในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมานี้

ดอนนี่ เยน นับว่าเป็นนักแสดงที่ใช้เวลานานกว่ายี่สิบปีจึงจะกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการได้ ในภาษาจีนมีสุภาษิตหนึ่งว่า

“กอไผ่ทึบมิอาจกั้นสายน้ำไหล ภูผาสูงมิอาจขวางเมฆลอย”

ความหมายคือ หากแม้นมีความมุ่งมั่นพยายาม อุปสรรคใด ๆ ก็ล้วนผ่านไปได้ 24 ปีแห่งความพยายามในการไขว่คว้าหาความสำเร็จ แม้ความสำเร็จจะมาช้า แต่ความสำเร็จก็หอมหวานเสมอสำหรับผู้ที่ออกเรี่ยวแรงคั้นมันด้วยมือของตนเอง