เพลง ‘Viva La Vida’ ของ Coldplay จากการตีความกษัตริย์ทรราช สู่คดีโดนฟ้องว่าก๊อปปี้ทำนอง

เพลง ‘Viva La Vida’ ของ Coldplay จากการตีความกษัตริย์ทรราช สู่คดีโดนฟ้องว่าก๊อปปี้ทำนอง

‘Viva La Vida’ เพลงดังของ Coldplay วงป็อปแถวหน้าของวงการมีเนื้อหาที่มาจากการตีความพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กษัตริย์ฝรั่งเศสที่โดนประหารในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส แม้เพลงจะโด่งดังแต่ก็เคยถูกฟ้องคดีลอกทำนองเพลง

  • เพลง ‘Viva La Vida’ ของ Coldplay ถูกแต่งเนื้อหาขึ้นจากการตีความพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กษัตริย์ฝรั่งเศสที่ถูกประหารหลังประชาชนลุกฮือขึ้นครั้งปฏิวัติฝรั่งเศส
  • ศิลปินหลายรายกล่าวอ้าง เพลง ‘Viva La Vida’ ลอกเลียนทำนองเพลงของพวกเขาไป แต่ที่เป็นคดีใหญ่คือวงถูกมือกีตาร์ฮีโร่รายหนึ่งฟ้องร้องว่าลอกไปจากเพลง ‘If I Could Fly’

คำว่า “โน้ตมีแค่ 7 ตัว - มันอาจจะเหมือนกันได้เป็นธรรมดา” มักจะกลายเป็นคำแก้ตัวที่ศิลปินมักกล่าวอ้างเสมอ เมื่อบทเพลง ๆ หนึ่งเผลอไปเหมือนกับเพลง ๆ หนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นมานาน ไม่ว่าจะเป็นวงการดนตรีบ้านเรา หรือแม้กระทั่งวงการดนตรีระดับโลก 

มีมีกรณีพิพาทหนึ่งซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี เมื่อวงขวัญใจมหาชนอย่าง Coldplay ถูกรุ่นใหญ่แห่งวงการกีตาร์ฮีโร่ โจ ซาเตรียนี่ (Joe Satriani) กล่าวอ้างว่า วง Coldplay ได้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยดัดแปลงทำนองของเพลง If I Could Fly ของเขาไปใส่ในเพลง ‘Viva La Vida’ ซึ่ง Coldplay เองก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่จำเป็นใด ๆ ที่ต้องหยิบยืมเพลงของใครมาใส่ในเพลงของเขา” จนเกิดเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลในเวลาต่อมา 

‘Viva La Vida’ คือหนึ่งในเพลงสุดฮิตของ Coldplay ซิงเกิ้ลจากอัลบั้ม Viva la Vida or Death and All His Friends (2008) ยุคที่ยังคงเกาะกุมความนิยมของฐานแฟนเพลงรุ่นบุกเบิกและต้อนรับแฟนเพลงรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้บทเพลงจะกล่าวอ้างด้วยน้ำเสียงจริงจัง ด้วยการเล่าเรื่องของการปฏิวัติฝรั่งเศส และการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16

โดยบทเพลงอ้างอิงช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ของการลุกฮือประท้วงของประชาชนชาวฝรั่งเศสที่ไม่อาจฝืนทนการถูกกดขี่โดยระบบกษัตริย์ จนทุกคนลุกฮือประท้วงและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่กุมอำนาจในยุคนั้นกุมขัง และประหารชีวิตในเวลาต่อมา

ก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จะถูกลงทัณฑ์ด้วยกิโยติน พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พยายามจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าฝูงชน แต่เสียงโห่ร้องเซ็งแซ่กลับกลบเสียงเขาจนสิ้น ก่อนที่คอของเขาจะหลุดจากบ่า และคำสุนทรพจน์นั้นก็เลือนหายไปตลอดกาล

คริส มาร์ติน นักร้องนำของ Coldplay เขียนเพลงนี้ขึ้น เพื่อพยายามตีความของสุนทรพจน์อันเลือนหายในครั้งนั้น ถึงแม้จะดูเป็นการเข้าข้างกษัตริย์ฝรั่งเศสผู้ทรราช แต่มิติที่เขาเขียนนั้นกำลังบอกถึงความเสียใจในฐานะมนุษย์ และจำต้องยอมรับชะตากรรมที่เขาได้หลงแก่อำนาจ ละเลยมองข้ามเสรีภาพที่ประชาชนควรและควรได้รับ

ซึ่งเพลงเนื้อหาหนักอึ้งนี้ได้รับการตอบรับทั้งคนฟังจนทำเพลงทะยานขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของ UK Charts และทำยอดขายได้ในระดับ 3 แพลตินัม ในขณะเดียวกัน บทเพลงก็ตรึงใจนักวิจารณ์ในฐานะบทเพลงที่สร้างมุมมองใหม่ และเป็นการเพรียกหาเสรีภาพอันทรงพลัง และเป็นหนึ่งในบทเพลงอันทรงพลังที่ Coldplay บรรจุไว้ใน Song List ทุก ๆ คอนเสิร์ต

โดยเฉพาะช่วงหนึ่งในมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกปี 2012 วง Coldplay ก็ร้องเพลงในพิธีปิดของพาราลิมปิกในปีนั้น หรือแม้กระทั่ง ‘โรเซ่’ สมาชิกในวง BLACKPINK ยังหยิบเพลงนี้มาคัฟเวอร์ฉลองวันเกิดครบรอบ 25 ปีของเธอ

ซึ่งเพลงนี้มันควรจะจบลงอย่างงดงามในฐานะหนึ่งในบทเพลงยอดเยี่ยมของ Coldplay เฉกเช่น Yellow, Fix You หรือ In My Place แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อมีผู้กล่าวอ้างว่า Coldplay ได้หยิบยืมทำนองของพวกเขาเอามาใส่ในเพลง แถมไม่ใช่รายเดียวด้วยที่กล่าวหา 

รายแรกคือวง Creaky Boards ที่กล่าวอ้างว่าเพลง Viva La Vida เหมือนกับเพลง The Songs I Didn't Write ของพวกเขา โดยอ้างหลักฐานว่า Coldplay เคยมาดูการแสดงของพวกเขา แต่ท้ายที่สุดการกล่าวอ้างก็ไม่เป็นผล เมื่อ Coldplay สวนกลับว่าเขาทำเพลงนี้ก่อนที่เพลง The Songs I Didn't Write จะถูกปล่อยถึง 7 เดือน

ศิลปินอีกรายก็คือ Yusuf Islam หรือที่รู้จักในนาม Cat Stevens ที่โจมตีว่า Viva La Vida เหมือนกับเพลง Foreigner Suite ที่ออกขายในปี 1973 แต่ก็ถูกปัดทิ้งออกไปเพราะฟังอย่างไรก็ไม่เหมือน ซ้ำร้าย Cat Stevens ยังถูกมองว่าพยายามเต้าข่าวเพื่อเกาะกระแสความดังของ Viva La Vida เท่านั้น

แต่รายที่เป็นข่าวครึกโครมที่สุดกลับเป็นมือกีตาร์ระดับตำนาน ‘โจ ซาเตรียนี่’ ที่มองว่าเพลงของ Coldplay นั้นเหมือนและคล้ายกับเพลง If I Could Fly เพลงในปี 2004 ซึ่งฟังตอนแรกก็รู้สึกได้ว่า เหมือนกันจนน่าขนลุก ซึ่งไม่ได้จบแค่การออกข่าวเท่านั้น แต่โจ ซาเตรียนี่ ถึงกับนำเรื่องนี้ขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว โดยเป้าหมายคือการเรียกร้องความเป็นธรรม และต้องการส่วนแบ่งจากความสำเร็จของการละเมิดเพลง ๆ นี้ 

“ผมรู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงทะลุที่หัวใจ มันเจ็บปวดมาก” ซาเตรียนี่ บอกกับเว็บไซต์ Music Radar ในช่วงเวลานั้น

“ตั้งแต่วินาทีที่เพลงของพวกเขาถูกปล่อยออกมา กล่องอีเมลของผมก็หลั่งไหลไปด้วยผู้คนที่ถามว่า ‘คุณเคยได้ยินเพลงนี้ของ Coldplay ไหม? พวกเขากำลังท้าทายคุณ' คือผมไม่ไม่สามารถบอกได้ว่าอีเมลที่ส่งมามันมีกี่ฉบับ แต่ทุกคนสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างเพลง มันค่อนข้างชัดเจนว่าวงนั้นลอก และเมื่อผมฟังเพลงนั้น ก็ถึงกับอุทานว่า ‘นี่มันเพลงIf I Could Fly ของผมชัดๆ’ ”

ซึ่ง Coldplay ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า พวกเขาไม่ได้ก๊อปเพลงของคนอื่นมา ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่เขาจะลดศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการไปขโมยเพลงอื่นมาทำ โดยภายหลัง Coldplay ได้แถลงถึงกรณีพิพาทนี้ว่า

“ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดต่อ โจ ซาเตรียนี่ หากบทเพลงของเราทั้งสอง จะมีความคล้ายคลึงใด ๆ ขอให้รับรู้ไว้ว่ามันคือความบังเอิญ ซึ่งเราเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกันกับคุณ” 

ในขณะที่ วิล แชมป์เปี้ยน มือกลองของวง Coldplay ก็กล่าวถึงกรณีของเพลงนี้ที่หลายต่อหลายคนพยายามอ้างสิทธิ์ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ลอก กับเว็บไซต์ hamptonroads.com ว่า

“มันทำใจลำบากนะ ที่ถูกกล่าวหาว่าเราขโมยเพลงคนอื่นมาทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ขโมย เราพยายามมองว่าในความจำกัดของจำนวนตัวโน้ต ไม่แปลกที่มันจะมีความคล้ายคลึงกันได้ ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนามากกว่า ว่าคุณจะขโมยเพลงคนอื่นมาใส่ทำไม ซึ่งเราไม่เคยทำ และไม่มีความคิดในหัวที่จะทำ ข้อดีของมันก็คือ มันแสดงว่า เพลงของพวกเรามันประสบความสำเร็จว่ะ” 

ในที่สุดคดีความที่ยืดเยื้อเป็นปีก็ได้รับบทสรุปที่ว่า Coldplay รอดพ้นจากมลทินมัวหมองทั้งปวง แม้จะไม่มีการแสดงคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย แต่หลายคนก็เดาว่าทั้งสองน่าจะไปทำความตกลงกันนอกรอบโดย Coldplay น่าจะมอบเงินบางส่วนให้กับ โจ ซาเตรียนี่ เพื่อจบคดีและความค้างคา

แม้เรื่องราวในช่วงสุญญากาศก่อนการประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จะเป็นเนื้อหาที่หนักอึ้งและจริงจัง ซ้ำร้ายเรื่องราวนอกเหนือจากนั้นคือการฟ้องร้องเรื่องการลอกเลียนทำนองเพลง แต่ท้ายที่สุด แก่นของบทเพลงนี้ที่วงเองพยายามจะบอกก็คือ “จงพยายามจดจำทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้ายทุกสิ่งล้วนสำคัญ”

ซึ่งแน่นอนว่า คริส มาร์ติน และ Coldplay เอง ก็คงจะจดจำเรื่องราวการฟ้องร้องและการก๊อปปี้เพลงไปชั่วชีวิตเช่นกัน

 

ภาพ: Getty Images

ข้อมูลประกอบการเขียน

Medium

Song Facts

The Guardian

Billboard