31 ม.ค. 2566 | 15:09 น.
- สะสม พบประเสริฐ คืออีกหนึ่งนักเตะและกุนซือที่โลดแล่นในวงการฟุตบอลไทยมายาวนาน การันตีความสำเร็จทั้งในระดับนักเตะและกุนซือ
- สมัยเล่นกับสโมสรธนาคารกสิกรไทย เคยคว้าแชมป์สโมสรเอเชีย 2 สมัย เมื่อเป็นกุนซือ ก็พาทีมการท่าเรือฯ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ และโตโยต้า ลีกคัพ
หากจะพูดถึงผลงานของวงการฟุตบอลไทยในระดับนานาชาตินั้น ในส่วนทีมชาติไทย ขุนพลข้างศึกของเราเคยทำผลงานได้ดีที่สุดในระดับทวีปเอเชียก็คือการคว้าอันดับที่ 3 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียหรือเอเอฟซี เอเชียน คัพ (AFC Asian Cup) ในปี 1972 มาครองได้ และนับเป็นผลงานระดับนานาชาติที่ดีที่สุดของทีมชาติไทย และหลังจากนั้น ทีมชาติไทยก็มาได้อันดับ 4 ในฟุตบอลของกีฬาเอเชียนเกมส์ 1990 และ 1998 ในยุคที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าให้การรับรองผลการแข่งขันเป็นแบบ FIFA International A Match
ขณะที่ในระดับสโมสร ทีมจากประเทศไทยเคยก้าวไปถึงการเป็นแชมป์ฟุตบอลสโมสรระหว่างทวีปเอเชียและแอฟริกามาแล้วในศึกแอฟโร-เอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ (Afro-Asian Club Championship) รวมทั้งการเป็นแชมป์สโมสรเอเชียในศึกเอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ (Asian Club Championship) ในช่วงยุค 90s ซึ่งสโมสรนั้นก็คือธนาคารกสิกรไทย ผลงานของทีมตรารวงข้างในยุคนั้นยังเป็นที่กล่าวถึงมาจนทุกวันนี้
นอกจากผลงานของสโมสรธนาคารกสิกรไทยจะก้าวไปในระดับทวีปแล้ว ด้านนักฟุตบอลนั้นหลายคนก็ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยทั้งในยุคนั้นและในเวลาต่อมาไม่ว่าจะเป็นนิพนธ์ มาลานนท์, เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์, วรวุธ ศรีมะฆะ และสุรชัย จตุรภัทรพงศ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ สโมสรธนาคารกสิกรไทยยังมีนักฟุตบอลอีกหลายคนที่มีฝีเท้าไม่ธรรมดาและมีโอกาสไปร่วมในเวทีทีมชาติบ้างบางครั้งซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือชายร่างเล็กที่ชื่อว่า ‘สะสม พบประเสริฐ’ ที่ปัจจุบันนี้คือโค้ชของสโมสรชลบุรี เอฟซี
บทความนี้จะพาทุกท่านไปย้อนดูเส้นทางของ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ ซึ่งมีฝีไม้ลายมือและลีลาการคุมทีมที่ติดตาตรึงใจแฟนฟุตบอลไทยหลายคน
คว้าแชมป์เอเชียสมัยเป็นนักเตะ
สะสม พบประเสริฐ คือนักฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางที่มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สโมสรธนาคารกสิกรไทยสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ได้ในช่วงปี 1992-1995 รวมทั้งการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์ คัพ 4 สมัยในช่วงปี 1994-1997
และด้วยผลงานการคว้าแชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท ก. ทำให้สโมสรธนาคารกสิกรไทยที่เจ้าตัวสังกัดได้สิทธิ์ไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียในยุคนั้นอย่างเอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ และสะสม พบประเสริฐ ก็มีส่วนร่วมในการพาสโมสรธนาคารกสิกรไทยสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์สโมสรเอเชียได้ถึง 2 สมัยในปี 1993-1994 และ 1994-1995 พ่วงมาด้วยการได้อันดับ 3 ในปี 1995-1996
สะสม พบประเสริฐ คือหนึ่งในขุนพลของสโมสรธนาคารกสิกรไทยที่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ระหว่างทวีปอย่างศึกแอฟโร-เอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ (Afro-Asian Club Championship) ในปี 1994 ด้วยการปราบสโมสรซามาเลค สปอร์ต คลับ (Zamalek S.C.) ของประเทศอียิปต์ ก่อนที่ในปีถัดมาจะชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดายเพราะพ่ายให้กับสโมสรเอสเปรองซ์ สปอร์ติฟ เด ตูนิส (Espérance Sportive de Tunis) ของประเทศตูนิเซียไป เรียกได้ว่าเจ้าตัวอยู่ในช่วงรุ่งเรืองของสโมสรธนาคารกสิกรไทยชุดสร้างประวัติศาสตร์สะท้านทวีปเอเชียในระดับสโมสร
หลังจากสะสม พบประเสริฐ ค้าแข้งอยู่กับสโมสรธนาคารกสิกรไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรที่มาแรงแห่งยุคอย่างสโมสรบีอีซี เทโรศาสน และที่สโมสรแห่งนี้เองที่เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยอย่างศึกไทยลีกมาครองได้ 2 สมัยในฤดูกาล 2000 และ 2001-2002 รวมทั้งการเป็นแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ในปี 2000 ร่วมกับทีมเจ้าบุญทุ่มในยุคสมัยนั้น
ด้านผลงานการรับใช้ทีมชาติไทยนั้น สะสม พบประเสริฐ ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกในวัย 30 ปี ช่วงปี 1997 ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ โดยสามารถยิงประตูแรกและประตูเดียวในนามทีมชาติไทยได้ในเกมพบกับทีมชาติสวีเดน รอบชิงชนะเลิศที่ทีมชาติไทยพ่ายแพ้ต่อทีมชาติสวีเดนไป 1-3
นอกจากนี้ เจ้าตัวคือขุนพล 11 ตัวจริงในนัดที่ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติโรเมเนียไปได้ 1-0 ในรอบแรกของรายการดังกล่าว เพียงแต่การแข่งขันในนัดนั้นไม่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าเนื่องจากทีมชาติโรเมเนียมาในนามทีมชาติชุดรวมลีก
เส้นทางการคุมทีม
หลัง สะสม พบประเสริฐ ยุติบทบาทในฐานะนักฟุตบอลแล้ว เจ้าตัวตัดสินใจไปเรียนด้านการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ประเทศเยอรมนี และสำเร็จในหลักสูตรยูฟ่า เอ ไลเซนส์ (UEFA - A License) จากนั้นเมื่อกลับมาเป็นผู้บรรยายกีฬาฟุตบอลทางทรูวิชันส์ (True Vision) ก็คุมทีมฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 14 และ 16 ปี ก่อนที่จะมารับบทผู้จัดการทีมของสโมสรบีอีซี เทโรศาสน เป็นการชั่วคราวในฤดูกาล 2004-2005
ผลงานด้านการคุมทีมของ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ รุ่งเรืองในยุคที่เจ้าตัวมารับงานคุมทีมสโมสรการท่าเรือไทยในปี 2009-2011 โดยเพียงการคุมทีมในปีแรก สะสม พบประเสริฐ พาสโมสรการท่าเรือไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลไทยคม เอฟเอ คัพ 2009 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเอาชนะจุดโทษ สโมสรบีอีซี เทโรศาสนไป 5-4 หลังจากที่ในเวลาการแข่งขันเสมอกัน 1-1 และคว้าโควตาไปแข่งขันฟุตบอลสโมสรเอเชียถ้วยเล็กอย่างเอเอฟซี คัพ (AFC Cup) ในปี 2010
การทำทีมการท่าเรือไทยประสบความสำเร็จได้ในยุคนั้น นับเป็นการปลุกวิญญาณสิงห์เจ้าท่าให้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่หลังจากที่ทีมนี้เงียบเหงาไปนานมาก แต่พอมาอยู่ในมือสะสม พบประเสริฐ แล้ว อะไรก็ฉุดไม่อยู่
ทีมการท่าเรือไทยสามารถทำผลงานได้ดีในการแข่งขัน เอเอฟซี คัพ 2010 โดยรอบแบ่งกลุ่มสิงห์เจ้าท่าสามารถเอาชนะสโมสรไทโป เอฟซี (Tai Po F.C.) จากฮ่องกงไปได้ทั้งนัดเหย้าและนัดเยือน ก่อนจะบุกไปชนะและกลับมาเสมอในบ้านกับสโมสรเกย์ลัง ยูไนเต็ด (Geylang United) ยอดทีมของประเทศสิงคโปร์
ขณะที่ผลงานการเจอกับสโมสรเอสเอชบี ดานัง (SHB Da Nang) ของประเทศเวียดนาม การท่าเรือไทยพ่ายแพ้ในบ้านของตัวเอง ก่อนที่จะบุกไปเสมอมาได้
โดยบทสรุปของสโมสรการท่าเรือไทยในศึกเอเอฟซี คัพ 2010 ภายใต้การคุมทีมของสะสม พบประเสริฐ ก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่มจากผลงานลงสนาม 6 นัด ชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัดและพ่ายแพ้เพียงแค่นัดเดียวมี 11 คะแนน ถือว่าเป็นผลงานการคุมทีมที่ยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียถ้วยเล็กใบนี้
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สะสม พบประเสริฐ ยังโชว์กลยุทธ์การคุมทีมได้อย่างเหนือชั้นเมื่อสามารถบุกไปเอาชนะสโมสรศรีวิจายา เอฟซี (Sriwijaya F.C.) ของประเทศอินโดนีเซียได้ถึง 1-4 ส่งให้การท่าเรือไทยสามารถผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ โดยจะต้องพบกับศึกหนักอย่างอัล-คอดเซีย (Al-Qadsia) จากประเทศคูเวต
โดยถ้าว่ากันตามหน้าเสื่อแล้ว สโมสรจากไทยเป็นรองอย่างมาก แต่ด้วยสไตล์การคุมทีมที่ห้าวหาญของสะสม พบประเสริฐ ก็ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ในนัดแรกที่การท่าเรือไทยสามารถเสมอกับอัล-คอดเซียไปได้ 0-0 ก่อนที่ในเกมเยือนจะต้านทานความแข็งแกร่งของทีมเศรษฐีน้ำมันไม่ไหว พ่ายแพ้ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย แต่เพียงเท่านี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
นอกจาก สะสม พบประเสริฐ จะทำผลงานพาทีมสโมสรการท่าเรือไทยไปโลดแล่นในฟุตบอลสโมสรเอเชียปี 2010 ได้อย่างยอดเยี่ยม ในปีเดียวกันนั้น เจ้าตัวยังพาสโมสรแห่งนี้คว้าแชมป์ฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ (Toyota League Cup) มาครองได้อีกด้วย โดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถเอาชนะสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ไปได้ 2-1 ได้เงินรางวัล 5 ล้านบาทไปครอง แถมด้วยการได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า พรีเมียร์ คัพ กับสโมสรจากศึกเจลีก
หลังจากสะสม พบประเสริฐ ออกจากการคุมทีมการท่าเรือไทยก็ได้ไปคุมสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด และพาสโมสรเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จในปี 2012 ตามมาด้วยการคุมสโมสรแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ก่อนที่ล่าสุด เจ้าตัวมาคุมทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี ในปี 2019 จนถึงปัจจุบัน และก็มีผลงานเด่นคือการพาสโมสรชลบุรี เอฟซี คว้ารองแชมป์ฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ 2020-2021 มาครองได้โดยในรอบชิงชนะเลิศชลบุรี เอฟซี พ่ายแพ้ลูกโทษที่จุดโทษต่อสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ไปแบบน่าเจ็บใจ
“ผมไม่รู้จักกับ มาซาทาดะ อิชิอิ”
ชื่อของ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ มาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งตามสื่อต่าง ๆ เนื่องมาจากว่าเจ้าตัวปฏิเสธที่จะจับมือกับมาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเกมการแข่งขันฟุตบอลไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก 2022-2023 นัดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา จนเกิดเป็นประเด็นดราม่าขึ้น
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มต้น เมื่อมาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นเดินไปยกมือไหว้สวัสดี ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ กุนซือชลบุรี เอฟซี ทีมเยือน ก่อนจะยื่นมือไปขอจับมือด้วย แต่โค้ชเตี้ยได้ทำการปฏิเสธจนเป็นภาพที่เกิดขึ้นผ่านการถ่ายทอดสดเกมดังกล่าว
“ผมไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ผมไม่ได้ใส่ใจก็แค่นั้น ไม่ต้องไปดราม่ากันต่อ”
นี่คือคำพูดของ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ ถึงกรณีดังกล่าว และเจ้าตัวก็มุ่งเน้นสมาธิไปที่การทำสโมสรชลบุรี เอฟซี ให้บรรลุในเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนเปิดฤดูกาล ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าปีนี้สโมสรชลบุรี เอฟซี มาไกลเกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก และถ้าหากฉลามชลยังสามารถทำผลงานได้ดีแบบนี้ต่อไปจนจบฤดูกาล ก็ไม่แน่นะครับว่า เราอาจจะเห็นชลบุรี เอฟซี และ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ ไปโลดแล่นบนเวทีฟุตบอลสโมสรเอเชียอีกครั้งก็เป็นได้
เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง (เต้นคุง)
ภาพ: คลิปไฮไลต์การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จาก AIS PLAY