29 ธ.ค. 2566 | 19:32 น.
- ‘คิม อุงยง’ (Kim Ung-Yong) ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่’ โดย Guinness World Records เขามี IQ สูงถึง 210
- เขาได้เข้าทำงานที่ NASA แต่สุดท้ายเลือกลาออกมาอยู่กับแม่ เพราะนั่นเป็นความสุขในชีวิตของเขา
“ตั้งแต่ผมมาทำงานที่ NASA ชีวิตของผมไม่เคยมีความสุข มันทั้งเหงา โดดเดี่ยว ผมคิดถึงเกาหลีใต้ คิดถึงแม่ ผมอยากกลับบ้าน”
‘คิม อุงยง’ (Kim Ung-Yong) คืออัจฉริยะชาวเกาหลีใต้ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่’ โดย Guinness World Records เขามี IQ สูงถึง 210 ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจเก็บกระเป๋ากลับเกาหลีใต้ แม้ว่าการคงอยู่ของชายคนนี้ อาจทำให้ประวัติศาสตร์มนุษยชาติเปลี่ยนไป แต่เขาขอเลือกทำตามฝันตัวเอง อุงยงไม่อยากนำความอัจฉริยะไปผูกติดอยู่กับการขับเคลื่อนโลก ขอแค่ได้อยู่กับแม่ รายล้อมด้วยคนที่รักและเข้าใจเขา เพียงเท่านี้ ชีวิตก็สุขเกินพอ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อุงยงตัดสินใจลาออกจาก NASA หลังจากทำงานมาเป็นเวลา 8 ปี, 8 ปีที่เขาสูญเสียชีวิตวัยเด็ก จาก 8 ขวบ ล่วงเลยเข้าสู่วัยรุ่น ในวัย 16 ปี เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันชอบนักร้องคนไหน หรือมีอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในช่วงเวลานั้น เขาไม่เคยรู้ และไม่มีวันรู้ จนกระทั่งตัดสินใจกลับบ้าน
การตัดสินใจในวัย 16 ปี ต่างทำให้โลกตะลึงงัน สื่อเกาหลีใต้ต่างโหมกระหน่ำว่าเขาคือ อัจฉริยะที่ล้มเหลว ความล้มเหลวที่ถูกตีตราโดยสื่อ คนนอกที่ไม่มีวันเข้าใจจุดที่เขาอยู่แม้แต่น้อย ซึ่งเขาไม่ได้สนใจมากนัก เขามองว่าหากไม่เลือกกลับบ้าน ชีวิตคงล้มเหลวมากกว่าที่เห็นเป็นแน่ นี่คือจังหวะชีวิตหนึ่งของเด็กชาย คิม อุงยง ช่วงเวลาที่เขาถูกโลกพรากอิสรภาพไป เพราะความปราดเปรื่องที่เข้ามากดดันตั้งแต่เกิดมาได้แค่ 4 ปี
คิม อุงยง เกิดวันที่ 8 มีนาคม 1962 ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่ออายุ 4 เดือน เขาเริ่มส่งสัญญาณแห่งความอัจฉริยะโดยการพูดออกมาเป็นคำ พออายุ 6 เดือน เขาก็พูดได้อย่างคล่องแคล่ว เวลาไม่ถึงปีที่ทำให้พ่อและแม่ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยทั้งคู่ต่างตะลึงงัน จนนำไปสู่การผลักดันให้ลูกค้นพบความชอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากให้ลองอ่านอักษรเกาหลีและอักษรจีนตอนอายุ 1 ขวบ และนั่นทำให้ใจของพ่อแม่ถึงกับใจเต้นระรัว ลูกชายของพวกเขาสามารถอ่านอักษรกว่าพันตัวได้อย่างเชี่ยวชาญ อายุ 2 ขวบ อุงยงเริ่มเข้าใจแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ (Differential calculus) และสามารถแก้โจทย์อย่างจริงจังได้ในอีก 2 ปีให้หลัง
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังอ่านเขียนได้มากถึง 5 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ หากคิดว่านี่คือความสามารถทั้งหมดของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ ขอบอกไว้เลยว่าเขามีอะไรที่น่าทึ่งกว่านั้นอีก เพราะด้วยความช่วยเหลือจากพ่อแม่ อุงยงได้จัดพิมพ์หนังสือความยาว 247 หน้า ออกมาเป็นของตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเขาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
พ่อแม่เริ่มพาเขาไปออกรายการโทรทัศน์ตามช่องต่าง ๆ และลูกชายอย่างเขาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ความฉลาดของเขาคือเรื่องจริง จนได้รับเชิญให้เข้าเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 - 6 ขวบ พออายุ 8 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 เขาได้รับใบปริญญาด้านฟิสิกส์ตั้งแต่อายุ 15 ปี
แต่การทำงานที่ NASA ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยกลับทำให้เขาทุกข์ใจไม่น้อย อุงยงไม่มีความสุข เขาไม่มีเพื่อนที่คอยแชร์ความรู้สึกระหว่างกัน มีแค่ครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้าง และนั่นทำให้อุงยงเริ่มมองเห็นแล้วว่าการทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่มีประโยชน์
“ผมตื่นมาทำงานแบบเดิมทุกวัน แก้โจทย์ซ้ำ ๆ ผมไม่มีเพื่อน ทุกคนต่างก็ทำแต่งานของตัวเอง”
โชคดีที่พ่อและแม่ของเขาไม่ได้ใจร้ายกับลูกชายมากนัก หลังจากอุงยงเดินมาบอกว่าตอนนี้เขาทุกข์ใจเพียงใด อุงยงก็เก็บของเดินทางกลับเกาหลีใต้ในปี 1978 ทันที
“ตอนที่ผมหนีมาจาก NASA บอกตามตรงว่าผมมีความสุขมากนะ ตอนที่ได้มาถึงเกาหลีใต้แล้วเป็นอะไรที่มีความสุขมากจริง ๆ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ต้องตกอยู่ภายใต้การวิจารณ์ของสื่อ”
แต่ชีวิตของอัจฉริยะก็ถึงคราวติดชะงักอีกครั้ง เขาไม่มีวุฒิมัธยมปลาย ไม่มีประกาศนียบัตรว่าเป็นผู้ได้รับการศึกษาตามที่ประเทศนี้ต้องการ เลยต้องกลับมาเรียนใหม่อีกครั้ง เขาสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด และได้รับวุฒิตามที่หวังโดยใช้เวลาเรียนเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น
“หลังจากกลับมาเกาหลี ผมพยายามหางานทำที่สถาบันวิจัย เลยเข้าไปแนะนำตัวและนำผลงานไปให้เขาดู แต่พวกเขาบอกว่ารับผมเข้าทำงานไม่ได้ เพราะผมไม่มีประกาศนียบัตรหลักสูตรขั้นพื้นฐาน ผมถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“จริง ๆ มันมีอีกอย่างหนึ่ง ผมพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกันนะ แต่พวกเขาไม่ให้สอบ บอกว่าผมไม่มีวุฒิ ม.ปลาย แต่ทำไงได้ ผมไม่มีมันด้วยซ้ำ ก็เลยต้องไปเรียนใหม่ทั้งหมด เพื่อเอาวุฒิมาใช้ในการทำงาน”
อุงยงสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จำเป็นทั้งหมด และได้รับประกาศนียบัตรเทียบเท่ามัธยมปลายในเวลาเพียง 2 ปี และยื่นเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติชุงบุก (Chungbuk National University) สาขาวิศวกรรมโยธาจนจบปริญญาเอก
ในปี 2007 อุงยงได้รับการตอบรับให้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติชุงบุก และในปี 2014 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานศูนย์วิจัย North Kyeong-gi Development Research Center ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยชินฮัน (Shinhan University)
“ผมขอสัญญาว่าจะอุทิศทั้งชีวิตเพื่อมอบการเรียนการสอนที่ดีที่สุดให้กับคนรุ่นหลัง”
อุงยงมักบอกกับคนรอบข้างอยู่เสมอว่าเขามีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ แม้วัยเด็กจะทำเอาเขาทรมานใจอยู่บ้าง แต่เพราะมีครอบครัวคอยอยู่เคียงข้าง ไม่พยายามบังคับให้เขาใช้ชีวิตท่ามกลางความกดดัน ปัจจุบันเขาอายุ 61 ปี เป็นอาจารย์ คุณพ่อลูกสอง และมีภรรยาที่น่ารักคอยเติมเต็มช่วงจังหวะชีวิตที่เคยขาดหายไป
เพราะความฉลาดอาจไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยิ่งใหญ่เสมอไป ขอแค่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถมีความสุขได้ในแต่ละวันโดยไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้เพื่อนร่วมโลกก็เป็นพอ
.
ภาพ : Getty Images
.
อ้างอิง
.