วิเคราะห์ประเด็นร้อน Miss Grand Thailand 2023 และเจาะลึกชีวิต ‘อุ้ม ทวีพร’ ผู้คว้ามงฯ

• 'อุ้ม ทวีพร' เคยเป็นตัวแทนมิสแกรนด์จันทบุรี 2017 และเข้าร่วมประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 ซึ่งสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ไว้ได้ ในปีเดียวกันนั้นเธอได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดมิสยูไนเต็ดคอนติเนนท์ 2017 และยังเคยเป็น Top 10 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2020 
• ในวันประกวดมิสแกรนด์ขวัญใจเชียงใหม่ เฌอเอมตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้จับใจกรรมการและผู้ชม ไม่ว่าจะทั้งคลังคำศัพท์สวยหรูที่ดูเป็นจุดแข็งมาแต่ไหนแต่ไร เนื้อหาของคำตอบที่ลึกซึ้งในฐานะผู้ปฏิบัติงานจริง จนเธอคว้ารางวัลชนะเลิศไปได้

การประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 ได้จบลงอย่างยิ่งใหญ่ในค่ำคืนที่ผ่านมา สาวงามผู้คว้ามงกุฎไปครอบครองคือ 'อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส' ตัวแทนจากจังหวัดชุมพร เธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดที่เป็นที่จับตามองและมีฐานแฟนคลับมากที่สุด 

บทความนี้จะชวนผู้อ่านไปเจาะลึกถึงชีวิตและเส้นทางการเป็นนางงามของเธอ วิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด รวมถึงชวนคุยประเด็นร้อนของเวทีมิสแกรนด์ฯ ในปีนี้ ที่เหล่าแฟนนางงามถึงขั้นเอ่ยว่า ดราม่าเยอะเสียยิ่งกว่าละครหลังข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นของ 'เฌอเอม' มิสแกรนด์ลำพูน

'อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส'

เมื่อเอ่ยถึงชื่อ 'อุ้ม ทวีพร' แฟน ๆ นางงามหลายคนก็คงอาจจะคุ้น ๆ อยู่บ้าง เพราะก่อนที่เธอจะมาดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ชุมพร 2023 และ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 นั้น เธอเคยเป็นตัวแทนมิสแกรนด์จันทบุรี 2017 และเข้าร่วมประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 ซึ่งสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ไว้ได้ 

ในปีเดียวกันนั้นเธอได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดมิสยูไนเต็ดคอนติเนนท์ 2017 และยังเคยเป็น Top 10 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2020 

อุ้ม เป็นสาวงามวัย 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเพชรบุรี จบการศึกษาสาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ เอกบริหารธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 

ก่อนการประกวดจะเริ่มขึ้นในปีนี้ หลายคนชมว่าอุ้มสวยและดูลงตัวขึ้นมากกว่าปีก่อน ๆ แต่ความสวย เซ็กซี่แบบเดิม ๆ ของเธอ จะเพียงพอหรือไม่ในยุคที่มิสแกรนด์ฯ มีแนวทางการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่น้อย 

ในช่วงแรกของการประกวด อุ้มดูเครียดและกังวล เธอถึงขั้นร้องไห้กลางไลฟ์เพราะอาจจะปรับตัวกับแนวทางแบบใหม่ของมิสแกรนด์ฯ ไม่ทัน เธอไม่ใช่นางงามที่มีแฟนคลับมากล้น หากเทียบกับสาวงามคนอื่น ๆ ที่มาแรงตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เช่น 'เฌอเอม' มิสแกรนด์ลำพูน หรือ 'สแน็ก อัจฉรีย์' มิสแกรนด์เลย 

ซึ่งระบบแฟนคลับหรือผู้สนับสนุนสำคัญมากในแนวทางแบบใหม่นี้ของมิสแกรนด์ฯ เพราะจะช่วยให้นางงามคนนั้น ๆ ได้รับแรงสนับสนุนผ่านช่องทางการโหวตหรือการซื้อสินค้าของมิสแกรนด์ฯ จนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ จากทางกองประกวด 

แต่หลังจากนั้นก็เหมือนมีปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นกับเธอ กระแสของอุ้มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอมีฐานแฟนคลับที่มากขึ้นแบบที่เธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว หลายคนชื่นชอบความเป็นธรรมชาติของเธอ ความไม่พยายามจนเกินงาม ความเซ็กซี่บวกกับบุคลิกที่เท่นิด ๆ ผสมหวานหน่อย ๆ แถมยังร้องเพลงเพราะ เสียงใส และมีอะไรให้ว้าวตลอดเวลา ทำให้เธอดูผ่อนคลายมากขึ้น และกลับขึ้นมาอยู่ในระดับชั้นของนางงามตัวเต็งที่อาจคว้ามงได้อีกครั้ง

ในช่วงระหว่างการเก็บตัว ครั้งหนึ่ง อุ้มเคยถูกคุณณวัฒน์ตำหนิกลางกองประกวด ถึงเรื่องที่เธอนำชุดจากแบรนด์ของลูกสาวเจ้าของเวทีคู่แข่ง (มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์) มาใส่เข้าร่วมกิจกรรม และโพสต์ภาพขอบคุณเจ้าของแบรนด์อย่างเป็นกิจลักษณะ 

ความบาดหมางนี้ร้ายแรงจนคุณณวัฒน์พูดต่อหน้าสื่อขณะให้สัมภาษณ์ว่า ให้จับตามิสแกรนด์ชุมพรให้ดีว่าเธอเข้ามาเป็นไส้ศึกหรือไม่ แต่หลังจากนั้นอุ้มก็ออกมายอมรับผิดและอธิบายว่า เธอคิดน้อยเกินไป และเรื่องก็ค่อย ๆ เงียบไป

ในคืนวันประกวดจริง ผลงานในแต่ละรอบการประกวดของอุ้มก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานนางงามตัวแม่ ในรอบตอบคำถาม อุ้มอาจจะมีสะดุดบ้าง แต่กรรมการและผู้ชมก็คงน่าจะสัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติและความตั้งใจในการตอบคำถาม บวกกับเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม เธอจึงคว้ามงกุฏไปได้ในท้ายที่สุด 

หนึ่งสิ่งที่ทำให้อุ้มดูเป็นตัวเลือกที่ดีจากนางงามทั้งหมด นั่นคืออุ้มในเวอร์ชั่นที่มีฐานแฟนคลับที่แข็งแรงนี้ดูสดชื่น สดใส ต่างจากภาพของอุ้มแบบเดิม ๆ แบบที่เราเคยเห็นมาเมื่อก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ของการเก็บตัว อุ้มสามารถสร้างผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม และปรากฏการณ์นี้เองที่อาจเป็นแรงจูงใจให้มิสแกรนด์ฯ เลือกอุ้มกลับมาร่วมงานด้วยอีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถือเป็นปรากฏการณ์ของการประกวดมิสแกรนด์ฯ ในครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงแต่ชัยชนะของอุ้ม ทวีพร แต่ประเด็นที่สาธารณชนในความสนใจไม่แพ้กัน คือข้อขัดแย้งระหว่างเจ้าของเวที คุณณวัฒน์ และ เฌอเอม มิสแกรนด์ลำพูน ที่ได้กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมในขณะนี้ 

ณวัฒน์ VS เฌอเอม 

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งใน 'ผู้เล่น' ที่ทำให้การประกวดมิสแกรนด์ฯ ปีนี้ดูน่าจับตามองมากเป็นพิเศษคือ เฌอเอม บวกกับปีนี้เป็นปีที่มีการเลือกตั้งระดับชาติ ซึ่งอย่างที่ทราบกับดีคือเวทีมิสแกรนด์ฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องการเมือง โดยเห็นได้ชัดจากรอบตอบคำถามในแต่ละปีซึ่งเนื้อหาของคำถามนั้นดุดัน ไม่เกรงใจใคร 

ก่อนการประกวดจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ มิสแกรนด์ฯ ได้จัดรอบพิเศษโดยเชิญตัวแทนนักการเมืองของแต่ละพรรคมาร่วมเสวนากับเหล่านางงาม หนึ่งในไฮไลท์ของงาน คือ เฌอเอมถามคำถามกับ คุณ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ถึงเรื่องของความรุนแรงจากภาครัฐต่อกลุ่มผู้ชุมนุม นำไปสู่การถกเถียงของผู้คนในสังคม ถือเป็นช่วงอุ่นเครื่องที่ร้อนแรงของประกวดมิสแกรนด์ฯ เรียกกระแสนิยมและเสียงชื่นชมจากสังคมได้เป็นอย่างมาก

หนึ่งสิ่งที่คนมักถามเฌอเอมก่อนการประกวด คือ ทัศนคติของเฌอเอมในบางเรื่องที่ดูเสรีเกินอุดมคติของมิสแกรนด์ฯ ซึ่งดูจะยึดมั่นใน 'แก่นสาร' เช่น ความงามทางกายภาพ เรือนร่าง เฌอเอมแก้ปัญหาในเรื่องนี้ด้วยการยอมเสริมหน้าอกและอธิบายเหตุผลว่า เธอยอมเปลี่ยนในบางเรื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า และนั่นแสดงถึงความจริงจังและลบข้อครหาที่ว่าเธออาจไม่ได้ไม่เหมาะกับมิสแกรนด์ฯ หรือมาประกวดเล่น ๆ เพียงเพื่อหาแสง  

ในช่วงระหว่างเก็บตัว เป็นที่รู้กันว่าเฌอเอมไม่ได้เป็นผู้เข้าประกวดที่มีใบหน้าสวยที่สุด แต่ไม่ว่าเธอจะขยับตัวไปทางไหน สื่อและสาธารณชนก็พร้อมจะจับตามองเธอ เธอแสดงไหวพริบในหลาย ๆ เรื่องเพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ เช่น การแต่งคอสเพลย์ รวมถึงการแสดงทัศนคติทางการเมืองอันแหลมคมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของมิสแกรนด์ ฯ 

โดยเฉพาะในวันประกวดมิสแกรนด์ขวัญใจเชียงใหม่ เฌอเอมตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้จับใจกรรมการและผู้ชม ไม่ว่าจะทั้งคลังคำศัพท์สวยหรูที่ดูเป็นจุดแข็งมาแต่ไหนแต่ไร เนื้อหาของคำตอบที่ลึกซึ้งในฐานะผู้ปฏิบัติงานจริง จนเธอคว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ ถึงขั้นเจ้าของเวทีออกปากชมว่าเธอตอบคำถามได้ดีมาก หลังจากที่ตัวเขาเองก็เคยให้สัมภาษณ์อยู่บ่อย ๆ ว่า นางงามในสังกัดของตัวเองที่เคยมีมา มีทักษะการตอบคำถามที่ยังไม่ถึงมาตรฐานของเวที 

การมีอยู่ของเฌอเอมในการประกวดมิสแกรนด์ ฯ ครั้งนี้ จึงสร้างความหวังและทำให้หลายคนเชื่อว่านี่คือสาวงามที่มิสแกรนด์ฯ รอคอย เป็นคนที่จะมารับไม้ต่อจาก 'อิงฟ้า วราหะ' ได้อย่างสมศักดิ์สรี มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมและปิดทุกช่องโหวที่นางงามมิสแกรนด์ฯ เคยถูกวิจารณ์ เช่น สวยแต่ไม่ฉลาด รวมถึงยกระดับเวทีไปสู่สถาบันทางการเมือง ซึ่งครั้งหนึ่ง คุณณวัฒน์ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเองก็อยากปั้นให้เฌอเอมเป็นนักการเมือง

จนกระทั่ง เฌอเอมปฏิเสธที่จะเปิดไพ่ดูดวง ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งของมิสแกรนด์ฯ เธออธิบายว่าเพราะเธอนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งนั่นทำให้คุณณวัฒน์ไม่พอใจเป็นอย่างมากและ 'สอน' เฌอเอมกลางไลฟ์ของกองประกวด จนประเด็นถกเถียงเลยเถิดไปไกล กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เช่น คริสต์แท้ คริสต์เทียม ความเคร่งศาสนา พระเจ้ามีจริงหรือไม่ อะไรที่เรียกว่าการเคารพความแตกต่างหลากหลาย ความเชื่อส่วนบุคคลสำคัญกว่าบทบาทหน้าที่หรือไม่ ฯลฯ 

เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนคิดว่าเฌอเอมไม่น่าจะไปถึงมง เพราะเจ้าของเวทีดูไม่พอใจเธอมาก แต่หลังจากเหตุการณ์การถกเถียงนั้น เราก็ได้เห็นเฌอเอมเข้าขอโทษคุณณวัฒน์ และคุณณวัฒน์เองก็ได้ออกมาอธิบายเหตุการณ์ในไลฟ์ส่วนตัวของเขาอยู่บ้าง พร้อมบอกแฟน ๆ นางงามว่า อย่างไรก็ตาม เฌอเอมก็ยังมีโอกาสอยู่

ต่อมา ดราม่าปะทุขึ้นอีกครั้งในรอบซ้อมใหญ่ เมื่อมีประกาศพิเศษเพิ่มว่าทางกองประกวดจะมีที่พักสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 11 คน ให้มาอยู่รวมกัน ซึ่งอาจจะนำเสนอออกมาในรูปแบบของเรียลลิตี้ ซึ่งเฌอเอมเป็นหนึ่งคนที่ออกตัวว่าเธอไม่ขอรับเงื่อนไขนี้ และขอให้แฟน ๆ เลิกโหวตให้เธอ ซึ่งก็เหมือนเป็นการถอนตัวไปโดยปริยาย    

และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด เฌอเอมถูกปัดตุ๊บตั้งแต่รอบแรกในคืนวันประกวดจริง 

ถือเป็นเรื่องอันน่าเสียดาย เราอดคิดไม่ได้ว่า หากเฌอเอมได้รับมงกุฎที่ค่ำคืนนั้น เธอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคมผ่านมงกุฎมิสแกรนด์ฯ ได้อีกมากมายเพียงใด หรือมิสแกรนด์ฯ จะเป็นกลายเป็นพื้นที่แห่งสาธารณชน เป็นเสียงของคนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย เป็นสถาบันทางการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยดั่งสโลแกนของตัวเอง (เวทีประชาธิปไตย) ได้อย่างสมศักดิ์ศรีเพียงไร      

แต่ในเชิงธุรกิจ เราก็อาจจะต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ของคุณณวัฒน์และองค์กรมิสแกรนด์ที่กำลังเติบโตในฐานะบริษัทจำกัดมหาชน รวมถึงแผลสดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเขาเอง คือ เรื่องการควบคุมความประพฤตินางงามรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยทำตามแนวทางของเขา การที่เฌอเอมปฏิเสธการทำกิจกรรมของกอง จึงเหมือนเป็นการไปจี้จุดของคุณณวัฒน์จนเขาปะทุออกมาขนาดนั้น

แต่ก็นั่นล่ะ... ต่างฝ่ายต่างก็เลือกทางของตนแล้ว นับจากนี้ไป เราก็คงยังเห็นเฌอเอมในฐานะนักเคลื่อนไหวฯ เพื่อประชาธิปไตย และมิสแกรนด์ฯ ก็ยังคงจะยึดมั่นในหลักการเวทีต้านเผด็จการต่อไป เพียงแค่ว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่หลาย ๆ คนเห็นดีเห็นงามด้วยนั้น ไม่ได้เกิดขึ้น 

กล่าวคือ ฝั่งเฌอเอมเองก็ไม่สามารถไปสู่จุดที่หลายคนฝันจะเห็นเธอสวมมงกุฎขับเคลื่อนสังคม เป็นนางงามยุคใหม่ที่เปลี่ยนนิยามความงามอย่างแท้จริง หรือฝั่งมิสแกรนด์ฯ เอง ที่เคลมว่าตนคือเวทีประชาธิปไตยซึ่งควรจะได้นักเคลื่อนไหวเข้าไปขับเคลื่อน สร้างทุนทางวัฒนธรรม และเซทมาตรฐานของวงการนางงามไทย กลับปล่อยมือออกจากคนอย่างเฌอเอมได้อย่างไร้เยื้อใย

... อดเสียดายไม่ได้จริง ๆ

ภาพ: เพจเฟซบุ๊ก Miss Grand Thailand