22 พ.ค. 2566 | 15:00 น.
เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ตำรวจอินเดียยังคงเฝ้าตามหาฆาตกรโหด ที่หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากก่อเหตุปล้นชิงทรัพย์และฆาตกรรมชาวบ้านในพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าหัวหน้าแก๊ง ‘โอม ปรากาซ’ (Om Prakash) หายตัวไปไหน
เขายังมีชีวิตอยู่ หรือแค่หายตัวไปเฉย ๆ นี่คือแฟ้มคดีที่ยังปิดไม่ได้ จนทางการอินเดียต้องจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ (STF) ขึ้นมาในปี 2020 เพื่อดูแลคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในรัฐหรยาณาโดยเฉพาะ
แต่แล้วโชคของเขาก็หมดลงในปี 2022 เมื่อตำรวจหน่วยเฉพาะกิจเจอเบาะแสบางอย่าง จนนำไปสู่การจับกุมตัวชายวัย 65 ปีที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ไกลจากเมืองก่อเหตุเมื่อ 30 ปีก่อนมากนัก
ที่นั่นเขาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวใหม่และลูก ๆ อีก 3 คน ใครจะไปคิดว่าชายที่ขยันขันแข็งอย่างเขาที่ยึดอาชีพขับรถบรรทุกเป็นงานหลัก และรับบทตัวประกอบให้กับภาพยนตร์ทุนต่ำ 28 เรื่อง จะเป็นอาญชญากรที่หลบหนีคดีมานานขนาดนี้
หลังจากฆาตกรรายนี้ถูกจับกุม ชื่อของ โอม ปรากาซ ขึ้นพาดหัวแทบทุกสำนักข่าวของอินเดีย เพราะนี่คือการปิดแฟ้มคดีที่มีอายุยาวนานได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
โอม ปรากาซ: ชายผู้ซ่อนตัวท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์
โอม ปรากาซ เป็นคนจากหมู่บ้านนายานา เขตปานิปัต รัฐหรยาณา เขาทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกให้กับหน่วยสื่อสาร ประจำกองทัพอินเดีย ก่อนจะถูกไล่ออกในปี 1988 หลังจากหายตัวไปขณะปฏิบัติหน้าที่
อดีตทหารนายนี้ละทิ้งหน้าที่ไปเป็นเวลา 4 ปีโดยไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนรู้ว่าเขาหายไปทำอะไรกันแน่ กว่าจะรู้ตัวพวกเขาก็ได้ข่าวว่า โอม ปรากาซ เปลี่ยนจากทหารกล้าเป็นโจรป่า คอยปล้นชิงทรัพย์ผู้คนที่สัญจรไปมา ในปี 1986 เขาถูกกล่าวหาว่าขโมยรถยนต์ของชาวบ้าน และอีกสี่ปีต่อมา เขาก็ขโมยของไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่จักรเย็บผ้า รถจักรยานยนต์ ไปจนถึงรถยนต์ แต่ก็ถูกประกันตัวออกมาทุกครั้ง
ในปี 1992 โอม ปรากาซ และพวกได้พยายามปล้นชายที่ขี่จักรยานยนต์ “โชคร้ายที่ชายคนนั้นขัดขืน พวกนี้เลยแทงเขาไม่ยั้ง เมื่อผู้ก่อเหตุเห็นว่าชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมา นายโอม ปรากาซและพวกจึงทิ้งรถจักรยานยนต์และวิ่งหนีไป”
แต่หลังจากหลบหนีไปได้ไม่นาน 1 ใน 4 ผู้ก่อเหตุถูกจับกุมในเวลาต่อมาและใช้ชีวิตในคุกไปราว 7-8 ปี เขาก็ได้รับการประกันตัวออกมา
แต่หัวหน้าผู้คิดแผนการณ์กลับลอยนวล โอม ปรากาซ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งตำรวจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากจับกุมเขาในปี 2022 ว่าเขาไม่ได้หายตัวไปไหนไกล อาศัยนอนตามวัด เร่ร่อนไปเรื่อย กระทั่งตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ ๆ กับรัฐที่ก่อเหตุ ห่างไปราว 180 กิโลเมตร โดยทำงานเป็นคนขับรถบรรทุก และเป็นนักแสดงให้กับภาพยนตร์ท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 28 เรื่อง
โอม ปรากาซ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในปี 1997 และแต่งงานใหม่ครั้งที่สองในอีกห้าปีต่อมา เขาทิ้งครอบครัวเดิมโดยไม่ติดต่อพวกเขาอีก และหลอกหญิงสาวผู้กลายเป็นภรรยาอีกคน ว่าเขาไม่เคยแต่งงานมีครอบครัวมาก่อน ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่าย เปิดร้านขายเทปเล็ก ๆ ควบคู่กับเป็นคนขับรถบรรทุกในตอนกลางวัน
ทุกคนรู้จัก โอม ปรากาซ ชายต่างถิ่นเจ้าของร้านขายเทปในฉายา Bajrang Bali (เป็นภาพยนตร์อินเดียขนาดยาวที่ถ่ายทำเมื่อปี ค.ศ. 1976)
ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เขาได้รับโอกาสให้เข้าสู่วงการบันเทิง เริ่มจากเป็นนักแสดงตัวประกอบในภาพยนตร์ทุนต่ำ รับบทตั้งแต่หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ร้าย ไปจนถึงทหาร และตำรวจ หนึ่งในภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ Takrav (2018) มีผู้ชม 7.6 ล้านครั้งบน YouTube
“เขาทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มานานกว่า 15 ปี ตั้งแต่บทบาทเล็ก ๆ ได้เงินตอบแทนครั้งละ 5,000-6,000 รูปี เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะวิ่งหนีจากอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยปราศจากคดีติดตัว แต่ถ้าคุณเคยมีคดีติดตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง คุณก็สมควรได้รับการลงโทษ” ตำรวจผู้ดูแลคดีกล่าว
หลักฐานที่นำไปสู่การจับกุม
แต่การจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้นั้นเขาต้องนำเอกสารทั้งหมดไปเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ อย่างที่รู้กันว่าก่อนเปลี่ยนชื่อ ต้องใช้ชื่อเดิมมาเขียนระบุไว้ในเอกสาร นี่คือเบาะแสชิ้นแรกที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจได้รับหลังจากเวลาผ่านไป 30 ปี
โอม ปรากาซ อยู่ในรายชื่อบุคคลอันตรายที่รัฐต้องการตัวมากที่สุด และมีค่าหัวสูงถึง 25,000 รูปี (ราว 10,405 บาท) ซึ่งการเปิดแฟ้มคดีของโอม ปรากาซ อีกครั้งสร้างความแปลกใจให้กับ อามิฬ ภาตนาการ์ (Amil Bhatnagar) นักข่าวอาวุโสของ Indian Express ไม่น้อย เพราะจากประสบการณ์ของเขา กว่าตำรวจจะรื้อคดีขึ้นมาใหม่จะต้องมีการก่อคดีขึ้นซ้ำสอง ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีของฆาตกรรมต่อเนื่อง หรือมีเบาะแสที่ชัดเจนปรากฏขึ้น
“ผมไม่แน่ใจนักว่าทำไมตำรวจเปิดคดีนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ก็อาจเป็นเพราะเมื่อสองเอนก่อนที่นายโอม ปรากาซจะถูกจับกุม พวกเขาสืบเจอว่าเมื่อ 20 ปีก่อนฆาตกรรายนี้เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด”
นี่คือเบาะแสอีกชิ้นที่ปรากฏขึ้น ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจติดตามร่องรอยของฆาตกรรายนี้ไปจนเจอเบอร์โทรศัพท์ และทะเบียนรถยนต์ที่จดในชื่อของเขา แต่การตามหาชายที่หายตัวไปนานกว่า 30 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขามีเพียงรูปถ่ายสมัยเขายังหนุ่ม
“เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจและรัดกุมที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะหายตัวไปอีก 30 ปี”
สู่การจับกุม
การจับกุมชายที่หลบหนีคดีไปนานกว่า 30 ปีในปี 2021 ดูเหมือนเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของตำรวจ แต่พวกเขายังต้องหาหลักฐานมาต่อสู้ในชั้นศาลอีกว่า ชายที่ถูกจับมานั้นเป็นอาชญากรตัวจริง
“เราต้องพิสูจน์ในศาลให้ได้ว่าคนที่จับมานั้นคืออาชญากรตัวจริง และศาลเองก็ต้องพิจารณาหลักฐานอย่างละเอียดเช่นกันว่าสิ่งที่เราเจอนั้นตรงกับเหตุอาชญากรรมเมื่อ 30 ปีก่อน”
ระหว่างการสอบปากคำมีการเปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับอีก 8 คดี ตั้งแต่ขโมยรถไปจนถึงพยายามฆ่า และฆาตกรรม โดยทุกคดีเกิดขึ้นต่างรัฐทั้งหมด
แม้จะจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานล่าช้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนไม่น้อย เพราะพวกเขาต้องอยู่หมู่บ้านเดียวกับฆาตกร แถมยังใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ได้รับโอกาสในชีวิตมากมายเป็นถึงนักแสดงในภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า 28 เรื่อง
ทุกอย่างดูไม่ยุติธรรมต่อเหยื่อ เพราะขณะที่เขามีความสุขกับครอบครัวและลูก ๆ มาตลอด 30 ปี แต่อีกหนึ่งชีวิตได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...
อ้างอิง