20 ต.ค. 2565 | 17:51 น.
“ถ้าผมอารมณ์ไม่ดี การเป็นตัวตลกก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก เพราะเด็กบางคนก็ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักเลย
“บางทีคุณก็จะอยากจะคว้าคอมันมาบีบ อยากจะหวดมันให้ตายเลย”
หากกล่าวถึง ‘ตัวตลก’ (Clown) ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรับรู้ความเข้าใจหรือโดยเฉพาะความรู้สึกที่ผู้คนมีเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว คงไม่ได้ตลกเหมือนคำเรียกขานนัก ไม่เพียงแต่ตัวตลกถูกนำเสนอใน Pop Culture ในแนวทางที่น่าขนลุกดังเช่น ‘เพนนีไวซ์’ (Pennywise) ปีศาจร้ายจากนวนิยายและภาพยนตร์เรื่อง ‘It’ หรือการที่ใครหลายคนสวมชุดตัวตลกมาเดินวันในวันฮาโลวีนหรือแกล้งผู้คนดังที่ช่วงหนึ่งเคยมีกระแส
ถึงกระนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องจริงที่เปลี่ยนภาพจำของ ‘ตัวตลก’ จากบุคคลผู้สร้างความบันเทิงให้ผันแปรเป็น ‘ปีศาจร้าย’ ที่น่าสยดสยองก็คงต้องยกให้ฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกขนานนามว่า ‘เลวร้ายที่สุด’ อย่าง ‘จอห์น เวย์น เกซี’ (John Wayne Gacy) ที่ในฉากหนึ่ง เขามีบทบาทเป็นตัวตลกนามว่า ‘โพโก’ (Pogo The Clown) แต่อีกฉากหนึ่งเขาคืออสูรกายอำมหิตที่สังหารเหยื่อไปมากกว่า 33 ราย และทำการฝังร่างส่วนใหญ่ไว้ที่ใต้ถุนของบ้าน
ซึ่งล่าสุดเรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาตีแผ่อย่างละเอียดอีกครั้งผ่านการเล่าเรื่องแนวสารคดีในรูปแบบ Limited Series นามว่า 'Conversations with a Killer: The John Wayne Gacy Tapes' เผยแพร่แล้วทาง Netflix
เนื้อหาเป็นการร้อยเรื่องราวจากปากผู้ที่เผชิญหน้ากับเกซีเอง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่จับกุมและสืบสวนคดีนี้ เหยื่อที่หลุดรอดจากความสยองมาได้ และรวมถึงเทปเสียงของ จอห์น เวย์น เกซีเอง ที่บอกเล่าชำแหละเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียด
นอกจากนั้นความสยองของเกซี ยังไปปรากฎในตอนหนึ่งของซีรีส์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากอย่าง 'Dahmer – Monster: The Jeffrey Dahmer Story' อีกด้วย
วินาทีมุดช่องคลานใต้บ้าน
ณ บ้านของเกซี จะมีช่องคลานใต้ที่ข้างใต้จะเต็มไปด้วยโคลน ในคราแรกที่ตำรวจค้นบ้านของเขา แถมยังมุดไปดูข้างใต้ว่าพบกับอะไรบ้าง สืบเนื่องจากการที่วัยรุ่นรายหนึ่งหายตัวไปแล้วเกซีคือผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง แต่ในคราวแรกไม่มีใครพบเบาะแสอะไรที่จะชี้ว่าเกซีเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ทางการตำรวจก็หาได้ละทิ้งความสนใจจากชายผู้นี้ เพราะตำรวจและนักสืบหลายคนสัมผัสได้ว่า ‘ไอหมอนี่มันไม่ธรรมดา มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ’ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เหตุเพราะไร้หลักฐานมัดตัว
แต่แล้วก็ถึงวันที่ปลาติดแห เกซี พบกับตำรวจและขับรถหนีอย่างลุกลี้ลุกลน เหยียบคันเร่งด้วยความเร็วกว่า 70 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ในบริเวณนั้นจำกัดอยู่แค่ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง
พอตามตัวไปตรวจค้นเหล่าตำรวจก็เจอกุญแจสำคัญที่จะใช้เป็นสะพานไปมัดตัวเกซีได้ นั่นก็คือ ‘กัญชา’ หลังจากตรวจพบกัญชาประมาณ 2-3 มวนอยู่กับเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เหตุผลในการจับกุมตัว (ซึ่งเล็งจะจับมานานแล้ว) แถมยังสามารถขออนุมัติหมายค้นบ้านมาได้ด้วย
ความสยดสยองที่แอบซ่อนไว้จึงถูกเปิดเผย…
“ผมเริ่มมองไปรอบ ๆ ผมเห็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ สามแอ่งในพื้นโคลน พอผมส่องไฟฉายไป ผมก็เห็นหนอนตัวเล็ก ๆ สีแดงอยู่กันเป็นก้อน ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนในชีวิต แล้วพอไฟฉายผมส่องไปโดนหนอนพวกนั้น มันก็ตกใจแล้วมุดหนีหายไปในกองโคลน
“ทันใดนั้นผมก็คิดกับตัวเองว่า ‘หนอนอยู่ในดินที่เพิ่งขุดเนี่ยนะ? หนอนพวกนี้กำลังกินอะไรอยู่?’”
ในวันที่ 21 เดือนธันวาคม 1978 ‘แดน เจนที’ (Dan Genty) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจค้นบ้านของเกซีหลังจากที่ศาลอนุมัติหมายค้น (ซึ่งเป็นครั้งที่งสองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สิทธิ์ในการย่างก้าวเข้าไปในนั้น) ถ้อยคำข้างต้นคือคำบอกเล่าของแดน เมื่อเขาย้อนนึกถึงวันนั้นว่าพบเจอกับอะไรใน ‘ช่องคลาน’ (Crawl Space) ใต้บ้านของเกซีบ้าง
“ผมจึงรีบไปคว้าเครื่องมือขุดแล้วรีบขุดไปตรงนั้น แล้วผมก็รู้สึกว่าเหมือนขุดไปโดนอะไรสักอย่าง ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะเป็นอิฐหรือกระเบื้องท่อระบายน้ำ ผมเลยแซะส่วนแข็ง ๆ นั้นขึ้นมา สื่งที่ผมพบคือ ‘กระดูกหัวไหล่’”
“สิ่งที่ผมคิดในหัวอย่างเดียวในตอนนั้นคือ ‘มึงเสร็จกู กูจะได้จับมึงแล้ว ไอสารเลว!’”
ชิ้นส่วนกระดูกหัวไหล่ที่พบอยู่ในช่องคลานใต้บ้านถือเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่สามารถใช้มัดตัวเกซีได้ และมันยังเป็นหมุดหมายครั้งสำคัญของการสืบสวนคดีนี้และเป็นการย้ำชัดลางสังหรณ์ของตำรวจและนักสืบหลายคนว่า เกซีต้องซ่อนอะไรสักอย่างไว้อยู่แน่ ๆ แม้จะใช้เวลากว่าจะสามารถมัดตัวได้ แต่การค้นพบในครั้งนี้ชี้ชัดว่าเซนส์พวกเขานั้นถูก
แต่การค้นพบชิ้นส่วนครั้งนั้นไม่เพียงแต่เป็นหลักฐานมัดตัวเกซีผู้เป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งในคดีการหายตัวไปของชายหนุ่มนามว่า ‘โรเบิร์ต พรีสต์’ (Robert Priest) ซึ่งในคราก่อนที่ตำรวจตรวจค้นบ้านของเกซีพร้อมมุดลงไปดูในช่องคลาน เขาก็หาได้พบอะไรไม่ จนกระทั่งคราวนี้
แต่ประเด็นคือว่า… ชิ้นส่วนกระดูกดังกล่าวไม่ใช่ของพรีสต์
เหตุเพราะพรีสต์หายตัวไปได้ยังไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ชิ้นส่วนดังกล่าวได้เน่าเปื่อยไปจนสามารถบอกได้ว่ามันถูกฝังไว้ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นทางการจึงตระหนักทันทีว่า ‘เรื่องนี้เรื่องใหญ่’
พวกเขาจึงดำเนินการขุดต่อไป จนไปเจอกับกระดูกส่วนเข่าและกระดูกขาอีกสองท่อน
“ณ ตอนนั้นมันเหมือนโลกหยุดหมุน ผมโทรหาจ่าของผม แล้วผมก็บอกเขาว่า ‘ดอน ผมคิดว่าเราเจอเด็กเต็มห้องใต้ดินเลย’”
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลุยสืบค้นทุกซอกทุกมุมในบ้านของเกซี ถึงขั้นที่ว่าทุบบ้านออกเพื่อที่จะเห็นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงขุดผืนดินที่บ้านตั้งอยู่ จนพบเหยื่ออีกมากมายที่ถูกฝังรวมกันมากมาย
ฆาตกรตัวตลก
เกซีเองก็หาได้พยายามจะปกปิดความลับ กลับกัน เขาเองที่เป็นคนอธิบายเหยื่อและขั้นตอนการลงมือและคำอธิบายของเหยื่อแต่ละคนอย่างละเอียด
“หลังจากก่อเหตุครั้งแรกแล้วรอด ครั้งต่อ ๆ มาผมก็ยังรอดอยู่ ผมเลยทำมันต่อมาเรื่อย ๆ ไง”
เป็นเวลา 6 ปีที่เกซีดำเนินล่อลวงเหยื่อเป็นจำนวนกว่า 33 คนมาก่อเหตุฆาตกรรมที่บ้านของตน โดยเหยื่อส่วนใหญ่ก็จะถูกสังหารและนำไปฝังไว้ใต้ถุนบ้าน บ้างก็ถูกฝังไว้ใต้โรงรถและถมปูนทับไปอีกชั้น แม้จะมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจนเพื่อนบ้านได้กลิ่น แต่เกซีก็ยังอ้างโน่นอ้างนี่จนหลุดรอดมาได้
ดังคำกล่าวที่เกซีได้ให้การ เหตุฆาตกรรมโดยฝีมือของเขาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องได้เช่นนี้เป็นเพราะเขาสามารถทำมันและไร้ซึ่งผลกระทบตามมา เขาสามารถก่อเหตุแล้วหมกเหยื่อเหล่านั้นไว้ใต้บ้านโดยไร้คนสงสัย ต่างจากกรณีของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์จนใครหลายคนเกิดความสงสัย ไม่ว่าจะจากกลิ่นหรือการที่ใครหลายคนหายตัวไปหลังพบเขา
สำหรับเหยื่อของเกซี พวกเขาจะถูกล่อลวงมาที่บ้านด้วยเหตุผลประการต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหตุผลว่าจะชวนมาทำงาน ท้ายที่สุดก็ตกลงในกับดักอันน่าสยดสยองและถูกฝังลืมและหายไปอย่างไร้วี่แวว บ้างก็เป็นโสเภณีชายที่ขึ้นรถมากับเกซียามค่ำคืนและหายไปตลอดกาล ไม่มีใครรู้เสียด้วยซ้ำว่าผู้คนเหล่านั้นพบเจอกับเกซี นี่จึงทำให้เขาลอยนวลมาได้หลายปี
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้ฆาตกรตัวตลกสุดอำมหิตตนนี้ลอยนวลมาได้นานขนาดนี้ก็เกี่ยวโยงกับความสนใจของตำรวจ มีผู้คนหลายคนตั้งขอสังเกตและวิจารณ์ทางการตำรวจว่าปล่อยปะละเลย (คล้ายกับกรณีของดาห์เมอร์) เหตุเพราะ เวลามีเด็กวัยรุ่นหายไป แล้วพ่อแม่ผู้ปกครองของเขาเดินทางไปแจ้ง พวกเขาก็มักจะสันนิษฐานว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นหนีออกจากบ้าน และทิ้งความสนใจไป…
“สำหรับผม ผมไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ ก็เหมือนเวลาคุณไปซื้อของที่ร้านค้า ถ้าคุณซื้ออะไรสักอย่างกลับบ้านมาแล้วคุณไม่ชอบแล้วก็อยากจะทำให้มันพัง คุณก็มีสิทธิ์ทำลายได้ไง เพราะว่าคุณซื้อไปแล้ว”
ถ้อยคำดังกล่าวนับว่าน่าสยดสยองพอ ๆ กับความเลวร้ายที่เขาได้ก่อเอาไว้ เพราะหากไม่ใช่เพราะแนวคิดและทัศนคติต่อโลกและต่อเพื่อนมนุษย์อันบิดเบี้ยวเช่นนั้น จะมีหรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะกล้าก่อเหตุลงมือก่อความโหดร้ายผิดมนุษย์เช่นนั้นได้ และถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่เปรียบเสมือนรูให้ผู้คนได้ส่องไปเห็นปีศาจร้ายอันเป็นไส้ในที่แฝงอยู่ในตัวเขา
ไม่ผิดเลยสักนิดที่จะกล่าวว่าเขาคือปีศาจที่จำแลงกายมาในคราบของมนุษย์และตัวตลก…
เป็นแรงบันดาลใจให้ Pennywise?
ไม่น่าแปลกใจนักถ้าจะมีใครหลายคนสงสัยว่าระหว่างปีศาจร้ายในคราบตัวตลกอย่างเพนนีไวซ์จากภาพยนตร์และนวนิยายที่ประพันธ์โดย สตีเฟน คิง (Stephen King) มีความเชื่อมโยงหรือได้รับแรงบันดาลใจมาจาก จอห์น เวย์น เกซี หรือไม่ เพราะทั้งคู่แต่งหน้าแต่งตัวเป็นตัวตลกเหมือนกัน แถมยังเพ่งเล็งเหยื่อเป็นเหล่าเด็ก ๆ และวัยรุ่นเหมือนกันอีกด้วย
แล้วเกซีเป็นแรงบันดาลใจให้สตีเฟน คิงในการสรรค์สร้างเพนนีไวซ์ขึ้นมาหรือเปล่า?
แม้จะมีข้อถกเถียงมากมายที่พยายามชี้ให้เห็นว่าสตีเฟน คิงได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างเพนนีไวซ์มาจากเกซี แต่เราก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าตัวก็ยังไม่เคยออกมาบอกอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมโยงของเกซีกับนวนิยายของเขา
ถึงกระนั้น แรงบันดาลใจในการสร้างเพนนีไวซ์เกิดขึ้นมาจากคำถามที่เขาตั้งกับตัวเองในตอนที่เขาพยายามสร้างสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งขึ้นมามากกว่าว่าถ้าจะสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาสักตัว อะไรคือสิ่งที่เด็ก ๆ กลัวที่สุด? และคำตอบที่เขาได้ก็คือ
“ตัวตลก”
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่า จอห์น เวย์น เกซี เป็นแรงบันดาลให้สตีเฟน คิง ในการสรรค์สร้างเพนนีไวซ์ขึ้นมาโดยรู้ตัวหรือโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ หรือไม่แน่อาจจะไม่เกี่ยวกับจอห์น เวย์น เกซีเลยก็ได้ แต่สิ่งที่แน่ชัดอย่างหนึ่งคือเมื่อผู้ชมหรือผู้อ่านได้เห็นถึงความชั่วร้ายของปีศาจตัวตลก ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเคสในชีวิตจริงอย่างเกซี
นอกจากนั้นมันก็ยังทำให้เราเห็นอีกว่า ความจริงโหดร้ายกว่าในภาพยนตร์หรือนวนิยายหลายเท่าตัวนัก…
อ้างอิง:
ภาพยนตร์ซีรีส์ 'Conversations with a Killer: The John Wayne Gacy Tapes'
https://www.cosmopolitan.com/entertainment/tv/a35767805/john-wayne-gacy-true-story/
https://www.cbr.com/john-wayne-gacy-not-pennywise-inspiration-explained/
https://www.radiotimes.com/tv/documentaries/true-crime/john-wayne-gacy-netflix-true-story/
https://screenrant.com/it-true-story-pennywise-inspirations/