คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช: เคล็ดลับดูแลสุขภาพของนางแบบวัย 93 ที่ยังเจิดจรัสบนรันเวย์จนถึงปัจจุบัน

คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช: เคล็ดลับดูแลสุขภาพของนางแบบวัย 93 ที่ยังเจิดจรัสบนรันเวย์จนถึงปัจจุบัน

คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช นางแบบที่อายุมากที่สุดในโลก ปัจจุบันเธอยังคงเดินแบบบนรันเวย์ แม้จะอายุ 93 ปีเข้าไปแล้ว

KEY

POINTS

  • 'คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช' นางแบบวัย 93 ผู้เริ่มอาชีพตั้งแต่อายุ 15 ทุ่มเททำงานเลี้ยงครอบครัวด้วยความอดทน ไม่หลงใหลวัตถุนิยม
  • เคล็ดลับสุขภาพและความงามของนางแบบสูงวัย คือ ใส่ใจการดูแลผิว กินอาหารตามความเหมาะสม หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ลืมที่จะพบแพทย์ดูแลสุขภาพอยู่เสมอ
  • ปรัชญาการใช้ชีวิตของเดลล์โอเรฟิช คือ ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ยืดหยุ่นกับการเปลี่ยนแปลง และปล่อยวาง เชื่อว่าความรู้และประสบการณ์ทำให้ชีวิตมีคุณค่าเสมอ

“ฉันกลัวว่าหนุ่มสาวจะถูกดึงดูดด้วยของราคาแพงที่พวกเขาซื้อไม่ไหว และบางทีอาจจะไม่ต้องการด้วยซ้ำ

“มันยิ่งน่าเศร้าเข้าไปอีก เมื่อนิตยสารแฟชั่นแทบจะไม่เล่าเรื่องของฉันเมื่อตอนลำบากอีกแล้ว”

‘คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช’ (Carmen Dell’Orefice) เธอคือนางแบบที่ยังคงโลดแล่นบนรันเวย์ แม้จะอายุล่วงเลยเข้าสู่วัย 93 ปีเข้าไปแล้ว ถึงเธอจะไม่เคยวาดฝันว่าจะเป็นนางแบบมาก่อน แต่ด้วยหน้าตาสวยสะพรั่ง รูปร่างเพรียวบาง ทำให้เธอได้รับการทาบทามจากแมวมอง ขณะนั่งรถบัสไปเรียนบัลเล่ต์ หนึ่งปีต่อมาเธอได้ถ่ายแบบให้กับนิตยสาร Vogue จากนั้นจึงได้เซ็นสัญญาเข้าสู่วงการแฟชั่นระดับโลกตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยค่าจ้างชั่วโมงละ 7.50 ดอลลาร์

คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช: เคล็ดลับดูแลสุขภาพของนางแบบวัย 93 ที่ยังเจิดจรัสบนรันเวย์จนถึงปัจจุบัน

เดลล์โอเรฟิช เกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1931 ณ นิวยอร์กซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อเป็นนักดนตรีแจ๊ส เวลาเขาเล่นดนตรีมักพาลูกสาวไปชมการแสดงด้วย เธอมักนั่งลงข้าง ๆ พ่อเสมอ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนชีวิตครอบครัวเดลล์โอเรฟิชไปตลอดกาล

แต่การเป็นนักดนตรีของพ่อไม่ได้ช่วยให้ครอบครัวสุขสบายมากนัก ส่วนแม่ก็ทำงานเย็บปักถักร้อย บ้างก็รับซักผ้าทำความสะอาด พวกเขาต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทาง เพื่อเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวให้รอดจากความยากจน เธอเข้าใจความลำบากเป็นอย่างดี และไม่เคยคิดฝันว่าจะใช้ของราคาแพงเลยสักครั้งในชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงไม่อยากเป็นนางแบบ เพราะไม่อยากให้คนที่เห็นเธอสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพง แล้วอยากจะซื้อมันมาครอบครอง

“ฉันคิดว่าตัวเองจะเป็นนักบัลเล่ต์ชื่อดังระดับโลกมากกว่าเป็นนางแบบ” นี่คือความฝันวัยเด็กของเธอ แต่ความยากจนก็เล่นงานเด็กหญิงตัวน้อยเข้าอย่างจัง เดลล์โอเรฟิชจำใจต้องเก็บความฝันนั้นไว้ และคว้าอาชีพนางแบบมาเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์

บ้านของเธอไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีรถยนต์ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะพาให้เดลล์โอเรฟิชสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้ตามสะดวก แต่การเป็นนางแบบจะต้องเดินทางไปต่างสถานที่อยู่แทบตลอด เดลล์โอเรฟิชจึงขอพ่อกับแม่ซื้อโรลเลอร์สเก็ตเพื่อประหยัดเงินค่ารถบัส

ไม่ใช่แค่ความสวยเท่านั้นที่เธอได้รับการยอมรับจากคนในวงการ แต่เป็นความขยัน อดทน และไม่เคยหลงใหลไปกับแสงสีในวงการ ถึงการอยู่ท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์จะทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้คนมากหน้าหลายตา ดึงดูดหนุ่มน้อยใหญ่ให้เข้ามาแวะเวียนขายขนมจีบไม่หยุดย่อน แต่เธอไม่ได้สนใจ คิดเพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็เท่านั้น

เดลล์โอเรฟิชทำงานร่วมกับแบรนด์แฟชั่นอย่าง Horst P. Horst และ Cecil Beaton ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืน เธอต้องกลับบ้านไปซักผ้าปูที่นอนในอ่างอาบน้ำและรับจ้างเย็บผ้ากับแม่ เพื่อหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ข่าววงในบอกว่า รูปร่างของเธอผอมบางเกินไป จนต้องยัดกระดาษทิชชู่เข้าไปตามส่วนเว้าโค้งของชุด ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจจะอดอาหารรักษาหุ่น แต่เธอไม่มีเงินซื้ออาหารมาประทังชีวิต ดีไซเนอร์จึงต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ทุกครั้ง

นี่คือชีวิตวัยเด็กของนางแบบระดับโลก ซึ่งเธอรู้สึกซาบซึ้งทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึง “บอกตามตรงนะ ตอนอายุ 14 ฉันไม่คิดไปไกลกว่านั้นหรอก ขอแค่ตัวเองมีความสุข ไม่ต้องอดอาหาร และสามารถซื้อของที่ตัวเองอยากได้ก็พอแล้ว เรื่องเพชรพลอยหรือเสื้อผ้าราคาแพงไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลย”

เงินเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดของเด็กสาว กว่าจะได้เงินมาแต่ละดอลลาร์ เธอต้องทำงานหนัก ไม่มีชีวิตวัยเด็ก ด้วยเหตุนี้เธอจึงเชื่อว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นในปัจจุบันกำลังกลืนกินจิตวิญญาณของเด็กสาวทั่วโลก สนับสนุนให้ผู้หญิงเห็นแก่วัตถุนิยม

“ฉันคิดว่าในช่วงหลังมานี้ มันเริ่มกลายเป็นเรื่องไร้สาระมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างล้วนมีราคาแพงเกินเอื้อม และฉันก็กลัวเหลือเกินว่าคนหนุ่มสาวจะถูกหลอกล่อด้วยของราคาแพงเช่นนี้ ของที่พวกเขาซื้อแทบไม่ไหว แล้วไม่จำเป็นต่อชีวิตด้วยซ้ำ แต่จำเป็นต้องมีมันเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากคนในสังคม”

ใช่ว่าเดลล์โอเรฟิชจะไม่มีข้าวของราคาแพง เธอเองก็เป็นแฟนตัวยงของ Airfield มานานแล้ว “คุณต้องเข้าใจนะว่า บางทีฉันต้องออกไปพระราชวังเพื่อพบราชินี คือชีวิตฉันค่อนข้างออกไปข้างนอกบ่อย อีกวันก็กลับมานอนอยู่บ้านเฉย ๆ บางวันก็ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน”

ถึงจะมีหน้าตาสะสวยเพียงใด แต่ชีวิตรักของเธอไม่เคยราบรื่น สามีคนแรก ‘บิล ไมล์ส’ (Bill Miles) ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน แต่เขากลับใช้ประโยชน์จากความสาวและสวยของเธอ กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเองจนรวยอู้ฟู่ แต่กลับแบ่งเงินให้เธอใช้เพียง 50 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น

ในช่วงทศวรรษ 1980 - 1990 เธอกลายเป็นบุคคลล้มละลาย หลังจากสูญเสียเงินทั้งหมดไปในตลาดหุ้น และในปี 1994 เธอได้สนิทสนมกับ ‘เบอร์นี แมดอฟฟ์’ (Bernie Madoff) นักต้มตุ๋นชื่อดัง (ซึ่งเป็นเพื่อนกับนอร์แมน เอฟ. เลวี (Norman F. Levy) เพื่อนสนิทเธอ ณ ขณะนั้น) เธอถูกหลอกและสูญเสียเงินออมทั้งหมดของเธอไป

หลังจากนั้นในปี 1958 เธอแต่งงานกับ ‘ริชาร์ด เฮย์แมนน์’ (Richard Heimann) เพียงแค่เวลาสั้น ๆ ก่อนจะมาเจอกับ ‘ริชาร์ด แคปแลน’ (Richard Kaplan) สถาปนิกชื่อดัง สามีคนที่สามและคนสุดท้ายของเธอ ทั้งคู่แต่งงานกันในช่วงกลางทศวรรษ 1960 อยู่ครองคู่มาด้วยกันเป็นเวลา 9 ปี ก่อนจะเลิกรากันไป และเธอก็ไม่เคยแต่งงานกับใครอีกเลยนับแต่นั้น

ในปี 2008 เธอประกาศล้มละลายเป็นครั้งที่สองและตัดสินใจหวนคืนรันเวย์อีกครั้ง ถึงชีวิตรักจะไม่ประสบความสำเร็จ ต้องเสียน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นางแบบสาวรายนี้ไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลวแต่อย่างใด

คาร์เมน เดลล์โอเรฟิช: เคล็ดลับดูแลสุขภาพของนางแบบวัย 93 ที่ยังเจิดจรัสบนรันเวย์จนถึงปัจจุบัน

“ฉันคิดถึงอายุของตัวเองอยู่ตลอด เพราะรู้ว่ายิ่งอายุเยอะเวลาในการทำงานก็เหลือน้อยลงเต็มที

“ตอนฉันอายุ 40 ฉันไม่เคยรู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปตอนอายุ 20 เลย ฉันทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด นั่นคือภาพสะท้อนถึงช่วงอายุของตัวเอง ณ เวลานั้น แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ย้ำเตือนกับฉันซ้ำ ๆ ว่าทำไมการยืนอยู่หน้ากล้องจึงรู้สึกพิเศษเสมอมา”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่ในวงการมาเกือบร้อยปี เธอได้เผยเคล็ดลับความสำเร็จในหน้าที่การงานว่า สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์ ห้ามโกหกตัวเองเป็นอันขาด “ฉันมักจะบอกกับสุภาพสตรีหลายท่านว่า เมื่อพูดถึงรูปลักษณ์แล้ว สิ่งสำคัญคือรสนิยม มันมีคุณค่ามากกว่าเงินทอง เพราะสิ่งนี้ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ และคุณต้องกล้าที่จะแสดงออกถึงความเป็นคุณเองด้วย”

เดลล์โอเรฟิชเคยร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Role x, Jean Paul Gaultier และ John Galliano รวมถึงช่างภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในศตวรรษที่ 21 เธอเคยร่วมงานกับศิลปิน Salvador Dali ถือเป็นจุดเด่นในอาชีพการงานของเธอ แม้ว่าจนถึงทุกวันนี้เธอไม่เคยเห็นภาพที่เขาถ่ายเธอเลยก็ตาม

“ความสมดุลคือคติในการใช้ชีวิตของฉัน ฉันเพิ่งเข้าใจว่ามันสำคัญแค่ไหนเมื่ออายุล่วงเลยเข้าสู่หลักสี่ ฉันไม่เคยเสพยา ไม่เคยสูบบุหรี่ อาจดื่มบ้างแต่ควบคุมให้อยู่ในปริมาณเหมาะสม”

น้ำ อากาศบริสุทธิ์ และออกกำลังกาย คือ เคล็ดลับในการรักษารูปร่างให้สมบูรณ์แบบ เธอไม่เคยนับแคลอรีอาหาร อยากกินอะไรเธอก็จะกินอย่างเต็มที่

“ฉันกินตามความอยากอาหาร ฉันอยากจะเพลิดเพลินกับอาหารให้มากที่สุด หากคุณไม่ชอบผักก็ลองนำมาทำวิธีอื่นแทน เช่น ต้ม ไม่ก็ลองชิมมันตอนยังดิบดู บางทีรสชาติอาจถูกปากกว่าก็ได้ ฉันเคยมีปัญญาเรื่องการกินเหมือนกัน แต่โชคดีที่ระบบเผาผลาญอาหารฉันดี

“จำได้เลยว่าตอนนั้น ฉันกินไอศกรีมเข้าไปเยอะมาก แล้วมีเพื่อนมาบ้านพอดี เขาเปิดช่องฟรีชแล้วถามว่า ‘พระเจ้า! ใครกินไอศกรีมเข้าไปหมดเนี่ย’ ปกติแล้วฉันจะแช่มันเอาไว้ เหมือนกับเป็นเงินสำรองในธนาคาร มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นเสื้อผ้ามั้งที่ทำให้ชีวิตฉันมีความสุข แต่เปล่าเลย ไอศกรีมต่างหากที่ช่วยให้ฉันผ่านวันเวลาแย่ ๆ มาได้”

ส่วนเคล็ดลับการดูแลผิวของเธอ คือ

1. การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เธอมักทำความสะอาดผิววันละสองครั้งโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคุณภาพสูงและอ่อนโยน ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยได้

2. ผิวชุ่มชื้นคือหัวใจหลักแห่งความอ่อนเยาว์ เธอมักใช้เซรั่ม น้ำมันบำรุงผิวหน้า และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อุดมด้วยส่วนผสมอย่างกรดไฮยาลูโรนิกและวิตามินอีอยู่เสมอ

3. ครีมกันแดดอย่าได้ขาด เธอไม่เคยละเลยการทาครีมกันแดดเลยสักวัน เพราะนี่คือปราการในการปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดด และรังสียูวีเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการแก่ก่อนวัยอีกด้วย

4. ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ เธอมักผลัดเซลล์ผิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งด้วยสารผลัดเซลล์ผิวที่มีสารเคมีที่อ่อนโยน เช่น AHA

5. ครีมบำรุงรอบดวงตาสำหรับบริเวณที่บอบบาง เธอใส่ใจเป็นพิเศษกับบริเวณใต้ตาด้วยครีมที่ผสมเปปไทด์เพื่อลดอาการบวมและริ้วรอยเล็ก ๆ

เคล็ดลับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

1. เข้านอนในเวลาเดียวกันทุกครั้ง

2. หลีกเลี่ยงหน้าจอก่อนนอน โดยเลือกที่จะอ่านหนังสือหรือทำสมาธิแทน

3. จัดสภาพแวดล้อมในการนอนให้เหมาะสม โดยห้องนอนต้องเย็น มืด และเงียบจะช่วยให้หลับสบายได้โดยไม่สะดุด

เคล็ดลับในการมีความสุข

"ตื่นตัว มีสติ มีชีวิตชีวา และมีความยืดหยุ่นทั้งทางจิตใจและร่างกาย" คือสิ่งที่เธอท่องกับตัวเองซ้ำ ๆ 

ตลอดชีวิตของเดลล์โอเรฟิชมีแพทย์ประจำตัวอยู่ 3 คนด้วยกัน

คนแรกช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของเธอด้วยการฉีดธาตุเหล็กที่เริ่มลดน้อยลงในวัยชรา

คนที่สอง คือ แพทย์ศัลยกรรมที่ช่วยให้ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ ไม่ต่างจากตอนอายุ 37 ปี

คนที่สาม คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ ประจำอยู่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งช่วยเธอผ่าตัดมดลูก และยังคงเป็นที่ไว้วางใจของเธอจนถึงปัจจุบัน

และเคล็ดลับในการใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างสุดท้าย คือ การปล่อยวาง

“ใครก็ตามที่ไม่เปลี่ยนแปลง คุณได้พลาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณสามารถควบคุมโชคชะตาได้ด้วยการกระทำของตัวเอง และเมื่อคุณคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างบนโลกแล้ว ตอนนั้นแหละคือช่วงตัดสินว่าคุณไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว”

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : Getty Images

 

อ้างอิง