การยุบพรรคก้าวไกลเป็น ‘การตัดสินที่ไร้ความชอบธรรม’ อันบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน

การยุบพรรคก้าวไกลเป็น ‘การตัดสินที่ไร้ความชอบธรรม’ อันบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน

ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม

สืบเนื่องจากรายงานข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยเห็นชอบตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากการรณรงค์ของพรรคเพื่อเสนอปฏิรูปกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์

ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทยต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทยเคยให้คำมั่นไว้

“การยุบพรรคการเมืองเพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภาซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น

“การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธเพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”

การยุบพรรคก้าวไกลเป็น ‘การตัดสินที่ไร้ความชอบธรรม’ อันบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน การยุบพรรคก้าวไกลเป็น ‘การตัดสินที่ไร้ความชอบธรรม’ อันบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน

ข้อมูลพื้นฐาน

ในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญของไทยวินิจฉัยเห็นชอบตามคำร้องของ กกต. และมีคำสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล และทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่สุดของไทย อาจต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

กกต. กล่าวหาในคำร้องว่า พรรคก้าวไกลพยายามโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ จึงเป็นการละเมิดต่อมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นจากการรณรงค์ของพรรคก้าวไกลเพื่อปฏิรูปกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีการใช้ในทางมิชอบ รวมทั้งการใช้กฎหมายนี้ปิดปากผู้แสดงความเห็นต่าง 

นับแต่การทำรัฐประหารในปี 2557 ในประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลพบว่า กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวโดยสงบ และเราได้เรียกร้องกับรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องให้ปรับปรุงเนื้อหาของกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เคยบันทึกข้อมูลการยุบพรรคฝ่ายค้านในไทยมาแล้ว รวมทั้งการยุบ พรรคไทยรักษาชาติในปี 2562 และ พรรคอนาคตใหม่ในปี 2563 และได้ประณามการกระทำเช่นนี้ เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม  ในการเลือกตั้งทั่วไปของไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลได้ 151 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร นับเป็นจำนวนสูงสุดในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากไม่ได้รับคะแนนเสียงมากเพียงพอจากวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งของกองทัพ

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นองค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่มีจุดยืนใดในแง่ข้อพิพาททางการเมือง และยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อภารกิจในฐานะหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน

การยุบพรรคก้าวไกลเป็น ‘การตัดสินที่ไร้ความชอบธรรม’ อันบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน

ภาพถ่าย : ©ศุภสัณห์ กันณรงค์