16 ธ.ค. 2567 | 16:30 น.
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 ‘จอน ชิลด์ส’ (Jon Shield) ชาวอังกฤษในวัย 34 ปี ประจำการอยู่ในกรมพลร่มเกิดประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากที่สูงกว่า 300 เมตร (1,000 ฟุต) ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ข้อเท้า เข่า และสะโพกหัก รวมถึงมีอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดตามมาอีกระลอกใหญ่ ระหว่างกำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เขาเข้ารับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง แต่อาการบาดเจ็บไม่ทุเลาลงเลย ชิลส์ดจึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน โดยไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตจะทำอะไรได้อีก จากชายหนุ่มผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย ชอบออกไปผจญภัย พบเจอผู้คน วันนี้ร่างกายของเขานับวันจะยิ่งเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ไม่มีเรี่ยวแรงจะออกไปพบใครทั้งนั้น และสุดท้ายจึงจำใจต้องออกจากกองทัพไปในที่สุด
หลังจากจมอยู่กับความเศร้าระยะหนึ่ง เขาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เริ่มจากเป็นเข้าคอร์สฝึกอบรมเป็นพยาบาลหน่วยฉุกเฉินตามโรงพยาบาล เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ายังมีคุณค่า และสามารถรับใช้คนในชุมชนต่อไปได้
“มันน่าทึ่งมากที่ผมก้าวมาไกลจนถึงวันนี้
“ตอนนั้นผมทำงานที่โรงพยาบาล มันเป็นช่วงสถานการณ์โควิดกำลังแพร่ระบาด ผมเลยใช้ช่วงเวลาทุกเย็นของวันฝึกซ้อมวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ”
เพราะสะโพกที่หักสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตของชิลด์สอย่างมาก เขาไม่สามารถปั่นจักรยาน วิ่ง หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอได้เลย มันปวดทรมานไปหมด
“ผมอยากเอาชนะความเจ็บปวด ผมอยากชนะมัน ชนะไอ้อาการบาดเจ็บบ้า ๆ นี้ให้ได้ เพื่อให้ตัวเองกลับมามีร่างกายแข็งแรงอีกครั้ง
“ผมรู้ว่าการได้รับการยอมรับว่าคุณประสบความสำเร็จในบางสิ่งเป็นเรื่องดี แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าอยากจะหยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จที่ได้รับมา ผมมักมองไปข้างหน้าและจินตนาการถึงความท้าทายในอนาคตอยู่เสมอ”
ความท้าทายที่ว่าคือการลงรายการแข่งวิ่ง Beyond the Ultimate Global Race Series ต้องผ่านสนามตั้งแต่ป่าดงดิบ (Jungle Ultra Marathon) ภูเขา (Mountain Ultra Marathon) ทะเลทราย (Desert Ultra Marathon) และน้ำแข็งหิมะ (Ice Ultra Marathon) ใครจะคิดว่าร่างกายมนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดจนได้เป็นแชมป์รายการวิ่งสุดโหดนี้ได้!
การแข่งขันโหดหินนี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องวิ่งระยะทางรวม 910 กิโลเมตร ใน 4 มาราธอนท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายสุดขั้ว ชิลด์สเริ่มลงสนามด้วยการเข้าร่วมรายการวิ่ง Desert Ultra Marathon ประเทศนามิเบีย ในปี 2024 ต้องฝ่าคลื่นความร้อนอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ลมแรงไม่ปราณีมนุษย์หน้าไหน และทรายที่พร้อมดูดสิ่งมีชีวิตที่เดินผ่านอยู่ทุกเมื่อ นี่คือระยะทาง 250 กิโลเมตร และเขาทำเวลาเสร็จสิ้นภายในเวลา 27 ชั่วโมง 39 นาที
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ชิลด์สยังชนะการแข่งขัน Ice Ultra Marathon จัดขึ้นในแถบอาร์กติกของสวีเดน โดยก่อนหน้านั้นในปี 2022 เขาก็คว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขัน Jungle Ultra Marathon ในทวีปแอฟริกา และเมื่อปี 2023 เขาชนะการแข่งขัน Mountain Ultra Marathon วิ่งท่ามกลางวิวเทือกเขาเทียนซาน ในคีร์กีซสถาน ด้วยเวลาที่เกือบจะทำลายสถิติคือ 29 ชั่วโมง 32 นาทีอีกด้วย
“ตอนที่ผมเข้าเส้นชัยในการแข่งขัน Ice Ultra Marathon ที่สวีเดน ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน มันเป็นแค่ ‘ผมทำได้’ แค่นั้นเลย”
โชคดีที่เขามีนักกายภาพบำบัดคู่ใจ ช่วยให้ชิลส์สามารถทำตามความฝันตัวเองได้อีกครั้ง “ผม... ได้รับการดูแลจากนักกายภาพบำบัดที่เก่งมากครับ เขาช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ จากนั้นผมก็เริ่มวิ่งและพาสุนัขวิ่งไปด้วยกัน
“กว่าจะมาถึงวันนี้ บางวันมันก็แย่ไปหมด มันแย่ลงเรื่อย ๆ จนผมไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองอาจไม่สามารถกลับมาวิ่งได้เหมือนเดิมอีกแล้ว สิ่งที่ผมทำได้คือวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนลงสมัครเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอน
“หลายคนบอกว่าทะเลทรายเป็นสถานที่ที่ยากที่สุด แต่ผมไม่มีปัญหาเลย ผมเคยฝึกซ้อมกับสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อผมลงแข่ง ผมไม่ได้รู้สึกว่ายากลำบากอะไรเท่าไหร่ ส่วนป่าดงดิบเป็นการแข่งที่ลำบากที่สุดก็ว่าได้ อากาศมันร้อนอบอ้าว ประมาณ 36 องศาเซลเซียส ผมรู้สึกตัวเองเหมือนตายไปแล้ว”
นี่คือเรื่องราวน่าทึ่งของชายที่ห่างหายจากการวิ่งไป 7 ปี
7 ปีที่เขาเวลาทุ่มเทพลิกฟื้นร่างกายให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
และเป็นเวลา 7 ปีที่ชายชาวอังกฤษรายนี้ เปลี่ยนบทบาทจากพลร่มมาสู่โค้ชวิ่ง ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก
“ผมภูมิใจที่ชนะการแข่งขันทั้ง 4 รายการได้เป็นคนแรก เพราะผมต้องผ่านทุกอย่าง ทั้งแมลง สัตว์ป่า และอุณหภูมิสุดขั้ว ซึ่งหนทางเดียวที่จะรอดคือ คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ”
เรื่องราวของจอน ชิลด์สไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักวิ่งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของความมุ่งมั่นและการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในชีวิต แม้ร่างกายจะบอบช้ำมากเพียงใด แต่จิตใจที่แข็งแกร่งสามารถนำพาเราไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
ภาพ : Instagram/ jon_shield_runs_ultras
อ้างอิง