27 ก.พ. 2566 | 13:00 น.
หากจะเอ่ยถึงสโมสรฟุตบอลของประเทศอังกฤษที่ได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก หนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะสโมสรแห่งนี้สร้างความสำเร็จมาแล้วอย่างมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา
‘เอริก เทน ฮาก’ กุนซือของปีศาจแดงคนปัจจุบัน ได้เจอบทพิสูจน์ที่ยากมากขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้วเกือบเท่าตัว แม้ว่าฤดูกาลได้เริ่มต้นไม่เลวร้ายมากนักกับผลงานแชมป์ คาราบาว คัพ, รองแชมป์เอฟเอ คัพ และจบอันดับ 3 ในพรีเมียร์ ลีก
แต่เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2023-24 ดูแล้วระบบภายในทีมและตัวเขาเองกำลังเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการสปิริตภายในทีม นักเตะผู้มาใหม่ที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ทันที ประกอบกับผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บสลับกันไปมาตลอดทั้งฤดูกาล จนทำให้ทีมทำผลงานขาดความสม่ำเสมอ
ผลลัพธ์ที่ออกมาไล่เรียงตั้งแต่ตกรอบแรกในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกด้วยอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ตกรอบ 4 แพ้คาบ้านให้แก่ 'นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด' 0-3 ในศึกคาราบาว คัพ ที่ตนเองเป็นแชมป์เก่า และจบอันดับ 8 ต่ำสุดในยุคพรีเมียร์ลีก จากผลงาน ชนะ 18 เสมอ 6 และแพ้ถึง 14 นัด โอกาสแก้ตัวในนัดชิงเอฟเอ คัพ จึงเป็นความหวังสุดท้ายของเขา
"มันยังดีไม่พอ อันดับ 8 คือผลงานที่แย่ที่สุด ซึ่งเราควรทำได้ดีกว่านี้ หวังว่าเราจะมีสัปดาห์ที่ดี เราจะทำทุกอย่างเพื่อคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในวันเสาร์นี้ให้ได้"
เขาให้สัมภาษณ์หลังเกมสุดท้ายจบฤดูกาลในนัดที่พาทีมบุกไปเอาชนะ ไบรท์ตัน ด้วยสกอร์ 2-0
แม้ว่าก่อนแข่งจะมีข่าวลือปล่อยออกมาว่า ไม่ว่าในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพนัดนี้ผลจะออกมาดีหรือแย่อย่างไร บอร์ดของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้มีคำตอบในใจเรียบแล้ว ก่อนแข่ง เทน ฮาก ได้ให้สัมภาษณ์กับกระแสดังกล่าวไว้ว่า
"เราควรสร้างบางสิ่งบางอย่าง เราได้เริ่มก้าวแรกเมื่อปีที่แล้ว แต่จากนั้นคุณก็จะพบว่าสโมสรแห่งนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน และไม่มีใครพอใจเลย คนในสโมสรพอใจ แต่คนด้านนอกกลับส่งเสียงโวยวายว่า ผมได้แค่แชมป์ คาราบาว คัพ และแพ้ใน เอฟเอ คัพ นัดชิง และจบอันดับ 3 ถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็คงไม่รู้ถึงความเป็นจริง สโมสรอื่นๆ นั้นมีทีมที่ดีกว่าเรามาก"
แม้ว่าจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 13 ของสโมสรฯ ด้วยผลงาน 2-1 แต่ผลงานของ ‘เอริก เทน ฮาก’ น่าจะยังคงเป็นคำถามในใจของแฟนปีศาจแดงต่อไปว่า ใครจะเป็นคนที่พาทีมหวนคืนความยิ่งใหญ่?
หลังจาก ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ ลงจากเก้าอี้ไปเมื่อปี 2013 นับจนถึงเวลานี้ 11 ปีผ่านมาแล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถพาทีมชูถ้วยพรีเมียร์ ลีก ได้อีกเลย
ซึ่งเขาเคยพาสโมสรแห่งนี้ก้าวไปสู่บัลลังก์แชมป์มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลากว่า 27 ปี ทั้งฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (FIFA Club World Cup) อินเตอร์คอนติเนนตอล คัพ (Intercontinental Cup) ยูโรเปียน ซุปเปอร์ คัพ (European Super Cup) ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ คัพ (European Cup Winners' Cup) พรีเมียร์ลีก (Premier League) เอฟเอ คัพ (FA Cup) ลีก คัพ (League Cup) และเอฟเอ คอมมิวนิตี ชีลด์ (FA Community Shield) 3 นี้
หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือลงในปี 2013 สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ค้นหาผู้ที่จะมาสืบสานผลงานความยิ่งใหญ่ต่อไป แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่มีผู้จัดการทีมคนใดสามารถที่จะทำงานตรงนี้ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และราล์ฟ รังนิก ต่างก็เอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดแทบทั้งสิ้น จะมีก็เพียงโจเซ่ มูรินโญ่ เท่านั้นที่พอจะคว้าถ้วยรางวัลมาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้บ้างอย่างรายการยูฟ่า ยูโรปาลีก 2016-2017, ลีก คัพ 2016-2017 และเอฟเอ คอมมิวนิตี ชีลด์ 2016 แต่ความสำเร็จดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อความคาดหวังของสโมสรและแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในท้ายที่สุดโจเซ่ มูรินโญ่ ก็ต้องอำลาโรงละครแห่งความฝันไป
ขนาดยอดกุนซืออย่างโจเซ่ มูรินโญ่ ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้แล้วใครจะมีความสามารถมากพอที่จะมากอบกู้สถานการณ์นี้ได้ คำถามนี้เกิดขึ้นกับสาวกผีแดงแทบทุกคนจนต่างก็ทำใจกันแล้วว่าคงอีกนานกว่าที่จะมีผู้จัดการทีมสักคนหนึ่งสามารถพาทีมรักของพวกเขาเหล่านั้นกลับมายิ่งใหญ่ได้ จนกระทั่งการเข้ามาของชายที่ชื่อ เอริก เทน ฮาก ในฤดูกาล 2022-202
เอริก เทน ฮาก พาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้งเพียงแค่การเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของเขาเป็นฤดูกาลแรก นั่นก็คือพาสโมสรแห่งนี้คว้าแชมป์ฟุตบอลลีก คัพ ภายใต้ชื่อการแข่งขันว่า คาราบาว คัพ (Carabao Cup) เมื่อค่ำคืนของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดไป 2-0 เป็นการคว้าแชมป์ในรอบ 6 ปีของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นแชมป์แรกของเจ้าตัวกับสโมสรแห่งนี้
นอกจากนั้น ก่อนหน้าการคว้าแชมป์ลีกคัพเพียง 3 วัน เอริก เทน ฮาก ก็เพิ่งพาเหล่าขุนพลปีศาจแดงพลิกสถานการณ์โค่นยอดทีมของโลกอย่างเอฟซี บาร์เซโลนาจากสเปนลงได้ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก (UEFA Europa League) และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปลุ้นแชมป์ต่อไป นอกจากนี้ ในศึกพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ได้ นับว่าเป็นผลงานที่สร้างความสุขให้กับแฟนฟุตบอลของสโมสรแห่งนี้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เอริก เทน ฮาก คือใคร มีเส้นทางในโลกลูกหนังอย่างไร บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับเจ้าตัวให้มากขึ้นกันครับ
ชีวิตนักเตะที่ไม่หวือหวา
เอริก เทน ฮาก เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในฤดูกาล 1989-1990 กับสโมสรเอฟซี ทเวนเต้ (FC Twente) ในฟุตบอลลีกของประเทศเนเธอร์แลนด์บ้านเกิด โดยเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งกองหลังซึ่งในฤดูกาลดังกล่าวเอริก เทน ฮาก ได้ลงสนามไม่บ่อยนัก จนทำให้ในฤดูกาลถัดมา เจ้าตัวจึงย้ายจากสโมสรเอฟซี ทเวนเต้ ไปสู่สโมสรวีบีวี เดอ เกรฟชัป (VBV De Graafschap) ในลีกเอียร์สเต ดิวิซี (Eerste Divisie) ซึ่งเป็นลีกรองของประเทศเนเธอร์แลนด์
และเพียงแค่ในฤดูกาลแรกเอริก เทน ฮาก ก็สามารถคว้าแชมป์ลีกดังกล่าวร่วมกับสโมสรได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวค้าแข้งกับวีบีวี เดอ เกรฟชัป เป็นจำนวน 2 ฤดูกาลได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องกว่า 54 นัดและสามารถทำประตูได้ทั้งสิ้น 6 ประตู
จากนั้นในฤดูกาล 1992-1993 เจ้าตัวก็ย้ายกลับไปยังสโมสรเอฟซี ทเวนเต้ อีกครั้งและได้ลงสนามไปทั้งสิ้น 45 นัดตลอด 2 ฤดูกาล จากนั้นเอริก เทน ฮาก ก็ย้ายออกจากสโมสรเอฟซี ทเวนเต้ เป็นคำรบที่สอง โดยครั้งนี้เจ้าตัวเลือกไปค้าแข้งกับสโมสรอาร์เคซี วาลวิจค์ (RKC Waalwijk) และเอฟซี อูเทร็คท์ (FC Utrecht) ก่อนจะกลับมาที่สโมสรเอฟซี ทเวนเต้ อีกครั้งในฤดูกาล 1996-1997 และก็เล่นกับสโมสรแห่งนี้ไปจนอำลาสนามในปี 2002 และได้ลงสนามไปกว่า 160 นัด สามารถคว้าแชมป์เคเอนวีบี คัพ (KNVB Cup) ร่วมกับทีมได้ในฤดูกาล 2000-2001 และรองแชมป์โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ (Johan Cruyff Shield) ในปี 2001
โดยตลอดระยะเวลาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเอริก เทน ฮาก นั้น เจ้าตัวค้าแข้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นหลัก ไม่ได้มีโอกาสออกไปหาความท้าทายยังสโมสรต่างประเทศ โดยชีวิตการค้าแข้งก็ถือว่าไม่ได้หวือหวามากนัก
เริ่มต้นเส้นทางสายผู้จัดการทีม
หลังจากเอริก เทน ฮาก อำลาสนามไปในปี 2002 ด้วยวัย 32 ปี เจ้าตัวก็เริ่มต้นเส้นทางการคุมทีมด้วยการเข้ามาเป็นทีมงานผู้ฝึกสอนของสโมสรเอฟซี ทเวนเต้ เพื่อเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อนที่จะมีโอกาสไปเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของสโมสรใหญ่อย่างพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (PSV Eindhoven)
จากนั้นในฤดูกาล 2012-2013 เจ้าตัวได้รับงานผู้จัดการทีมเป็นครั้งแรกกับสโมสรโก อเฮด อีเกิลส์ (Go Ahead Eagles) สโมสรในฟุตบอลลีกเอียร์สเต ดิวิซี ซึ่งสโมสรแห่งนี้มีอดีตนักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์อย่างมาร์ค โอเวอร์มาร์ส (Marc Overmars) เป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรเพราะสโมสรโก อเฮด อีเกิลส์ นี้คือสโมสรแรกและสโมสรสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอลของโอเวอร์มาร์สนั่นเอง
เอริก เทน ฮาก ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนจิมมี่ คาลเดอร์วูด สามารถทำผลงานกับสโมสรโก อเฮด อีเกิลส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อสามารถพาสโมสรแห่งนี้จบอันดับที่ 6 ในฤดูกาลปกติก่อนที่จะสามารถเอาชนะในรอบเพลย์ออฟพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จเพียงแค่ปีแรกที่เจ้าตัวเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม และการเลื่อนชั้นในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีของสโมสร
จากนั้นในฤดูกาลถัดมา เอริก เทน ฮาก ก็ออกไปหาความท้าทายใหม่ โดยการรับบทเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค 2 หรือก็คือทีมสำรองของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมระดับโลกจากประเทศเยอรมนีนั่นเอง
โดยบาเยิร์น มิวนิค 2 นั้นเป็นทีมที่เล่นอยู่ในบาเยิร์น เรจินอลลีกา (Regionalliga Bayern) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าตัวก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการได้มีโอกาสทำงานร่วมกับยอดกุนซืออย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เข้ามาคุมสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ เอริก เทน ฮาก ยังสามารถพาสโมสรบาเยิร์น มิวนิค 2 คว้าแชมป์บาเยิร์น เรจินอลลีกา ในฤดูกาล 2013-2014 มาครองได้อีกด้วย
กลับบ้านเกิดเพื่อสร้างชื่อยักษ์ใหญ่
หลังจากเอริก เทน ฮาก ออกไปหาความท้าทายกับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค 2 เป็นระยะเวลากว่า 2 ฤดูกาล ในช่วงฤดูร้อนปี 2015 เจ้าตัวก็กลับมารับงานในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาและหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรเอฟซี อูเทร็คท์ ในลีกบ้านเกิด และก็เป็นสโมสรที่เอริก เทน ฮาก เคยค้าแข้งอยู่ด้วยในสมัยที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ
โดยเพียงแค่ในฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาคุมทีมเอฟซี อูเทร็คท์ ก็สามารถพาสโมสรแห่งนี้จบอันดับที่ 5 ของเอเรดิวิซี่ ลีก (Eredivisie) ซึ่งก็คือฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเป็นรองเพียงสโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน, อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม, เฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัม และอาแซด อัลค์มาร์ เท่านั้น ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมาซึ่งก็คือฤดูกาล 2016-2017 เอริก เทน ฮาก จะสามารถพาเอฟซี อูเทร็คท์จบการแข่งขันเอเรดิวิซี่ ลีกด้วยอันดับที่ 4 คว้าโควตาไปแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบคัดเลือกได้สำเร็จ
ผลงานการคุมทีมของเอริก เทน ฮาก ได้รับการยอมรับและจับตามองจากสโมสรต่าง ๆ มากมายก่อนที่จะเป็นสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศที่คว้าเจ้าตัวไปนั่งแท่นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนในฤดูกาล 2017-2018 โดยรับตำแหน่งต่อจากมาร์เซล ไคเซอร์ และเจ้าตัวก็สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดีตลอดการคุมทีมในช่วงปี 2017-2022
โดยเอริก เทน ฮาก มักให้โอกาสกับผู้เล่นอายุน้อยเสมอ สามารถพาสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์หรือเอเรดิวิซี่ ลีกได้ 3 สมัยในฤดูกาล 2018-2019 , 2020-2021 และ 2021-2022 รวมทั้งยังสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเคเอนวีบี คัพได้ 2 สมัยในฤดูกาล 2018-2019 กับ 2020-2021 และคว้แชมป์โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ ในปี 2019
นอกจากนี้เอริก เทน ฮาก ยังสามารถพาสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม สร้างผลงานในเวทีสโมสรยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อสามารถพาทีมยักษ์หลับทีมนี้ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฤดูกาล 2018-2019 โดยในรอบแรกพวกเขาอยู่ร่วสายกับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี), เบนฟิกา (โปรตุเกส) และเออีเค เอเธน (กรีซ) และก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ด้วยการเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มโดยลงสนาม 6 นัด ชนะ 3 นัดและเสมอ 3 นัด ไม่พ่ายแพ้ทีมใด โดยผลงานเด่นคือการบุกไปเสมอกับบาเยิร์น มิวนิค 1-1 และกลับมาเสมอกันอีกครั้ง 3-3 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอริก เทน ฮาก สร้างความตกตะลึงให้กับโลกฟุตบอลเมื่อสามารถพาสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ฝ่าด่านอรหันต์อย่างสโมสรเรอัล มาดริด ไปได้โดยอาแจกซ์นั้นเปิดบ้านพ่ายแพ้ไปก่อน 1-2 ก่อนที่ในเกมเยือนลูกทีมของเอริก เทน ฮาก สามารถบุกไปเอาชนะราชันชุดขาวได้ถึงถิ่นซานเตียโก เบร์นาเบว 4-1 แซงหน้าเข้ารอบไปอย่างเหลือเชื่อ
จากนั้นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย สโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้งด้วยการบุกไปเอาชนะยูเวนตุส ยอดทีมของอิตาลีได้ถึงถิ่น 2-1 หลังจากที่นัดแรกเสมอกันมา 1-1 ที่บ้านของอาแจกซ์ ทำให้เมื่อรวมผลการแข่งขัน 2 นัดก็เป็นลูกทีมของเอริก เทน ฮาก ที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้
แม้ว่าจะเป็นที่น่าเสียดายที่ในที่สุดสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ภายใต้การคุมทีมของเอริก เทน ฮาก จะมาได้ไกลเพียงแค่รอบนี้ แต่นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวมีศักยภาพมากเพียงใดในการคุมทีม และก็แน่นอนว่าด้วยผลงานระดับนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เอริก เทน ฮาก จะได้รับการจับตามองให้เป็นยอดกุนซือคนต่อไป
ความท้าทายในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ฤดูกาล 2022-2023 หลังจากที่เอริก เทน ฮาก สร้างผลงานไว้มากมายกับสโมสรอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวจะออกมาหาความท้าทายใหม่ ณ ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีฟุตบอลลีกที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างประเทศอังกฤษ และสโมสรใหม่ที่รอให้เอริก เทน ฮาก มาปลุกยักษ์ที่หลับไหลอยู่ก็ได้แก่ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และรอการกลับมาในเส้นทางของตัวเองอีกครั้ง
ทันทีที่เจ้าตัวรับงานนี้ ก็มีคำวิจารณ์มากมายถึงความสามารถและความเหมาะสม อีกทั้งบารมีของเจ้าตัวจะเพียงพอที่จะมาคุมทีมนี้หรือไม่ เอริก เทน ฮาก จะเอาตัวรอดและควบคุมบรรยากาศในห้องแต่งตัวเอาไว้ได้หรือ?
นี่คือคำถามจากนักวิเคราะห์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะขนาดกุนซือมากประสบการณ์อย่างหลุยส์ ฟาน กัล และโจเซ่ มูรินโญ่ ยังไม่สามารถสร้างผลงานตามคาดหวังในโรงละครแห่งความฝันได้
เอริก เทน ฮาก ไม่ออกมาตอบโต้ให้เสียเวลา ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาเริ่มปรับเปลี่ยนโรงละครแห่งนี้ทันที นักเตะรายใดไม่อยู่ในแผนการและแนวทางของเจ้าตัวก็ได้แต่เก็บกระเป๋าออกจากทีมไป คงไว้แต่นักฟุตบอลที่กระหายในความสำเร็จและพร้อมจะทุ่มเทเพื่อสโมสรแห่งนี้เท่านั้น
วิธีการของเอริก เทน ฮาก ค่อย ๆ สร้างทีมสปิริตให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ผลงานในศึกพรีเมียร์ลีกเริ่มดีขึ้นตามลำดับจนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตารางมีโอกาสลุ้นโควตาไปแข่งขันในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้า นอกจากนี้เส้นทางในฟุตบอลถ้วยก็ยังมีโอกาสในการลุ้นแชมป์ทุกรายการ
ล่าสุด เมื่อค่ำคืนของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศของศึกคาราบาว คัพ (Carabao Cup) เป็นแชมป์แรกของสโมสรในรอบ 6 ปี และเป็นแชมป์แรกในยุคของเอริก เทน ฮาก กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนี้ก็ต้องลุ้นกันต่อไปแล้วว่าเจ้าตัวจะใช้มันสมองและความสามารถสร้างสรรค์ผลงานและเกียรติประวัติใดต่อไปได้อีก
ฉายแววต่อหน้าตำนานของชาติ
ในช่วงที่ เอริก เทน ฮาก อายุ 13 ปีนั้น เจ้าตัวได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องฟุตบอลกับนักฟุตบอลและกุนซือระดับตำนานอย่างโยฮัน ครัฟฟ์ โดยการสนทนาดังกล่าวแสดงให้เหตุถึงมุมมองและทัศนคติของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี โดยเหตุการณ์ในวันนั้นมีการบันทึกบทสนทนาไว้ โดยโยฮัน ครัฟฟ์ ได้เอ่ยขึ้นมาว่า
“มันเกิดขึ้นบ่อย ๆ ใช่ไหม ที่เทรนเนอร์ตะโกนใส่ หรือทำอะไรแบบนั้นกับพวกหนู”
จากนั้นคำตอบของ เอริก เทน ฮาก ก็สร้างความประทับใจให้แก่ตำนวนนานอย่างโยฮัน ครัฟฟ์
“ผมคิดว่าคุณควรระวังที่จะไม่ตะโกนใส่ผู้เล่นเยาวชนมากเกิน เพราะคุณอาจทำลายผู้เล่นด้วยวิธีแบบนั้น แต่ในระดับสูงขึ้นมา เช่นในทีมชุดใหญ่ของอาแจ็กซ์ คุณควรที่จะสามารถพูดอะไรเกี่ยวกับมันได้ คนพวกนั้นฝึกซ้อมแทบทุกวันในแต่ละสัปดาห์ ถ้าพวกเขาทำผิดพลาดซ้ำแบบเดิม คุณควรสามารถไปเผชิญหน้ากับพวกเขา (นักเตะทีมชุดใหญ่) ได้”
คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่าเอริก เทน ฮาก สามารถแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างผู้เล่นเยาวชนกับผู้เล่นอาชีพได้ตั้งแต่วัยเยาว์
ครับและนี่คือเรื่องราวราวของเอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมที่แบกรับเอาภาระกิจในการปลุกความยิ่งใหญ่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลับมาในโลกฟุตบอลอีกครั้ง
แต่เวลานี้คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การลุ้นไปด้วยกันว่า เอริก เทน ฮาก จะได้กุมบังเหียนทีมนี้ต่อไปหรือไม่ และถ้ากลับมาได้ลบล้างกระแสข้าวถูกปลดออก ปีศาจแดงจะกลับมามีสีสันในโลกของฟุตบอลอีกครั้งหรือไม่?
*หมายเหตุ: อัพเดทเนื้อหาเพิ่มเติมในวันที่ 25 พฤษภาคม 2567