มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา

มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา

โอเอซิส (Oasis) เลียนแบบเรา เราเจอมาหมดแล้วแหละ พูดตามตรงนะ ผมประหลาดใจที่พวกเขาอยู่ด้วยกันได้นานขนาดนั้น

นี่คือคำพูดของ โรบิน กิบบ์ (Robin Gibb) สมาชิก 1 ใน 3 ของวง Bee Gees ที่กล่าวถึงสองพี่น้องสุดแสบจากวงโอเอซิส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการตีกันออกสื่อไม่เว้นวัน จนแบร์รีกับโรบิน ในฐานะวงรุ่นพ่อที่ทะเลาะกันมาก่อนถึงกับเคยเอ่ยปากให้ทั้งสองเพลา ๆ การฟาดฟันกันอย่างเผ็ดร้อนลงบ้าง

Bee Gees ถือเป็นวงป๊อประดับตำนานที่ตีคู่มากับวงดนตรีจากเกาะอังกฤษในยุคเดียวกันอย่าง The Beatles โดย Bee Gees เป็นเจ้าของผลงานอมตะอย่าง ‘Stayin’ Alive’ (ซาวนด์แทร็คประกอบภาพยนตร์เรื่อง Saturday Night Fever), ‘How Deep is Your Love’ และ ‘Too much Heaven’ เอกลักษณ์ของวงอยู่ที่เป็นวงสามพี่น้องที่นิยมการร้องประสานเสียง ซึ่งเสียงของแต่ละคนก็จะมีความดีงามกันไปคนละแบบ แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับลงตัว จนหลาย ๆ คนกล่าวเรียกพวกเขาว่าเป็นเสียงสวรรค์เจ้าของเสียงทั้งสามนั้นก็คือ แบร์รี กิบบ์ (Barry Gibb) พี่ชายคนโต กับสองฝาแฝด โรบิน กิบบ์ และ มอริส กิบบ์ (Maurice Gibb)

ความสัมพันธ์ของพี่น้องกัลลาเกอร์ทำให้เรานึกถึงตัวเอง แต่พวกเขาเป็นเวอร์ชันที่ป่าเถื่อนกว่า แบร์รี กิบบ์ พี่ชายคนโตยอมรับ ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงเรื่องราวของพวกเขาในวัยหนุ่ม ที่เป็นเพียงสามพี่น้องที่รักในสิ่งเดียวกัน พวกเขาอยากเป็นนักร้อง และก็ได้เป็นสมใจ

[caption id="attachment_9483" align="aligncenter" width="920"] มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา จากซ้าย โรบิน, แบร์รี และ มอริซ กิบบ์[/caption]

       Bee Gees ตั้งวงขึ้นในปี 1958 ช่วงปีแรก ๆ ไม่มีใครสนใจพวกเขาด้วยซ้ำ ตอนนั้นพวกเขาถูกมองว่าเป็นพี่น้องสามคนที่ยังเด็ก แถมแต่งตัวไม่เท่ และร้องเพลงเสียงสูงจนทำให้หลาย ๆ คนตลก แน่นอนว่าในตอนนั้นสามกิบบ์ไม่ได้นึกเลยว่าเนื้อเสียงหวาน ๆ ชวนฝันที่ถูกร้องในโทนสูงของพวกเขาจะได้จับจองพื้นที่ในใจคนฟังจำนวนมากในภายหลัง

แม้ Bee Gees จะเป็นวงที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ แต่พวกเขาก็ออกมายอมรับพร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ว่าครั้งหนึ่งวงโคตรตำนานอย่างพวกเขาก็เคยสอบตกเรื่องความสัมพันธ์ ที่แม้ไม่ได้แลกหมัดกันตุบตับหรือกัดกันจนตายไปข้างอย่างโนลกับเลียม แต่ก็เฮี้ยวจนเป็นข่าวดังในแวดวงสังคมในหัวข้อซุปตาร์ตีกันอยู่ไม่น้อย

โรบินกับผมค่อนข้างจะนิสัยต่างกัน แต่เราอยู่ด้วยกัน ผลักดันกันและกัน ถ้าเราปล่อยวางความแตกต่างอื่น ๆ ที่เรามี แล้วสนใจแต่เรื่องดนตรี เราก็จะทำงานออกมาได้ ตอนเราแยกกันผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แบร์รี กล่าวถึงความสัมพันธ์กับน้องชาย ที่เคยห่างหายกันไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง

ผมก็เหมือนกันโรบิน เสริมผมจะรู้สึกถึงความเป็นตัวเองก็ต่อเมื่อยืนอยู่บนนั้น และเริ่มแสดงด้วยกัน นั่นแหละตัวตนของผม

[caption id="attachment_9484" align="aligncenter" width="650"] มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา จากซ้าย มอริซ, โรบิน และ แบร์รี กิบบ์ ในวัยเด็ก[/caption]

       ฟังดูเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักจนหลาย ๆ คนอาจจะอดยิ้มตามไม่ได้ แต่ย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่พี่น้องตระกูลกิบบ์ยังเป็นหนุ่มเลือดร้อนที่ยึดตัวเองเป็นหลัก ขณะที่ผลงานคุณภาพคับแผ่นอย่าง ‘Odessa’ ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 1969 เหมือนกับสปอตไลท์แห่งความดังกำลังฉายมาทางพวกเขา แบร์รี, โรบิน และ มอริซ ตื่นตาตื่นใจกับการขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงเป็นอย่างมาก

แต่ความมีชื่อเสียงก็เหมือนกับสินค้า และมันมีราคาที่ต้องจ่าย ในกรณีนี้มิตรภาพระหว่างพี่น้องคือสิ่งที่พวกเขาต้องแลกไป เมื่อนิสัยอีโก้จัดตามประสาคนดังเริ่มเข้ามาแทนที่ แม้ โรเบิร์ต สติกวูด (Robert Stigwood) โปรดิวเซอร์ของพวกเขาจะพยายามเตือนให้กิบบ์ทั้งสามทำตัวติดดินเข้าไว้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หนุ่มวัยคะนองทั้งสามสนใจ

เราเริ่มแตกหัก เหมือนกับพี่น้องสามคนที่ต้องตัวติดกันตลอดเวลานั่นแหละ เราเหมือนกันเกินไป แต่ก็ต่างกันเกินไปด้วย แบร์รี ยอมรับ และมันเป็นไปตามนั้น เมื่อความขัดแย้งระหว่างแบร์รีกับโรบินนำพา Bee Gees มาถึงทางแยก และโรบินตัดสินใจช่างแม่งด้วยการทิ้งวงออกมาบินเดี่ยว และมักจะใช้เวลาว่างจากงานเพลงไปกับการกัดกับแบร์รีผ่านสื่อ มอริซ ฝาแฝดของโรบิน พยายามที่จะเป็นกาวใจระหว่างทั้งคู่ และเฝ้าพูดถึงการรียูเนียนวงอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อโรบินบอกว่ากูสบายดี รียูเนียนเหรอ ไร้สาระนั่นทำให้แบร์รีถึงกับลั่นวาจาว่าถ้ามัน (โรบิน) กลับมา กูจะไปเอง !”

มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา

       หลังจากผ่านไปร่วมปี สภาวะคุกกรุ่นระหว่างสองคู่กัดจึงค่อย ๆ สงบลง โรบินจึงได้ย้อนนึกถึงวันเก่า ๆ ที่ทั้งสามยังยืนข้างกันบนเวที วันที่เสียงร้องของพวกเขาเติมเต็มกันและกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่เขารู้จากการเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาสั้น ๆ ก็คือไม่มีใครจะรู้ใจเขาไปกว่าพี่น้องของตัวเอง ในที่สุดโรบินก็ยอมยกธงขาว ยื่นคำถามถึงความเป็นไปได้ ในการกลับไปโลดแล่นในฐานะ Bee Gees ร่วมกันอีกครั้ง

มันไม่ได้ทำลายความเป็นพี่น้องของเราหรอก เราวงแตกตอน 1969 โรบินมาที่งานแต่งผมในปี 1970 เราเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง และทันใดนั้น เราก็กลับไปที่สตูดิโอ แบร์รีเล่าความหลัง

  ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักร้องเดี่ยว มันเลวร้ายเกินไป ผมไม่เคยคิดจะแต่งเพลงร่วมกับใครนอกจากแบร์รี เขาเป็นคนเดียวที่ดึงส่วนที่ดีที่สุดของผมออกมาได้โรบินกล่าวเสริม

ชีวิตนั้นสั้นนักแบร์รีเคยพูดไว้แบบนั้น เมื่อวง Bee Gees โลดแล่นอยู่ในวงการ สร้างเพลงระดับตำนานเพลงแล้วเพลงเล่า  แบร์รี และโรบิน ไม่เคยคิดเลยว่ามอริซจะต้องจากไปก่อนด้วยอาการหัวใจวาย ในปี 2003 แม้ทั้งแบร์รี, โรบิน และมอริซเอง จะเคยผ่านประสบการณ์จัดงานศพให้ แอนดี้ (Andy Gibb) น้องชายคนสุดท้อง ที่ไม่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวง Bee Gees ที่จากไปในปี  1988 มาแล้วก็ตามแต่การเสียสมาชิกไปอีกครั้งก็ทำให้พี่น้องตระกูลกิบบ์ที่เหลืออยู่เพียงสองชีวิตตกอยู่ในความเสียใจเป็นอย่างมากและประกาศยุบวงอีกครั้ง

เขาเป็นคนที่ทำให้วงเราปรองดองกัน เหมือนที่เขาเคยพูดไว้ว่าเราคนเดียวก็ใช้ได้แล้ว แต่สองคนจะดีเยี่ยม ยิ่งถ้าเราสามคนอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ นั่นแหละถึงจะเรียกได้ว่าเวทมนตร์หนึ่งในสองพี่น้องที่เหลือกล่าวด้วยความอาลัย

มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา

       แต่สุดท้าย นักร้องย่อมคู่กับไมค์ แบร์รีและโรบินทวงคืนความยิ่งใหญ่ของ Bee Gees ด้วยการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งงานคู่และงานเดี่ยว เรียกได้ว่าแฟนเพลงอยู่ที่ไหน สองดาวป๊อปรุ่นพ่อก็จะพาตัวเองไปให้แฟน ๆ ได้ฟังผลงานอมตะของตนเข้าจนได้

แม้จะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงโรคมะเร็งที่โรบินต้องใช้เวลาต่อสู้อยู่ร่วมปี แต่การจากไปของน้องชายคนสุดท้าย ในปี 2012 ก็ทำให้แบร์รีถึงกับเสียหลักนี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก ผมสูญเสียน้องชายไปสองคน และตอนนี้ผมสูญเสียร็อบ (โรบิน)”

และในงานศพของน้องชายนั่นเอง ที่แบร์รีแน่ใจพวกเขารักกันมากแค่ไหนพวกเราหัวเราะไปด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน หลายครั้งที่ร้องไห้ มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเราทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน แบร์รีนิ่งไป ปล่อยเวลาให้ใจได้นึกถึงความขัดแย้ง รอยยิ้ม และเรื่องราวที่พวกเขาเคยผ่าน นึกภาพกลุ่มคนและน้ำตาที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของน้องชายแต่ละคนของเขา

พวกเขาทั้งคู่งดงาม และตอนนี้พวกเขาไปอยู่ด้วยกัน พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแล้วจริง ๆแบร์รีกล่าวปิดท้าย โดยที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าการเป็น Bee Gees ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวนั้นจะรู้สึกอย่างไร (ใครจะรู้ ความตายของน้อง ๆ ทุกคนอาจจะเป็นสาเหตุที่แบร์รีเตือนโนลบ่อย ๆ เรื่องการลับฝีปากกับเลียมก็ได้)

ผมคือคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ผมไม่เข้าใจมันเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อผมคือคนที่แก่ที่สุด นี่คือคำที่แบร์รีพูดไว้เมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2019 โดยก่อนหน้านั้น แบร์รีก็เคยออกมาพูดถึงเรื่องราวทั้งร้ายและดีของคนในครอบครัวอยู่เสมอ ราวกับว่าเขายังคงเก็บความทรงจำที่มีต่อน้อง ๆ ทุกคนเอาไว้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะสานต่อความฝันที่มีร่วมกันของ Bee Gees ด้วยการร้องเพลงต่อไป

[caption id="attachment_9487" align="aligncenter" width="1440"] มีมันไม่มีกูเว้ย ! ย้อนความรักแสนขมวง Bee Gees บทเรียนของพี่น้องที่กัดกันแทบตาย สุดท้ายต้องจากกันด้วยน้ำตา คอนเสิร์ตสุดท้ายเมื่อปี 1997[/caption]

       สิ่งที่เรารู้ คือแบร์รีไม่เคยปล่อยให้เสียงเพลงของ Bee Gees เลือนหาย จากวันที่เขาทั้งสามยืนล้อมไมโครโฟนหนึ่งตัว และร้องประสานเสียงไปด้วยกัน วันนี้ แบร์รีในฐานะ Bee Gees คนสุดท้าย ยังคงเดินสายจัดคอนเสิร์ตด้วยวัยกว่า 70 ปีอย่างไม่เคยถอดใจ เขายังคงเต็มที่บนเวทีและทำหน้าที่แทนน้อง ๆ อีกสองคน ราวกับว่าพวกเขาอาจจะได้ฟังเสียงร้องแหลมสูงที่คุ้นหูนี้จากที่ไหนสักแห่ง แล้วร้องประสานเสียงมาจากที่แห่งนั้น แล้ว Bee Gees ทั้งสามพี่น้องจะเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งและอีกครั้งอย่างที่แบร์รีให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

เราทุกคนมีความฝันอย่างเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดถึงมากกว่าอื่นใด

 

เรื่อง : จิรภิญญา สมเทพ (The People Junior)

ที่มา : https://www.mirror.co.uk/3am/celebrity-news/bee-gees-day-two-bitter-428677

https://www.stuff.co.nz/entertainment/tv-radio/tv-guide/98201559/barry-gibb-remembers-intense-arguments-with-his-brothers-in-the-bee-gees

https://www.telegraph.co.uk/culture/culturenews/9320172/Barry-Gibb-Robin-and-I-fought-to-the-end-but-it-all-means-nothing-now.html

https://www.smoothradio.com/artists/bee-gees/barry-gibb-interview-emotional/