26 พ.ย. 2567 | 17:54 น.
เพราะในช่วงเวลาที่ชีวิตเผชิญความมืดหม่น เศร้าหมอง และโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตัดสินใจเปลี่ยนงานเพื่อพาตัวเองหนีออกจาก toxic หรือในช่วงประสบอุบัติเหตุร้ายแรง รวมถึงในตอนที่ต้องจบความสัมพันธ์ครั้งที่วาดหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับทำให้รู้ซึ้งถึงคำว่า ‘แตกสลาย’ เป็นครั้งแรกในชีวิต…
เนื้อเพลงที่เป็นดั่งคำปลอบประโลมเยียวยา และเสียงกลองที่ดังกึกก้องจนใจกลับมาเต้นระรัวฮึกเหิม จาก ‘Imagine Dragons’ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างเราอย่างสัตย์ซื่อ ไม่เร่งรัดและโบยตี
ดังนั้นแล้ว คงไม่ต้องพร่ำพรรณาให้มากความว่า การได้ไปดูคอนเสิร์ต ‘Imagine Dragons: LOOM WORLD TOUR LIVE IN BANGKOK’ เมื่อค่ำ 23 พฤศจิกายน 2024 จะมี ‘ความหมาย’ กับเรามากเพียงใด
อาจเป็นเพราะคุ้นชินกับการปล่อยให้ ‘เวลา’ พัดพาความหนักอึ้งออกจากหัวใจ การที่ Imagine Dragons ขึ้นเวทีช้าไปสักหน่อย เลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเรานัก ยิ่งเมื่อ ‘แดน เรย์โนลด์ส’ กับเพื่อนร่วมวง ปรากฏตัวบนเวที โดยเปิดด้วยเพลงจังหวะสบาย ๆ อย่าง ‘Fire in these hills’ จากอัลบั้ม ‘LOOM’ ที่ยอมรับแต่โดยดีตั้งแต่ท่อนแรกว่า “I don’t think that I’m strong enough” แต่ไม่ว่าฉันจะเหลวเป๋วไม่เป็นท่าเพียงใด เธอคนดีก็ยังจะอยู่ข้างฉัน… เพียงแค่นี้การรอคอยและความเหนื่อยล้าจากการเบียดเสียดก็เบาบางลงแล้ว
Imagine Dragons ไม่ปล่อยให้เวลาไหลไปโดยไร้ความหมาย พวกเขาค่อย ๆ พาคนดูที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ไต่ระดับความมันส์ต่อด้วยเพลงดังอย่าง ‘Thunder’ จากอัลบั้ม ‘Evolve’ เมื่อปี 2017 ที่แฟนเพลงชาวไทยร้องตามได้อย่างเสียงดังฟังชัด และเพลง ‘Bones’ ที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งภายใน ทั้งฮอลล์พากันช่วยร้องสุดเสียงในท่อน Pre Chorus สุดกระแทกกระทั้น “My patience is waning, is this entertaining. Our patience is waning, is this entertaining?” ก่อนจะ “อา อี ยา อี ย๋า” กันต่อในท่อนฮุค
แต่ที่เราเริ่มรู้สึกว่าความมันส์ก่อตัวจนพื้นสะเทือน น่าจะเป็นเพลงที่สี่อย่าง ‘Take me to the beach’ ที่มีลูกเล่นเป็นการปล่อยลูกโป่งยักษ์ออกมาให้คนดูเล่น ให้อารมณ์จอย ๆ เหมือนอยู่ที่ชายหาดตามชื่อเพลง
และแล้วก็มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย เมื่อ ‘แดน เรย์โนลด์ส’ ที่เหงื่อแตกพลั่ก ถอดเสื้อที่ชุ่มโชกโชว์ซิกแพคร้องเพลง ‘Whatever it takes’ ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าเหมาะสุด ๆ ที่จะป๋าแดนจะปลดปล่อยตัวเองให้เบาสบาย ในยามที่ต้องร้องในท่อน “I’m ready for whatever it takes. Cause I love the adrenaline in my veins. I do what it takes”
แดนพักหายใจหายคอทักทายคนดู เขายอมรับว่า ตอนที่ก่อตั้งวงเมื่อกว่า 15 ปีก่อน เขาก็ไม่คิดว่า Imagine Dragons จะเดินทางมาถึงจุดที่ได้ทัวร์รอบโลกอย่างวันนี้ และไม่ลืมที่จะขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจ ที่ใช้เวลาอันมีค่าในค่ำคืนนี้ไปกับเสียงเพลงของพวกเขา
ต่อกันด้วยเพลงที่แดนบอกว่า ไม่ใช่เพลงรัก แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพลงอะไร อย่าง ‘Bad liar’ ซึ่งเราคิดว่ามันช่างไพเราะและบาดลึกเหลือเกินเมื่อได้ฟังสด ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกงงงวยว่า ทำไมตอนนี้ทุกคนในฮอลล์ดูจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ราวกับรวมกันเป็นของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ในหัวใจของแดน ในช่วงที่เขาเผชิญความยากลำบากจากการเลิกรากับภรรยา… หรือการพลัดพราก ความเจ็บปวด จะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องพานพบเหมือน ๆ กัน
กำลังซาบซึ้งและใคร่ครวญอยู่ดี ๆ พี่แดนก็สลัดมาดเท่หยิบที่คาดผมแพนด้ามาโชว์มุมน่ารักกุ๊กกิ๊กที่สุดจะย้อนแย้งกับเพลงชวนโดดอย่าง ‘Wake up’ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความสั่นสะเทือนที่พื้นอีกครั้ง (และสารภาพว่าขณะที่กำลังเขียนถึงตรงนี้ เราก็แอบนั่งโยกตัวเบา ๆ ตามเพลงในหูฟัง)
ความพลุ่งพล่านดูจะไม่หายไปง่าย ๆ เมื่อ Imagine Dragons พาทุกคนไหลต่อไปที่เพลง ‘RadioActive’ ที่แค่อินโทรคนดูก็กรี้ดลั่นจนแทบลืมหายใจ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ‘แดน เรย์โนลด์ส’ ซึ่งแทบจะกลายเป็นเจ้าลัทธิอะไรสักอย่าง ก็วางไมค์ลงชั่วคราว ปล่อยให้การร้องเป็นหน้าที่ของคนดู ส่วนตัวเขานั้นขอไปโชว์ลีลาตีกลองประชันกับมือกลองอย่างเมามันส์
เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจ พี่แดนคนเท่ยังโดดไปที่เปียโนต่อทันที ปรับอารมณ์ได้อย่างว่องไวก่อนไปต่อที่เพลง ‘Demons’ ที่เราคิดว่างดงามกว่าการฟังในสตรีมมิงหลายล้านเท่า และส่วนตัวขอยกให้เพลงนี้เป็น magic moment ที่สุดในโชว์
แต่สำหรับหลาย ๆ คนอาจแย้งว่า ‘Natural’ ต่างหาก ที่เจ๋งสุดในโชว์นี้ หากวัดจากเสียงร้องที่ดังกระหึ่ม อันนี้เราก็เถียงไม่ออกจริง ๆ เพราะตัวเองก็ตะโกนร้องสุดเสียงเหมือนกัน ด้วยหลายท่อนในเพลงนี้มันช่างกระแทกใจอารมณ์ช่วงนี้จริง ๆ
“Natural. A beating heart of stone. You gotta be so cold. To make it in this world. Yeah, you're a natural. Living your life cutthroat. You gotta be so cold. Yeah, you're a natural”
หลังจากใช้พลังไปกับหลายเพลงติด ๆ กัน แดนได้ใช้เวลาในช่วงพักเพื่อสื่อสารบางสิ่งที่เราคิดว่า ‘ทรงพลัง’ ไม่น้อยไปกว่าการร้องเพลง
“หากคุณกำลังต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล อย่างที่ผมก็ต่อสู้มาทั้งชีวิต ผมหวังว่าคุณจะไม่เก็บมันไว้กับตัวเองเพียงลำพัง ผมหวังว่าคุณจะไปหาใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัว หากเป็นไปได้ จงไปบำบัด ผมเองก็ได้รับการบำบัดมาหลายปีแล้ว มันเป็นเหตุผลที่ผมยังอยู่ตรงนี้
“หลายคนชอบพูดว่า ดนตรีช่วยชีวิตพวกเขาได้ ดนตรีไม่ได้ช่วยชีวิตผมเลย การบำบัดต่างหากที่ช่วยชีวิตผมไว้ ผมได้แต่หวังว่า ให้คุณรู้ว่าตัวเองเป็นใคร และอย่าเปลี่ยนแปลงไป จงรักตัวเอง คุณคู่ควรกับความรัก จงเดินหน้าต่อไป คุณมีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ ชีวิตของคุณมีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่เสมอ อยู่กับพวกเรานะ”
ใครไม่ร้องไห้ตรงนี้ แต่เราร้อง สารภาพเลย… และน้ำตาเราก็ยังไหลไปต่อเนื่องถึงเพลง ‘Walking the wire’ เพลงที่ท่อนฮุคจะจบลงที่คำว่า ‘love’ หรือ ‘ที่รัก’ ที่จะผ่านร้อนผ่านหนาวไปด้วยกัน ในยามที่จับมือกันเดินบนเส้นลวดบาง ๆ… แต่โมเมนต์นี้เรากลับไม่รู้สึกว่า ‘ที่รัก’ ในเพลงนี้หมายถึง ‘คนรัก’ แต่กลับหมายถึง คนที่รู้ซึ้งถึงความหม่นหมองเหมือน ๆ กัน คอยให้กำลังใจกันว่า “ไม่เป็นไรเพื่อน วันหนึ่งเราจะผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้”
ขึ้นชื่อว่า Imagine Dragons พวกเขาไม่ปล่อยให้คุณจมกับความเศร้าซึมนาน พลันที่อินโทรเพลง ‘Sharks’ ขึ้น เราก็พร้อมปาดน้ำตา แล้ว move on…. ไหนจะ ‘Enemy’ กับ ‘Eyes closed’ ที่ต่อคิวรอให้ตะโกนร้องเพื่อปลดปล่อยทุกความรู้สึกอีก เพราะฉะนั้นจะมาเสียเวลายืนดิ่งในคอนเสิร์ตนี้ไม่ได้
เข้าสู่เพลงท้าย ๆ คนในฮอลล์เริ่มใจคอไม่ดี เพราะไม่อยากให้คอนเสิร์ตจบเร็ว แต่ก็มิวายร้องก็ตามกันเป๊ะ ๆ ทั้งใน ‘In your corner’ และแน่นอนปิดท้ายด้วย ‘Believer’ ที่ยิ่งใหญ่ อลังการ สมการรอคอย
แม้จะทิ้งลูกอ้อนไว้ในช่วงท้าย ๆ ว่า อยากกลับมาเมืองไทยอีก แต่จบก็คือจบ ต่อให้แฟนเพลงชาวไทยจะร่ำร้องขอให้แถมอีกสักหน่อย แต่พี่แดนและเพื่อนร่วมวงก็เดินกลับเข้าหลังเวทีไปแบบไม่หันกลับมา จนไฟเปิดนั่นแหละ แฟนพ่อมังกรถึงถอดใจยอมเดินออกจากฮอลล์ไป พร้อมกับความทรงจำที่น่าจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีนี้
เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images