5 สิ่งที่ ‘บิล เกตส์’ แนะนำบัณฑิตใหม่ในพิธีจบการศึกษา (ที่เขาไม่เคยเข้าร่วม)

5 สิ่งที่ ‘บิล เกตส์’ แนะนำบัณฑิตใหม่ในพิธีจบการศึกษา (ที่เขาไม่เคยเข้าร่วม)

‘บิล เกตส์’ กล่าวสุนทรพจน์วันรับปริญญาครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยพูดถึง ‘5 คำแนะนำที่เขาอยากได้ยินในวันจบการศึกษา’

  • บิล เกตส์ ยอมรับว่า ตอนที่เขาออกจากมหาวิทยาลัย เขาคิดว่าตัวเองรู้ไปหมดทุกอย่าง แต่ความจริงแล้ว ชายที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ยังคงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทุกวัน 
  • หนึ่งในสิ่งที่บิลเสียใจมากที่สุดระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย คือการที่เขา ‘เข้าสังคมน้อยไป’ นั่นเพราะเขามัวแต่ไปทุ่มเวลาให้กับการเรียน จนไม่ค่อยมีเวลาไปสร้าง ‘มิตรภาพ’ กับใคร 

หลายคนทราบดีว่าอภิมหาเศรษฐี ‘บิล เกตส์’ เรียนไม่จบปริญญาตรี เพราะเลือกจะออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หลังจากเข้าไปเรียนได้ 3 เทอม เพื่อไปเริ่มต้นบริษัท ‘ไมโครซอฟท์’ 

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง แต่ก็ไม่บ่อยนักที่เขาจะไปกล่าว ‘สุนทรพจน์วันรับปริญญา’ 

เขาขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์วันรับปริญญาครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อปี 2007 อีกครั้งที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อปี 2014 

หลังจากนั้นบิลก็เว้นวรรคการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์นานถึง 9 ปี กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2023 เขารับหน้าที่นี้อีกครั้งที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์น แอริโซนา

“คนที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับการสำเร็จการศึกษา บอกตามตรงเลย รู้ไม่มากนักหรอก” บิลวัย 67 ปี กล่าวกับบัณฑิตใหม่

“ระหว่างที่ผมเตรียมตัวมาวันนี้ ผมใช้เวลาคิดมากเลยว่า พวกคุณ ในฐานะบัณฑิตใหม่ จะสามารถสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อโลก ด้วยการศึกษาที่คุณได้รับที่นี่ได้อย่างไร? นั่นจึงทำให้ผมคิดเรื่องคำแนะนำที่ผมไม่เคยได้รับในวันสำคัญแบบนี้” 

หลังจากนั้น บิลจึงได้กล่าวถึง 5 คำแนะนำที่เขาอยากได้ยินในพิธีจบการศึกษา (ที่เขาไม่เคยได้เข้าร่วม) ดังนี้

5 สิ่งที่ ‘บิล เกตส์’ แนะนำบัณฑิตใหม่ในพิธีจบการศึกษา (ที่เขาไม่เคยเข้าร่วม)

“ชีวิตไม่ใช่ละครแค่ฉากเดียว” 

บิลเริ่มต้นด้วยการกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจว่า ตอนนี้บัณฑิตเกือบทุกคนกำลังเจอแรงกดดันมหาศาลระหว่างตัดสินใจเลือก ‘อาชีพ’ เพราะหลายคนรู้สึกว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะมีผลกับพวกเขาไปตลอดชีวิต แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น 

เขายอมรับว่าตัวเขาเองก็เคยเจอแรงกดดันลักษณะนี้มาเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่เขาร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ในปี 1975 ในหัวเขามีชุดความคิดที่ว่า ‘ฉันจะทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิต’

แต่เขาก็ ‘ดีใจมาก’ ที่ตัวเองคิดผิด เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ทำงานที่ไมโครซอฟท์ไปตลอดชีวิต แม้จะทำงานที่นั่นเป็นเวลานาน โดยเป็นซีอีโอจนถึงปี 2000 และเป็นกรรมการจนถึงปี 2014 

“ทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นะ แต่งานประจำของผมคืองานการกุศล” เขากล่าวโดยอ้างถึงงานของเขาที่มูลนิธิ Bill & Melinda Gates ที่เขาร่วมก่อตั้งกับอดีตภรรยา ‘เมลินดา เฟรนช์ เกตส์’

ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มูลนิธิของทั้งคู่ได้ออกเงินช่วยเหลือจำนวน 65,600 ล้านดอลลาร์ มุ่งแก้ปัญหาสำคัญระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเท่าเทียมทางเพศ และการดูแลสุขภาพ

บิลเน้นย้ำในตอนท้ายว่า เป็นเรื่องดีที่ได้ ‘ประเมิน’ และ ‘ปรับเป้าหมาย’ ของตัวเองใหม่ แม้ว่ามันจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราคิดไว้ในตอนแรกก็ตาม

ไม่รู้ไม่เป็นไร

บิลยอมรับว่า ตอนที่เขาออกจากมหาวิทยาลัย เขาคิดว่าตัวเองรู้ไปหมดทุกอย่าง แต่ความจริงแล้ว ชายที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ยังคงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทุกวัน 

เมื่อชีวิตมาถึงจุดหนึ่ง เขาเริ่มตระหนักว่า “ขั้นตอนแรกในการเรียนรู้สิ่งใหม่คือ จงสนใจในสิ่งที่คุณไม่รู้ แทนที่จะมุ่งเน้นไปในสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว” 

เขาขยายความหัวข้อนี้อีกว่า “เมื่อถึงจุดหนึ่งในอาชีพการงานของคุณ คุณจะพบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าตื่นตระหนก หายใจเข้า บังคับตัวเองให้คิดทบทวนสิ่งต่าง ๆ และเรียนรู้จากคนที่ฉลาด”

ซึ่ง ‘คนฉลาด’ ที่บิลหมายถึงนั้น อาจพบได้ทั้งในที่ทำงาน ในเว็บไซต์เครือข่ายมืออาชีพ หรือในหมู่เพื่อนร่วมงาน เขายังบอกด้วยว่า “อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ”

5 สิ่งที่ ‘บิล เกตส์’ แนะนำบัณฑิตใหม่ในพิธีจบการศึกษา (ที่เขาไม่เคยเข้าร่วม)

มุ่งสู่งานที่แก้ปัญหา

บิลบริจาคเงินเพื่อการกุศลครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2022 โดยมอบเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิ Gates Foundation จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่เขาจะสนับสนุนให้บัณฑิตใหม่ใช้โอกาสที่มีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น 

“คุณกำลังจบการศึกษาในช่วงเวลาแห่งโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ช่วยเหลือผู้คน” เขากล่าวและว่า 

“อุตสาหกรรมและบริษัทใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งจะทำให้คุณหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการสร้างความแตกต่าง ในขณะที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะทำให้การสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ ทำได้ง่ายกว่าที่เคย” 

เขายังพูดกระตุ้นให้บัณฑิตใหม่ร่วมต่อสู้ในปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะในฐานะผู้เชี่ยวชาญการป่าไม้ หรือเพื่อช่วยให้ผู้คนได้รับประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ในฐานะโปรแกรมเมอร์ 

“เมื่อคุณใช้เวลาทำบางสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาใหญ่ได้ มันจะเติมพลังคุณให้สามารถทำงานออกมาดีที่สุด มันจะทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และทำให้ชีวิตของคุณมีจุดมุ่งหมายมากขึ้น” 

อย่าประเมิน ‘พลังแห่งมิตรภาพ’ ต่ำเกินไป

หนึ่งในสิ่งที่บิลเสียใจมากที่สุดระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย คือการที่เขา ‘เข้าสังคมน้อยไป’ นั่นเพราะเขามัวแต่ไปทุ่มเวลาให้กับการเรียน จนไม่ค่อยมีเวลาไปสร้าง ‘มิตรภาพ’ กับใคร 

เมื่อมองย้อนกลับไปเรื่องนี้ เขาจึงแนะนำให้บัณฑิตใหม่ รักษาความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย 

“คนที่คุณคลุกคลีด้วยและนั่งข้าง ๆ ตอนเรียน ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้น พวกเขาเป็นเครือข่ายของคุณ ในอนาคตพวกเขาอาจจะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทหรือเพื่อนร่วมงาน หรืออาจเป็นคนสนับสนุน ให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ดีที่สุดของคุณ สิ่งเดียวที่มีค่ามากกว่าการที่คุณเดินลงจากเวทีวันนี้คือคนที่เดินไปกับคุณบนเวที” 

เพื่อนบางคนของบิลได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา เช่น ‘พอล อัลเลน’ เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์มาด้วยกัน รวมถึง ‘สตีฟ บอลล์เมอร์’ หนึ่งในเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ที่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอไมโครซอฟท์ต่อจากเขา 

ในเดือนมีนาคม 2023 บิลกล่าวว่า คำแนะนำที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับคือเรื่อง ‘มิตรภาพ’ และผู้ที่ให้คำแนะนำนี้กับเขาก็คือเพื่อนมหาเศรษฐีที่ชื่อว่า ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ 

บิลถ่ายทอดคำพูดของวอร์เรนที่บอกกับเขาว่า “ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อน ๆ คิดอย่างไรกับคุณ และมิตรภาพเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญ” 

คุณไม่ได้เกียจคร้าน แค่ผ่อนปรนให้ตัวเองบ้าง 

การทำงานอย่างหนักอาจทำให้เราได้รับค่าจ้างเพิ่มหรือเป็นบันไดไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำองค์กร แต่คุณไม่ควรทำงานหนักจนถึงกับต้องแลกกับการใช้ชีวิต 

บิลยอมรับว่า เขาเรียนรู้เรื่องนี้ช้าเกินไป 

“ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ ผมไม่เชื่อเรื่องวันหยุดพักผ่อน ผมไม่เชื่อเรื่องวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมไม่เชื่อว่าคนที่ทำงานกับผมควรต้องหยุด” 

เขาเป็นหนักถึงขั้นคอยจับตาพนักงานไมโครซอฟท์ว่าใครมาทำงานสาย และใครออกไปก่อนเวลา 

กระทั่งเขากลายเป็นพ่อคน เขาจึงตระหนักว่า “ชีวิตมีอะไรมากกว่างาน”

“อย่ารอนานเท่าผม จงใช้เวลาในการทะนุถนอมความสัมพันธ์ของคุณ เฉลิมฉลองความสำเร็จของตัวเอง และเพื่อกู้คืนจากความสูญเสีย หยุดพักเมื่อคุณต้องการ ทำให้คนรอบข้างสบายใจเมื่อพวกเขาต้องการเช่นกัน” 

 

ภาพ: เพจเฟซบุ๊ก Bill Gates

อ้างอิง :

cnbc

observer