‘มีมี้’ ทายาทรุ่น 3 รับแรงกดดันเปลี่ยนเพลงในตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี

‘มีมี้’ ทายาทรุ่น 3 รับแรงกดดันเปลี่ยนเพลงในตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี

รู้จัก ‘มีมี้ - มัลลิกา จิรพัฒนกุล’ ทายาทรุ่นที่ 3 ของนมถั่วเหลืองแลคตาซอย เบอร์หนึ่งในตลาดไทย ผู้ที่มารับความท้าทายเต็ม ๆ จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ 'แลคตาซอย' กับบทพิสูจน์ที่ตัดสินใจเปลี่ยนเพลงในรอบ 17-18 ปี ปิดตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ เพลงที่เด็กและผู้ใหญ่จำเนื้อร้องได้จนจบเพลง

  • แลคตาซอย เปลี่ยนธุรกิจจากผู้ผลิตน้ำอัดลมส่งออกญี่ปุ่นและตีตลาดเยาวราช มาสู่ผู้ผลิตนมถั่วเหลืองเจ้าแรกในประเทศไทย
  • รู้จักกับ  ‘มีมี้ - มัลลิกา จิรพัฒนกุล’ ทายาทรุ่น 3 ที่มารับบทนักเปลี่ยนแปลง กับการเปลี่ยนเพลงในรอบ 17-18 ปี  พร้อมราคาใหม่ของแลคตาซอย

 

กลายเป็นกระแสใหญ่ที่คนให้ความสนใจ ตั้งแต่ที่ ‘แลคตาซอย’ (Lactasoy) เตรียมปรับขึ้นราคา นอกจากนี้ยังจะเปลี่ยนเพลงที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 17 ปี นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวนมถั่วเหลือขนาด 125 มล.ในปี 2548 ด้วยราคา 5 บาท กับเพลงติดหูที่ร้องได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

เส้นทางใหม่ของแลคตาซอย ที่มีหัวเรือเป็นทายาทรุ่น 3 ‘มัลลิกา จิรพัฒนกุล’ หรือ มีมี้ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย ที่เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2561 ถือว่าไม่ง่ายนักท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจหลายด้าน ทั้งโควิด-19, คู่แข่งในตลาด และมาตรการปรับเพิ่มภาษีความหวาน ฯลฯ

The people อยากพาไปรู้จักกับ มีมี้ ทายาทที่กำลังเจออุปสรรคใหญ่ของแลคตาซอยช่วงเปลี่ยนผ่านการสร้างเมมโมรี่ใหม่ให้กับผู้บริโภค กับเพลงในตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ ที่ถึงตอนอวสานแล้ว และคาดว่าเพลงใหม่หลังจากที่ปรับราคาจาก 5 บาทเป็น 6 บาท จะไม่มีราคาในเนื้อเพลงอีกต่อไป

ประสบการณ์ 20 ปีก่อนช่วยธุรกิจครอบครัว

มีมี้ เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของแลคตาซอย เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้าน Business Systems จากมหาวิทยาลัย Monash ประเทศออสเตรเลีย

ความน่าสนใจในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลกิจการของแลคตาซอย มีมี้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาก่อนมาช่วยงานที่แลคตาซอย โดยตลอด 20 ปีที่เธอนั่งเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับบริษัทข้ามชาติ และได้ทำงานร่วมกับองค์กรระดับชั้นนำหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ทั้งนี้ มีมี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจเพราะมีประสบการณ์หลากหลายด้าน ทั้งเรื่องการทำธุรกิจ การวางระบบกับลูกค้า ด้านการเงินการธนาคาร เคยทำงานกับธุรกิจสื่อสาร และธุรกิจพลังงาน

ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนที่เธอเริ่มเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวอย่าง แลคตาซอย มีมี้ ได้เข้ามาดูในหลาย ๆ ด้านอย่างเจาะลึก ทั้งระบบบัญชี การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย การกำกับดูแลการทำงานของคลังสินค้า เชิงพัฒนาทีมงานตรวจสอบ งานบริหารยานยนต์ จัดทำระบบมาตรฐาน

รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในแลคตาซอยด้วย ทั้งช่วยวางแผนกลยุทธ์การขาย บริหารยอดขาย และเพื่อบรรลุเป้าหมายการขายของแลคตาซอย

ความยากของการเข้ามาช่วยงานที่เป็นธุรกิจครอบครัว หนึ่งในนั้นก็คือ การจัดการระบบหลายอย่างที่แตกต่างจากบริษัทที่เป็น global อีกทั้งจุดเริ่มของแลคตาซอย ไม่ใช่บริษัทที่เริ่มทำเกี่ยวกับ ‘นมถั่วเหลือง’ ตั้งแต่แรก ทั้งนี้เราจะพาไปย้อนเส้นทางเริ่มธุรกิจกว่า 73 ปีที่เริ่มก่อตั้งตั้งแต่รุ่นแรก ๆ กับธุรกิจน้ำอัดลมในยุคของ ‘วิริยะ จิรพัฒนกุล’

‘มีมี้’ ทายาทรุ่น 3 รับแรงกดดันเปลี่ยนเพลงในตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี

 

แลคตาซอยเริ่มจาก ‘น้ำอัดลม’

ในปี 2493 หรือ 73 ปีที่ผ่านมา ‘วิริยะ จิรพัฒนกุล’ ได้ก่อตั้งห้างหุ้นส่วน เกียงฮั้ว จำกัด และเริ่มต้นธุรกิจจากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำอัดลมรสส้ม และกลิ่นสละ ในชื่อ ‘แฮปปี้ และดับเบิ้ลแฮปปี้’ โดยมีกลุ่มลุกค้าหลัก ๆ ตอนนั้นก็คือ ค่ายทหารญี่ปุ่น และในตลาดเยาวราช ซึ่งในยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่าแบรนด์แฮปปี้ และดับเบิ้ลแอปปี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักอย่างดี

และด้วยความที่แบรนด์ของ วิริยะ ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในตลาดไทยและญี่ปุ่น ทำให้เขามีโอกาสได้สิทธิ์เป็นผู้ผลิตน้ำอัดลมให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือ 2 แบรนด์ที่ค่อนข้างโด่งดังในยุคนั้น ก็คือ ‘คิกคาปู้’ ของแคนาดา และ ‘คิงคิส’ กับ ‘คอสโค’ จากสหรัฐฯ

ในปี 2524 วิริยะ ได้เปลี่ยนธุรกิจมุ่งสู่วงการ ‘นมถั่วเหลืองบรรจุกล่องยูเอชที’ ซึ่งเป็นรายแรกในประเทศไทยด้วย และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น แลคตาซอย แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนว่าทำไมถึงชื่อนี้ และมีความหมายอย่างไร

 

ความเสี่ยงเมื่อเปลี่ยนเพลง ‘แลคตาซอย 5 บาท’

จนล่าสุดที่คนพูดถึงเกี่ยวกับการปรับราคาครั้งแรกในรอบ 17 ปี มีมี้ ได้พูดเปิดใจว่า “สำหรับแลคตาซอยเราทำการตลาดด้วยเสียงเพลงมาตลอด อย่างเมื่อก่อนที่ยังไม่มีใครขายบรรจุ 125 มล. เราก็แต่งเพลงขึ้นมาก็คือ แลคตาซอย 5 บาทที่กลายเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้”

“ที่จริงเราจะปรับราคาขึ้นหลายครั้งแล้วเพราะต้นทุนการผลิตค่อนข้างตึง ตั้งแต่เรื่องภาษีความหวาน จนตอนนี้ที่ต้นทุนเรื่องค่าขนส่ง พลังงาน จนไปถึง วัตถุดิบขึ้นทุกอย่าง เช่น ถั่วเหลืองที่ตอนนี้ราคาปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 40% หรืออย่างนมผงก็ปรับราคาขึ้นเกือบ 40% ไขมันพืชที่ขึ้นราคาอีกเท่าตัว”

“อย่างไรก็ตาม แลคตาซอยเป็นแบรนด์สุดท้ายในบรรดาอุตสาหกรรมนมที่ปรับราคาขึ้นในตลาด เพราะเราพยายามประวิงเวลาให้ผู้บริโภคอย่างเต็มที่”

เมื่อถามถึงแรงกดดันในยุคของ มีมี้ เพราะเป็นยุคแห่งการปรับราคาแลตตาซอยในรอบ 17-18 ปี มีมี้ พูดว่า “ค่อนข้างกดดันแต่ราคา 5 บาทคือมันค่อนข้างตึงแล้ว ยิ่งเป็นเพลงแลคตาซอย 5 บาทที่เราต้องเปลี่ยนใหม่หมดยิ่งกดดันและกังวลมาก เพราะไม่มีใครอยากแต่งเพลงใหม่มาแทนที่เพลงที่เป็นตำนาน อีกอย่างเพลงราคา 5 บาทมันค่อนข้างติดหู”

“ตลอด 17-18 ปีที่ผ่านมา เพลงแลคตาซอย 5 บาทมีทั้งหมด 11 เวอร์ชั่น หมายความว่าเป็นความเสี่ยงมากที่จะเปลี่ยนเพลงตอนนี้ ซึ่งเพลงใหม่ที่คาดว่าจะปล่อยในเดือนมีนาคมเราตั้งใจว่าจะไม่มีราคาในเนื้อเพลงแล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีก”

‘มีมี้’ ทายาทรุ่น 3 รับแรงกดดันเปลี่ยนเพลงในตำนาน ‘แลคตาซอย 5 บาท’ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี

“10 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เริ่มมีคนรู้ว่าเราจะปรับราคาสินค้า ฟีดแบ็กก็ยังค่อนข้างดี ไม่มีใครบ่นเรื่องราคา แต่มีคนกังวลว่าเราจะแต่งเพลงออกมาอย่างไรมากกว่า ซึ่ง วงเปเปอร์ เพลนส์ (Paper Planes) ที่มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแลคตาซอยขนาด 125 มล. ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง และเราต้องการสื่อสารถึงคนรุ่นใหม่ผ่านศิลปินวงนี้”

นับว่าเป็นบทพิสูจน์ใหม่ที่อาจเข้ามาเป็นความท้าทายในการทำงานของ มีมี้ เพราะนับเป็นก้าวสำคัญทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เล่นกับความทรงจำของคนไทยที่อยู่ในใจมานาน อย่างไรก็ตาม ด้วยคอนเซปต์ของแลคตาซอยที่เน้นคุณภาพ และปริมาณแน่นกล่องตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่วงการนมถั่วเหลือง จนวันนี้ที่มีคู่แข่งรอบด้าน กลยุทธ์และแนวคิดของคนรุ่นใหม่อย่าง มีมี้ จะทำให้แลคตาซอยครองใจเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด (มาร์เก็ตแชร์ 56%) ได้ต่อไป

 

ภาพ: Lactasoy

อ้างอิง (เพิ่มเติม)

Lactasoy