28 พ.ย. 2567 | 11:30 น.
KEY
POINTS
หากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ อากงอิ้วเจีย แซ่เอี้ยะ ผู้เดินทางขึ้นเรือมาจากมณฑลฮกเกี้ยนมาถึงเมืองไทย ทำงานสารพัดเพื่อเก็บเงินส่งกลับไปให้ครอบครัวที่เมืองจีนเหมือนชาวจีนพลัดถิ่นคนอื่นๆ ทั้งเป็นกุลี ตีเหล็ก รับจ้าง เก็บหอมรอมริบจนได้ลองจับธุรกิจขายใบชาและปล่อยเงินกู้
จุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้นเมื่ออากงอิ้วเจียเจ็บป่วยปางตายแล้วมีพระรูปหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านและนำยามารักษาให้ เมื่อหายป่วยจึงคิดเปิดร้านขายยาในเยาวราชในชื่อ “ฮกอันตึ๊ง” ที่มีความหมายว่า สถานที่ที่ให้ความสงบสุขและโชคลาภ ด้วยความสำนึกในรากฐานความเป็นคนจีนและความกตัญญูต่อประเทศบ้านเกิด จึงเลือกใช้องค์ความรู้ของคนจีนนำมาประยุกต์และปรับใช้กับการสร้างสรรค์ยาสมุนไพรที่คำนึงถึงสมดุลระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ เพราะต้องการช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดี เหมือนที่ตนเองหายป่วยเพราะได้ยาดีมารักษา ตอบแทนสังคมไทยที่กลายมาเป็นบ้านที่อยู่อาศัยตลอดชีวิต
จากร้านยาเล็กๆ ที่มีลูกจ้างเพียงหนึ่งคนเป็นคนบ้านเดียวกันจากเมืองจีนก็ขายดีจนสามารถซื้อตึกเป็นของตัวเองและกลายเป็นธุรกิจหลักแทนการขายใบชา ด้วยวิธีคิด อุปนิสัยการทำงานของอากงอิ้วเจีย ไม่ว่าจะเป็นความขยันหมั่นเพียร หนักเอาเบาสู้ และตั้งใจเสาะหาคัดเลือกยาสมุนไพรจีนที่มีประโยชน์และมีคุณภาพดีที่สุดด้วยความซื่อสัตย์ตลอดชีวิตของอากงทำให้ลูกค้ารู้จักและไว้ใจ ซึ่งวิธีการทำธุรกิจและใช้ชีวิตทั้ง 3 ข้อสำคัญ คือ “กตัญญู ซื่อสัตย์ และขยันหมั่นเพียร” นี้ก็กลายเป็นปรัชญาของธุรกิจที่สืบต่อไปถึงทายาท
“เจนกิจ เวชพงศา” ลูกชายคนโตของอากงที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อกิจการ เขาถูกส่งไปเรียนที่ประเทศจีนตั้งแต่ยังเป็นเด็กอายุ 5 ขวบเพื่อทำความรู้จักและแสดงความกตัญญูต่อประเทศต้นกำเนิดของครอบครัว ก่อนจะกลับมาเรียนต่อในประเทศไทยแล้วเริ่มเรียนรู้ด้านการแพทย์แผนจีนและแผนไทยด้วยตัวเองไม่ทิ้งลายผู้เป็นพ่อ เพื่อเป็นผู้สืบทอดร้านยาฮกอันตึ๊งที่เปลี่ยนชื่อมาเป็นร้านยาเวชพงศ์โอสถ
เมื่อเจนกิจขึ้นเป็นผู้นำทัพ “เวชพงศ์โอสถ” ยุคที่ 2 ไม่ได้เป็นแค่ร้านขายยาที่แค่หามาและขายไปอีกต่อไป แต่มีทั้ง จัดหาตัวยาใหม่ๆ ที่มีสรรพคุณน่าสนใจ และเริ่มพัฒนาสมุนไพรตำรับของตัวเอง เช่น ยาหอมปิดทองเวชพงศ์และยาหอมเวชพงศ์ จำหน่ายยาทั้งปลีกและส่งไปทั่วประเทศด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมให้กับคนในประเทศไทยซึ่งเป็นแผ่นดินที่อยู่อาศัยของครอบครัว
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กิจการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือการบุกเบิกธุรกิจนำเข้ายาจีนจากประเทศจีนโดยตรง กลายเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้ายาจีน รวมทั้งลิขสิทธิ์ยาชั้นนำกว่า 30 ชนิดจากรัฐบาลจีน เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจนำเข้ายาจากต่างประเทศ ต่อยอดไปจนถึงการสร้างโรงงานยาแผนโบราณและโรงงานยาแผนปัจจุบัน
เวชพงศ์โอสถจับมือกับคู่ค้ามากมายโดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการช่วยดูแลสุขภาพของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนกับบริษัทเป่ยจินถงเยิ๋นถัง ผู้จัดหายาและยาสมุนไพรสำหรับราชวงศ์จีน ที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 300 ปี เพื่อเปิดเป็นร้านยาจีนแผนโบราณที่คงตำรับยาของบรรพบุรุษ หรือการที่เราหาซื้อยา เพี่ยนจือหวัง หนึ่งในยาเก่าแก่ที่สุดตํารับหนึ่งของประเทศจีน สืบทอดกันมากว่า 450 ปี โดยที่เวชพงศ์โอสถยังคงเป็นผู้จำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยมาถึงปัจจุบัน
รวมถึงยาอีกหลายขนานจากนานาประเทศไม่ว่าจะเป็น ยาป่ายฟุ่ง ยางู้อึ้งโก้ยตั้กเพี่ยง ยาซานเปียน ยาเทียะผีเฟ่งโต้วจิน ยาเป่าคอและยาอมซานจินซีกวาซวนจากประเทศจีน ยาฮวงซัวจี่กิบอี้จากมาเลเซีย หรือกระทั่งน้ำมันตรากุ้งคู่ จากสิงคโปร์ที่นับได้ว่าเป็นสูตรลับของตระกูล
เพราะทุกครั้งที่คัดสรรวัตถุดิบและการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ยาหรือการบริการใดๆ ให้กับลูกค้า เวชพงศ์โอสถให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกกระบวนการ โดยยึดมั่นเรื่องคุณภาพเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้าเสมอ ความจริงใจนี้เองได้สร้างความไว้วางใจให้กับคู่ค้าและพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ จนกลายเป็นความสัมพันธ์ทางการค้าที่เงินไม่สามารถหาซื้อได้
การเดินทางของเวชพงศ์โอสถมาถึงรุ่นที่ 3 ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่แพ้รุ่นก่อนหน้า จึงผลิดอกออกผลเป็นอาณาจักรธุรกิจสุขภาพที่มีการใช้สมุนไพรเป็นหลัก ที่มี 15 สาขา กับ 3 ปรัชญาที่สืบทอดจากอากงที่ถูกปรับใช้ในบริบทที่แตกต่างออกไป ความกตัญญูรู้คุณต่อบ้านเกิดและที่อยู่อาศัยที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ด้วยการสร้างเสริมคนไทยให้มีสุขภาพดี และกลับไปสร้างโรงเรียนให้กับพื้นที่บ้านเกิด ส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับบ้านเกิดเมืองนอน และแผ่นดินที่อยู่อาศัย
ความขยันหมั่นเพียรที่พยายามเพิ่มพูนองค์ความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยที่ใส่ใจเรื่อง Work Life Balance ของคนในองค์กรมากขึ้น และความซื่อสัตย์และจริงใจ นับตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นที่คุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งความจริงใจนี้เองได้สร้างความไว้วางใจต่อคนในครอบครัว พนักงาน ลูกค้าเดิมที่ยังสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าใหม่ที่เข้ามาทำความรู้จัก ไปจนถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ สืบสานเป็นความสัมพันธ์ที่ยืนยาวมาจนถึงทายาทเวชพงศ์โอสถรุ่นที่ 3
ร้านเวชพงศ์โอสถสาขาแรกที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (พ.ศ. 2559)
ในงานครบรอบ 120 ปี “เวชพงศ์โอสถ 120 ปี แห่งความไว้วางใจ” ที่เต็มไปด้วยคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 อย่าง อภิญญา เวชพงศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเวชพงศ์โอสถ พร้อมด้วยทายาทรุ่นที่ 3 ยุทธเดช เวชพงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวชพงศ์โอสถ (ฮกอันตึ๊ง) จำกัด และ พิชิต เวชพงศา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวชพงศ์โอสถ เทรดดิ้ง จำกัด ที่เข้ามาสานต่องานของเจนกิจได้ยืนยันถึงการเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้หลักคิดการดำเนินธุรกิจที่ส่งต่อสืบทอดกันมาในองค์กรตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน คือ “กตัญญู ขยันหมั่นเพียร และซื่อสัตย์ จริงใจ” เพื่อรักษาและดูแลให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทย
เวชพงศ์โอสถในขวบปีที่ 120 ภายใต้การนำของ อภิญญา เวชพงศา กลายมาเป็นผู้นำในตลาดยาจีนและผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศไทย จากความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สนองวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโฉมร้านให้ทันสมัยและสะดวกสบาย เปิดร้านยาในห้างสรรพสินค้า อย่างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และกลุ่มเดอะมอลล์ รวมถึงเปิด Santé Good Health ร้านออนไลน์จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมบริการคำแนะนำจากเภสัชกรเพื่อเข้าถึงลูกค้าดิจิทัลมากขึ้น
มีการต่อยอดองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไทยและจีนให้กลายเป็นบริการด้านการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ๆ เช่น คลินิกแพทย์แผนจีนเวชพงศ์โอสถ มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่จากปักกิ่งมาทำให้ยาสมุนไพรต้มแบบดั้งเดิมกลายเป็น “แกรนูล” ยาสมุนไพรสกัดผงชาที่กินง่ายและพกพาไปที่ไหนก็ได้, ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ กาญ่า เดอะ รีทรีท เรสซิเดนซ์ ที่เน้นดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ รวมถึงฟื้นฟูชีวิตและจิตใจของผู้สูงอายุให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และคลินิกการแพทย์แผนไทยเวชพงศ์โอสถ S&V Herbal Clinic ให้บริการกลุ่มคนทำงานที่เป็นโรคยอดฮิตอย่างออฟฟิสซินโดรม
จึงเป็นที่น่าติดตามกันว่าในปีที่ 121 จะได้เห็นสมุนไพรตำรับของเวชพงศ์โอสถในรูปแบบไหนได้อีก