03 พ.ค. 2562 | 19:05 น.
อุตสาหกรรมหนังโป๊เติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับวงการภาพยนตร์ แต่เดิมทีช่องทางการเข้าถึงนั้นยากลำบาก เพราะรัฐบาลส่วนใหญ่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมจึงมีกฎหมายห้ามปราม การจะฉายหนังโป๊จึงต้องทำกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ และแม้จะเป็นที่รู้กันว่า โรงหนังไหนบ้างที่ลอบฉายหนังโป๊ คนจำนวนมากก็ยังไม่กล้าไปดู ด้วยความหน้าบางกลัวถูกล้อเลียนว่าเป็นพวกตัณหาจัด
เมื่อกาลเวลาผ่านไป หนังโป๊สามารถเข้าถึงง่ายขึ้น เมื่อหนังโป๊สามารถครอบครองได้อย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค 70s อุตสาหกรรมหนังโป๊จึงเข้าสู่ยุคทอง และเมื่อเครื่องเล่นวิดีโอกลายเป็นสื่อบันเทิงประจำบ้าน ผู้ที่มองหา ‘วิดีโอโป๊’ ก็อาจซื้อหรือเช่าจากแหล่งวิดีโอต่าง ๆ มาเปิดดูที่บ้านได้โดยไม่ต้องเขินอายมากนัก และยิ่งง่ายขึ้นไปอีก และเมื่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้การส่งผ่านข้อมูลรวดเร็วทันใจ จนทำให้ผู้เสพหนังโป๊ไม่ต้องก้าวขาออกจากบ้านด้วยซ้ำ
แต่อินเตอร์เน็ตก็ทำให้ผู้ผลิตหนังโป๊กระชุ่มกระชวยอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ ‘ฟาเบียน ธิลมัน’ (Fabain Thylmann) นักลงทุนจากเยอรมนี เปิดเสรีให้คนเข้าถึงหนังโป๊ได้แบบฟรี ๆ ผ่านเว็บไซต์ที่ชื่อ ‘Pornhub’ (และยังมีเว็บอื่นที่เขาเทกโอเวอร์มาอีกอย่างเช่น YouPorn, Brazzers หรือ Redtube) ทำให้ Manwin (ปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้ชื่อ MindGeek) ที่เขาก่อตั้งขึ้นกลายเป็นยักษ์ใหญ่หมายเลขหนึ่งที่ครองวงการหนังโป๊บนพื้นที่อินเตอร์เน็ต
การที่ธิลมันเข้าสู่วงการหนังโป๊ได้เริ่มจากความอยากรู้อยากเห็นในสมัยวัยรุ่น เขาเล่าให้ จอห์น รอนสัน นักข่าวเจ้าของงานสารคดีเสียงชุด Butterfly Effect (Audible) ฟังว่า ตอนนั้นเขาเป็นเด็กเก็บตัวชอบเข้าห้องแชทตามประสาวัยรุ่นยุค 90 โดยสิ่งหนึ่งที่เขาหาจากห้องแชทบ่อย ๆ ก็คือ ‘รหัส’ สำหรับเข้าเว็บโป๊ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนจะเอามาแลกกันโดยไม่ต้องเสียตังค์สักบาท และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Butterfly Effect’ (ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกที่ตัวแปรเล็ก ๆ กลายเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ได้)
เมื่อเขาเห็นว่า นี่อาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เขากลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมาได้ ธิลแมนเห็นว่า รูปแบบธุรกิจของเว็บโป๊แบบเดิมที่อาศัยการเก็บเงินจากผู้ชมก่อนจะเข้าถึงแหล่งหนังโป๊ได้นั้นล้าสมัยไปแล้ว เช่นเดียวกับธุรกิจเพลง ที่ไม่มีใครซื้อแผ่นซีดีอีกต่อไปเมื่อทุกคนต่างหาฟังทุกเพลงได้จาก YouTube แต่เว็บโป๊ในปี 2000 ก็ยังพึ่งพารายได้แบบเดิม เขาซึ่งอยู่ในวัย 20 ปีเศษจึงคิดการใหญ่ หวังทำเว็บไซต์เผยแพร่หนังโป๊แบบ ‘ฟรี ๆ’ แบบ YouTube แล้วหาเงินรายได้จากโฆษณาและการขายการเข้าถึงเนื้อหาแบบ ‘พรีเมียม’ ต่างหากแทน
สมัยที่เขาเพิ่งรุกคืบสู่วงการ เว็บโป๊ส่วนใหญ่ยังมีขนาดเล็ก เจ้าของมักพอใจกับกำไรเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ธิลแมนได้มารู้จักกับบริษัท Mansef ที่มีออฟฟิศเล็ก ๆ ในแคนาดา ซึ่งดูจากภายนอกดูไม่ออกเลยว่า พวกเขาคือเจ้าของเว็บไซต์ Pornhub ธิลมันติดต่อเจรจาขอซื้อ และเจ้าของ Mansef ซึ่งเป็นคนวัยเดียวกันก็ไม่ลังเลที่จะขาย เพราะมันเป็นธุรกิจครอบครัวที่พวกเขาทำอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ จึงอยากทำเงินได้จากมันก่อนที่พ่อแม่ของพวกเขาจะรู้เข้า
เมื่อได้แหล่งคอนเทนต์มาแล้ว จากนั้นธิลมันก็ว่าจ้างโปรแกรมเมอร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องสถิติและอัลกอริทึมมาพัฒนาให้ Pornhub สามารถดึงคนดูให้ตรงกับเนื้อหาที่สนใจ ทำให้มันกลายเป็นแหล่งรวมของคนที่แสวงหาสื่อเพื่อสนองความใคร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าการทำธุรกิจลักษณะนี้ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากเว็บไซต์ของเขาอนุญาตให้ผู้ใช้อัพโหลดวิดีโอโป๊เองได้ เมื่อผู้ใช้มีจำนวนมหาศาลจำนวนหนังโป๊ก็มีมากตาม ฝ่ายเจ้าของลิขสิทธิ์ก็ต้องมาคอยตรวจไล่รายงานการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อวิดีโอที่ละเมิดลิขสิทธิ์ถูกเอาออกจากระบบไม่ทันไรก็จะมีผู้ใช้รายอื่นอัพโหลดวิดีโอชิ้นเดียวกันขึ้นมาซ้ำอีก การแจ้งให้เอาออกจากระบบจึงแทบไม่มีประโยชน์
ส่วน Pornhub ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย DMCA (Digital Millennium Copyright Act) ซึ่งจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการเว็บไซต์จากการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้อัพโหลดวิดีโอ ตราบใดที่พวกเขาจัดการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกแจ้งว่าละเมิดลิขสิทธิ์ตามสมควรแล้ว ทางเว็บไซต์ก็ไม่ต้องรับผิดอะไร
โมเดลธุรกิจของธิลมันทำให้สตูดิโอหนังโป๊เจ้าเดิม ๆ ได้รับผลกระทบอย่างมาก เมื่อต้องมาเผชิญกับการแข่งขันจากผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งผู้ถ่ายคลิปสมัครเล่น (ที่สามารถสร้างรายได้จากส่วนแบ่งโฆษณา) และสตูดิโอเล็ก ๆ ต้นทุนต่ำ สตูดิโอใหญ่ที่เคยกอบโกยรายได้มหาศาลจากการขายหนังโป๊ทั้งในรูปแบบวิดีโอเทป ซีดี ดีวีดี หรือระบบจ่ายก่อนดู ก็ต้องล้มหายตายจากหรือลดขนาดลงเพื่อเอาตัวรอดในยุคที่หนังโป๊กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะสามารถดูได้แบบฟรี ๆ ผู้ผลิตบางรายที่อยู่รอดต่อมาได้ต้องปรับโมเดลทางธุรกิจด้วยการมองหานายทุนสนับสนุนงานของตัวเองโดยตรง เพื่อผลิตหนังโป๊แบบ “ตามสั่ง” ซึ่งสามารถคุมต้นทุนและกำหนดเป้ายอดขายได้ง่ายกว่าการผลิตเพื่อขายในวงกว้างเหมือนในอดีต
ด้วยวิสัยทัศน์ของธิลมัน อุตสาหกรรมหนังโป๊จึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้ผลิตหนังโป๊หน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายเป็นดอกเห็ด (ทั้งสมัครเล่นและอาชีพ) ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตหน้าเก่าที่เคยสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพแต่ปรับตัวไม่ทันกับโมเดลธุรกิจแบบใหม่ก็ค่อย ๆ หายหน้าหายตาไปจากอุตสาหกรรมอย่างน่าเสียดาย
ส่วนธิลมันเมื่อทำให้เครือข่ายเว็บโป๊ของเขาครองทราฟฟิกสูงที่สุดในโลก (สถิติในปี 2012 พบว่า ราว 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อดูหนังโป๊จะเข้าชมหนึ่งในเว็บไซต์ในเครือข่ายของธิลมัน - The New York Times) เขาก็ตัดสินใจวางมือขายหุ้นของ Manwin ให้กับทีมผู้บริหารในปี 2013 (หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น MindGeek) สร้างกำไรให้กับเขามหาศาลจากวงการน้ำกาม ซึ่งปกติผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องมักถูกมองในแง่ลบ แต่ชื่อเสียงของเขากลับมิได้แปดเปื้อน แถมยังได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากจากคนดูทั่วโลกที่ได้ดูของฟรี (ชื่อเสียอาจจะมีก็กรณีมีข่าวว่าเขาพยายามหลีกเลี่ยงภาษี แต่เขาอ้างว่าแค่พยายามลดภาระทางภาษีตามกรอบของกฎหมาย - The Independent)