‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้บริหารระดับตำนานของ ‘โตโยต้า’ และผู้ตัดสายสะดือรถยนต์หรู ‘เลกซัส’ พิสูจน์ให้โลกเห็นสมรรถนะของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น

  • ตอนที่โชอิจิโระยังเป็นเด็ก พ่อของเขาได้ก่อตั้งบริษัท ‘โตโยต้า มอเตอร์’ ในปี 1937 ดำเนินกิจการผลิตรถบรรทุกให้กับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
  • แม้จะเป็นถึงบุตรชายผู้ก่อตั้งบริษัท โชอิจิโระก็ไม่ได้ลอยขึ้นไปนั่งสบาย ๆ ในออฟฟิศ หนึ่งในงานแรก ๆ ของเขาคือการเป็นผู้จัดการแผนก R&D 
  • นอกจากวิสัยทัศน์ในการบริหารและทำตลาด โชอิจิโระยังได้รับการยกย่องในแง่การพัฒนาคุณภาพการผลิตรถยนต์ จากการเปิดตัวรถยนต์หรูยี่ห้อ ‘เลกซัส’ (Lexus)

หลังจาก ‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ (Shoichiro Toyoda) ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหาร ‘โตโยต้า’ (TOYOTA) ในปี 1982 รถยนต์ใหม่ที่ขายในสหรัฐอเมริกาประมาณ 6% ก็กลายเป็นรถที่ผลิตโดย ‘โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน’ (Toyota Motor Corporation) 

แม้จะเป็นตัวเลขที่ ‘น้อย’ เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง ‘เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) แต่ก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้น ‘ไม่น้อย’ สำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่พยายามจะบุกเข้าสู่ตลาดอเมริกามานานหลายปี 

เท่านั้นยังไม่พอ โชอิจิโระยังขยายอาณาจักรโตโยต้าด้วยการสร้างโรงงานในอเมริกาเหนือ ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดของโตโยต้า และเมื่อเจอเข้ากับปัญหาด้านการค้าระหว่างประเทศ เขาก็สามารถรับมือได้อย่างชาญฉลาด ทำให้โตโยต้าเติบโตไปสู่ ‘ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก’ 

เส้นทางที่โชอิจิโระกรุยไว้ ทำให้ในยุคของลูกชายคือ ‘อากิโอะ โทโยดะ’ (Akio Toyoda) โตโยต้าสามารถทำยอดขายแซงหน้า GM ได้สำเร็จ ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ในปี 2021

นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีของผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัย และตระกูลโทโยดะ ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตอันยาวนานของโชอิจิโระ ผู้ซึ่งเติบโตท่ามกลางสงครามและมีชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่เด็ก

ชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบากของ ‘โชอิจิโระ โทโยดะ’

โชอิจิโระเกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1925 ที่เมืองนาโกย่า ทางตอนกลางของญี่ปุ่น บิดาของเขาคือ ‘คิอิจิโระ โทโยดะ’ (Kiichiro Toyoda) ซึ่งเป็นบุตรชายของครอบครัวที่ทำธุรกิจเครื่องทอผ้า 

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

ตอนที่โชอิจิโระยังเป็นเด็ก พ่อของเขาได้ก่อตั้งบริษัท ‘โตโยต้า มอเตอร์’ (Toyota Motor) ในปี 1937 ดำเนินกิจการผลิตรถบรรทุกให้กับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เมื่อสงครามยุติลง เหลือเพียงความย่อยยับของหลายเมืองในญี่ปุ่น การผลิตยานพาหนะในเวลานั้นจึงเป็นเรื่องยาก คิอิจิโระจึงหันไปทำฟาร์มนกกระทาและปลาหมู ซึ่งเป็นอาชีพที่เขามั่นใจว่าจะมีอาหารให้คนในครอบครัวกินแน่นอน

ส่วนโชอิจิโระที่เติบโตมาท่ามกลางสงครามและยุคข้าวยากหมากแพง ช่วงหนึ่งก็ต้องไปทำงานที่โรงงานลูกชิ้นปลาบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งบางครั้งต้องทำงานลากถึง 20 ชั่วโมงติดต่อกัน มีเพียงมันฝรั่ง 2 หัว และข้าว 1 ชาม เป็นอาหารประทังชีวิต 

แม้จะลำบากยากแค้นในบางช่วงของชีวิต แต่สุดท้ายโชอิจิโระก็ได้เข้าเรียนวิศวกรรมเครื่องกล ที่มหาวิทยาลัยนาโกย่า โดยสำเร็จการศึกษาในปี 1947 ต่อมายังได้รับปริญญาเอกจากการทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อเกี่ยวกับการฉีดเชื้อเพลิง (fuel injection)

อาจเป็นเพราะได้เห็นยวดยานพาหนะมาตั้งแต่เด็ก โชอิจิโระจึงกลายเป็นคนที่ชื่นชอบรถไปโดยปริยาย ระหว่างเรียนเขายังได้ก่อตั้งชมรมที่รวบรวมคนที่ชื่นชอบรถเหมือนกัน แล้วพากันไปขับรถยี่ห้อ ‘ดอดจ์’ (Dodge) ที่ได้รับมาจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งยึดครองญี่ปุ่นอยู่ในขณะนั้น 

เรียนรู้จากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

สงครามไม่ใช่เรื่องดี แต่เราก็ต้องยอมรับอย่างคนโลกไม่สวยว่า สงครามได้หยิบยื่นโอกาสให้กับบางธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือธุรกิจรถยนต์

เมื่อสงครามเกาหลีปะทุขึ้นในปี 1950 ความต้องการรถบรรทุกจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง บวกกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง โตโยต้าจึงได้จังหวะขยับขยายไปสู่ธุรกิจรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจ บิดาของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1952 ‘ทาอิโซะ อิชิดะ’ (Taizo Ishida) ประธานโตโยต้าที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดา ได้มีคำสั่งให้โชอิจิโระวัย 27 ปี เข้ามาทำงานที่โตโยต้า มอเตอร์ ในฐานะทายาทที่จะมารับช่วงดูแลกิจการต่อไป หลังจากที่เขาออกไปคุมกิจการอื่น ๆ ของครอบครัว เช่น โรงงานแปรรูปปลา และบริษัทก่อสร้างบ้าน ฯลฯ 

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

แต่แม้จะเป็นถึงบุตรชายผู้ก่อตั้งบริษัท โชอิจิโระก็ไม่ได้ลอยขึ้นไปนั่งสบาย ๆ ในออฟฟิศ หนึ่งในงานแรก ๆ ของเขาคือการเป็นผู้จัดการแผนก R&D ซึ่งทำให้เขาต้องจากบ้านไปไกลถึงอเมริกา เพื่อไปประเมินว่ารถยนต์รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ‘โตโยต้า คราวน์’ (Toyota Crown) เหมาะที่จะส่งออกไปขายหรือไม่?

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA
หลังจากที่เขานำรถรุ่นนี้ไปทดลองขับในหลายรัฐของสหรัฐฯ เขายืนยันว่าโตโยต้า คราวน์ พร้อมแล้วสำหรับตลาดใหม่ที่ท้าทายยิ่ง 

โตโยต้า คราวน์ จึงกลายเป็นรถรุ่นสำคัญในประวัติศาสตร์ของโตโยต้า เพราะไม่เพียงแต่เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโตโยต้าเท่านั้น แต่ยังเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ถูกส่งออกและขายในแผ่นดินสหรัฐฯ 

แม้จะประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น แต่โตโยต้า คราวน์ กลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักในสหรัฐฯ เพราะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อวิ่งบนถนนของญี่ปุ่น (ซึ่งในเวลานั้นยังมีคุณภาพไม่ดีสักเท่าไร) มากกว่าจะใช้วิ่งด้วยความเร็วบนถนนลาดยางอย่างดีในสหรัฐฯ ดังนั้นเมื่อเร่งความเร็วไปที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วมากในญี่ปุ่น ดูเหมือนว่ารถรุ่นนี้จะสั่นเป็นเจ้าเข้า ไหนจะราคาซึ่งนับว่าแพงเอาเรื่อง สนนราคาอยู่ที่ 1,999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 67 ของค่าจ้างรายปีโดยเฉลี่ยของชาวอเมริกันในขณะนั้น ทั้งที่ขนาดก็เล็ก สมรรถนะต่ำ และเครื่องยนต์กลไกก็ยังไม่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญตอนนั้นยังใช้ชื่อยี่ห้อว่า ‘โตโยเพ็ท’ (TOYOPET) ซึ่งทำเอาฝรั่งถึงกับงงว่า นี่มันของเล่น (Toy) หรือสัตว์เลี้ยง (Pet) กันแน่ แต่ดูยังไงก็ไม่น่าเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วย

ผ่านไปประมาณ 1 ปี โตโยต้าขายรถในสหรัฐฯ ได้แค่ 287 คัน (รวมแลนด์ครุยเซอร์ 1 คันด้วย) แม้ปีต่อมายอดขายจะเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า แต่โตโยต้าก็ตัดสินใจหยุดส่งออกโตโยต้า คราวน์ ไปยังสหรัฐฯ จนกว่าจะสามารถพัฒนารถยนต์ที่เหมาะสมกับตลาดนี้ได้

“ผมเรียนรู้จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง หลังจากนั้นผมก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์โดยสารคุณภาพสูงที่สามารถทำงานได้ดีในทุกที่บนโลก” โชอิจิโระระบายความในใจลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 

โตโยต้าภายใต้การกุมบังเหียนของโชอิจิโระ

ระหว่างนั้นโชอิจิโระก็ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป และตำแหน่งบริหารต่าง ๆ ทั้งยังเป็นหัวหน้าโครงการสร้างโรงงาน ‘โมโตมาชิ’ (Motomachi) อันโด่งดังของบริษัท ภายในบริเวณที่เรียกว่า ‘เมืองโตโยต้า’ (Toyota City) ในปัจจุบัน

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

โมโตมาชิถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของโตโยต้า เนื่องจากเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นเพื่อผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลโดยเฉพาะ ทั้งที่ในตอนนั้นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ผลิตขายในประเทศ (รวมทุกยี่ห้อ) มีเพียง 50,000 คันต่อปี แต่เฉพาะโรงงานแห่งนี้ก็มีกำลังผลิตถึง 60,000 คันต่อปีเข้าไปแล้ว

แต่การตัดสินใจของโตโยต้าครั้งนี้ ‘ไม่พลาด’ เพราะอีกไม่กี่ปีต่อมา ความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โมโตมาชิก็กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์โตโยต้ามายาวนาน ตั้งแต่รุ่น 2000GT, เซ็นจูรี, ซูปร้า, ยาริส, เลกซัส และมิไร 

ทศวรรษ 1960s โชอิจิโระยังเป็นหนึ่งในคนสำคัญของทีมที่สร้างระบบควบคุมคุณภาพระดับตำนานของโตโยต้า ภายใต้ปรัชญา ‘ไคเซ็น’ (Kaizen) ซึ่งมาจากคำว่า ‘ไค’ ที่แปลว่า ‘เปลี่ยน’ และ ‘เซ็น’ ที่แปลว่า ‘ดีหรือความดี’ รวมกันแล้วหมายถึง ‘การเปลี่ยนให้ดี’ ซึ่งโตโยต้าตั้งปณิธานไว้ว่า “เป็นเรื่องของทุกคนในองค์กร”

ในปี 1981 โชอิจิโระได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานฝ่ายการตลาด หลังจากนั้นในปี 1982 จึงมีการนำภาคการขายและการผลิตมารวมกันภายใต้ชื่อ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งโชอิจิโระขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป็นคนแรก และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำให้การควบรวมกิจการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น 

(สาเหตุที่โตโยต้าถูกชำแหละออกเป็น 2 ส่วนนั้น เพราะในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โตโยต้าต้องดิ้นรนไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อประคับประคองธุรกิจให้รอด แต่เมื่อไม่สามารถผลิตรถออกมาขายได้ เหล่าเจ้าหนี้จึงปลดคิชิอิโระออกจากตำแหน่งซีอีโอ แล้วจัดการแยกภาคการขายกับการผลิตของโตโยต้าออกจากกัน)

ภายใต้การกุมบังเหียนของโชอิจิโระ โตโยต้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดน้ำมัน ซึ่งได้รับความนิยมที่สหรัฐฯ ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงจากวิกฤตพลังงานในทศวรรษ 1970s แต่ใช่ว่าการทำงานของโชอิจิโระจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบในทุกเส้นทางที่เขาขับเคลื่อน เพราะหลังจากโตโยต้าโกยเงินจากการส่งออกรถไปสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เริ่มกดดันญี่ปุ่นให้จำกัดการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ภาพคนงานโรงงานรถยนต์ชาวอเมริกันใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบไปที่รถยนต์ญี่ปุ่น

โชอิจิโระรับมือสถานการณ์นี้ด้วยการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ GM ในปี 1984 ชื่อว่า ‘New United Motor Manufacturing Inc.’ หรือ NUMMI ที่โรงงานของ GM ในเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยรถยนต์โตโยต้าที่ผลิตในสหรัฐฯ จะใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ และประกอบขึ้นโดยคนงานในสหรัฐฯ ที่ได้รับการฝึกอบรมภายใต้ปรัชญาไคเซ็นของโตโยต้า เป็นอันว่าจบปัญหาเรื่องแรงกดดันทางการค้า

เท่านั้นยังไม่พอ โชอิจิโระได้ส่งน้องชายคือ ‘ทัตสึโระ โทโยดะ’ (Tatsuro Toyoda) มาเป็นหัวหน้าโรงงานในเมืองฟรีมอนต์ พร้อมกำชับให้น้องชายของตัวเองกินข้าวที่โรงอาหารเดียวกับคนงานที่นั่น 

“คนงานที่ฟรีมอนต์รู้ดีว่าโตโยต้าจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ สิ่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้พวกเขาทำงานหนักขึ้น และกระตุ้นความสามารถในการผลิตให้มากขึ้น” โชอิจิโระเขียนในอัตชีวประวัติ

โชอิจิโระเดินทางไปที่โรงงานในอเมริกาเหนือเป็นประจำ แม้ในช่วงหลังเขาจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้วก็ตาม ที่สำคัญไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมเยียนและทักทายเท่านั้น การมาที่โรงงานของเขายังทำให้ทีมผู้ผลิตถึงกับหวาดหวั่น เพราะเขามักมองสำรวจการทำงานด้วยสายตาที่คมกริบ 

ในปี 1986 โชอิจิโระตัดสินใจก่อตั้งโรงงานแห่งแรกในสหรัฐฯ โดยที่โตโยต้าเป็นเจ้าของเต็มตัว โรงงานแห่งนี้อยู่ที่เมืองจอร์จทาวน์ รัฐเคนทักกี ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของโตโยต้า และเป็นหนึ่งในโรงงานมากกว่า 10 แห่งในอเมริกาเหนือ

นอกจากอเมริกาเหนือ โตโยต้ายังเปิดโรงงานกระจายไปทั่วโลกตลอดทศวรรษ 1980s ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก เพราะการมีโรงงานในท้องถิ่นได้ช่วยทำให้โตโยต้าไม่บาดเจ็บจากความผันผวนของค่าเงิน และสามารถผลิตรถยนต์ที่เหมาะกับตลาดท้องถิ่นได้

ต้นกำเนิด ‘เลกซัส’ (Lexus)

นอกจากวิสัยทัศน์ในการบริหารและทำตลาด โชอิจิโระยังได้รับการยกย่องในแง่การพัฒนาคุณภาพการผลิตรถยนต์ จากการเปิดตัวรถยนต์หรูยี่ห้อ ‘เลกซัส’ (Lexus)

‘เลกซัส’ เปิดตัวสู่ตลาดสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในปี 1989 พร้อมพิสูจน์ให้ทั้งโลกประจักษ์ว่าโตโยต้าสามารถสร้างรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมที่ดีที่สุดด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า แม้แต่ยี่ห้อหรูที่ถือกำเนิดมายาวนาน

เมื่อปี 2014 เขาเล่าถึงความสำคัญของรถเลกซัส แอลเอส (Lexus LS) ผ่านหนังสือพิมพ์ว่า “เราต้องการความแม่นยำที่เกินขีดจำกัดของเครื่องจักรในสมัยนั้น แล้วฝ่ายเทคโนโลยีการผลิตตอบว่า ‘มันเป็นไปไม่ได้’ แต่สุดท้ายเราก็สามารถทำได้เหนือกว่าเมอร์เซเดสและ BMW ด้วยการใช้หุ่นยนต์ในสายการผลิตจำนวนมากเพื่อความแม่นยำในการประกอบข้อต่อ นับเป็นความท้าทายบรรทัดฐานการผลิตอย่างแท้จริง”

โชอิจิโระเล่าด้วยว่า ผู้บริหารของเมอร์เซเดสได้ซื้อรถยนต์เลกซัสมา 1 คันเพื่อศึกษา โดยมีเป้าหมายที่จะคว่ำโตโยต้าให้ได้ในครั้งต่อไป

“สำหรับผม นี่เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง บริษัทเยอรมันยอมรับว่าเราเป็นคู่แข่งที่แท้จริง นับเป็นแรงผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษยชาติ” 

ผมเป็นวิศวกรบริษัท

ความสำเร็จของโชอิจิโระทำให้โตโยต้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ความฉลาดในฐานะนักธุรกิจ ไม่ควรบดบังคุณสมบัติที่ดีงามข้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มนวลอ่อนน้อมถ่อมตน เห็นได้จากการที่เขามักเรียกตัวเองว่าเป็น ‘วิศวกร’ มากกว่าจะบอกว่าเป็น ‘ประธาน’ บริษัท

ตามคำบอกเล่าของพนักงานในเวลานั้น โชอิจิโระยังคงใช้แนวทางการผลิตรถยนต์แบบลงมือปฏิบัติจริงต่อไป แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงท่านประธานบริษัท แต่เขามักจะไปปรากฏตัวตามงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และไปทดลองขับรถด้วยตนเองจนจบกิจกรรมเสมอ 

โชอิจิโระยังถ่ายทอดทักษะเหล่านี้ให้กับอากิโอะผู้เป็นลูกชาย มีเรื่องเล่าในหมู่พนักงานว่า เขามักจะนำรถยนต์ทั้งของโตโยต้าและคู่แข่งกลับไปที่บ้านเพื่อทดลองขับกับลูกชายเสมอ เพื่อปลูกฝังให้ลูกชายมีความรักในรถยนต์เช่นเดียวกันกับเขา

ในปี 2007 โชอิจิโระได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงวอชิงตัน เจ้าสัวผู้ถ่อมตนพูดว่า “เราต้องขอบคุณอเมริกาเป็นอย่างมากที่ตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพ” จนถึงทุกวันนี้โตโยต้ายังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐฯ แม้จะพ่ายให้กับ GM ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่หากนับจากยอดขายทั่วโลก โตโยต้าก็ยังคงครองตำแหน่งผู้นำ

โชอิจิโระนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทจวบจนถึงปลายทศวรรษ 1990s ก่อนจะค่อย ๆ วางมือในช่วงก่อนปี 2000 เขาจากไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2023 ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ขณะดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของโตโยต้า สิริอายุ 97 ปี  

‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ผู้สรรสร้างรถยนต์หรู Lexus พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นสมรรถนะของ TOYOTA

ข่าวการจากไปของโชอิจิโระเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ลูกชายของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของโตโยต้ามาตั้งแต่ปี 2009 ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และส่งไม้ต่อให้กับ ‘โคจิ ซาโตะ’ (Koji Sato) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นประธานของ ‘เลกซัส อินเตอร์เนชันแนล’ (Lexus International) มาดูแลบริษัทแทน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 เป็นต้นไป

แม้ตัวจะจากไปแล้ว แต่มรดกทางนวัตกรรมและความคิดที่ ‘โชอิจิโระ โทโยดะ’ ทิ้งไว้ให้กับโตโยต้าจะยังคงอยู่สืบไป แม้ในวันที่ผู้บริหารโตโยต้าจะไม่ใช่คนตระกูล ‘โทโยดะ’ แล้วก็ตาม

 

ภาพ : 

ภาพปก โชอิจิโระ โทโยดะ จาก Getty Images

ภาพปก รถเลกซัสจาก global.toyota

ภาพประกอบเนื้อหา คิอิจิโระ โทโยดะ จาก toyota-global.com

ภาพประกอบเนื้อหา ทาอิโซะ อิชิดะ จาก wikipedia.org

ภาพประกอบเนื้อหา รถโตโยเพ็ท คราวน์ จาก toyota-global.com

ภาพประกอบเนื้อหา โรงงานโมโตมาชิ จาก toyota-global.com

อ้างอิง :

Toyota

The Wall Street Journal

mag.toyota.co.uk

entrepreneur

japanesenostalgiccar

carexpert

carbuzz