27 พ.ค. 2567 | 10:23 น.
KEY
POINTS
งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า หนังสือที่ว่าด้วยหลักการคิดเรื่องการทำงานประจำและการเป็นฟรีแลนซ์
วิสูตร แสงอรุณเลิศ นักเขียน และนักแต่ง พูดถึงเครื่องเตือนใจสำหรับคนทำงานไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือฟรีแลนซ์ 'คุณภาพ' สร้างผลงานคือเรื่องสำคัญสุด
จงอย่าเป็นมนุษย์รอเงินเดือน...แต่จงเป็นพนักงานประจำมืออาชีพ
สถานการณ์ตลาดแรงงานในปัจจุบันต้องพูดว่า หลายอุตสาหกรรมยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างวงการสื่อที่ประกาศปลดพนักงานไปหลายส่วนในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น ทั้งความไม่แน่นอน ผนวกรวมกับภาวะหมดไฟ หรือที่ชาวเราเรียกว่า ‘burn out’ ซึ่งมนุษย์เงินเดือนหลายคนเผชิญปัญหานี้มาตลอด ยิ่งทำให้อาชีพ ‘ฟรีแลนซ์’ ค่อย ๆ เข้ามาอยู่ในใจ เป็นอาชีพในฝันของใครหลายคนมากขึ้น
แต่อาชีพ ‘ฟรีแลนซ์’ ของใครหลายคนยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปบ้างพอสมควร วันนี้ผู้เขียนหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์มาแล้วเมื่อ 11 ปีก่อน แต่ความรู้สึกมันยังสดใหม่มาก ๆ จากวันแรกที่ผู้เขียนหยิบขึ้นมาอ่าน เทียบกับวันนี้ และสถานการณ์รอบตัว ต้องพูดว่ามันเหมือนเป็นคาถาสะกดจิตให้มนุษย์เงินเดือน หรือแม้แต่ฟรีแลนซ์เองเข้าใจความหมายของมันจริง ๆ จากบทความนี้
‘งานไม่ประจำทำเงินกว่า’ เขียนโดย วิสูตร แสงอรุณเลิศ นักเขียน, นักแต่งเพลง ผู้อยู่เบื้องหลังหนังสือ Best Seller และเพลงฮิตมากมาย ได้พูดถึงหลายมุมที่น่าสนใจผ่านมุมมองของวิสูตร ซึ่งวันนี้เราได้หยิบช่วงหนึ่งมาเล่าเกี่ยวกับคนที่เป็น ‘มนุษย์รอเงินเดือน’
วิสูตรเขียนเล่าไว้ว่า “วันก่อนมีน้องมาของานจากผม บอกว่า ไม่ต้องประจำก็ได้พี่ เป็นฟรีแลนซ์ก็ได้ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า คนส่วนใหญ่นั้นมักเข้าใจผิดว่า ฟรีแลนซ์ หรือ งานไม่ประจำ คืองานที่เหมาะกับมือสมัครเล่น แต่ความจริงแล้วมันตรงกันข้าม เพราะการจะเป็นฟรีแลนซ์ได้นั้น ผลงานต้องไม่ธรรมดา
“บางทีอาจต้องเจ๋งกว่าพนักงานประจำที่นอนเป็นเสือสิ้นลายด้วยซ้ำ ถึงมีงานทำ”
ด้วยความที่ ‘วิสูตร แสงอรุณเลิศ’ เคยเหยียบเรือทั้งสองแคม คือทั้งเป็นฟรีแลนซ์ และทำงานประจำ ดังนั้น เขาย่อมรู้ดีว่า คนสองประเภทนี้คิดต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่วิสูตรพูดในหนังสือเล่มนี้ ‘ไม่ได้เหมารวม’ ทั้งสองอาชีพ แต่เป็นเพียงมุมหนึ่งจากคนที่มีประสบการณ์ทั้งสองด้านมา
“คนกินเงินเดือนนั้น จะสนใจเรื่องเงินเดือนมาเป็นอันดับแรก ทั้งที่ผลงานยังไม่ปรากฏ แต่เขาจะต่อรองเงินเดือนก่อนเลยว่าได้เท่าไร? ได้วันไหน?”
“แต่ฟรีแลนซ์จะรู้ดีว่า เขาต้องทำผลงานให้เป็นที่ปรากฏโดดเด่นก่อน จะได้มีงานต่อเนื่อง ส่วนเรื่องค่าจ้างนั้น ถ้างานดี ค่าจ้างย่อมดีงามตามไปด้วยในโลกของฟรีแลนซ์”
ยังไม่นับดีเทลอื่น ๆ เช่น คนกินเงินเดือนจะถามก่อนเลยว่าเบิกอะไรได้บ้าง หยุดได้กี่วัน ขณะที่ฟรีแลนซ์จะรู้ชีวิตของตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง
วิสูตรเปรียบเปรยชีวิตของฟรีแลนซ์ว่าเป็น ‘เสือในป่า’ เพราะถ้าวันนี้ทำได้ไม่ดี พรุ่งนี้อาจจะไม่มีกิน จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองทุกผลงาน ซึ่งแตกต่างจาก ‘คนกินเงินเดือน’ ที่ (บางคน) ยิ่งอยู่นานยิ่งขี้เกียจ เป็นเสือนอนกิน ไม่ค่อยพัฒนาตัวเองหรือพิสูจน์อะไร
“อย่างไรก็ตาม สอนเสือในสวนสัตว์ให้ล่าเหยื่อนั้นยากฉันใด สอนคนทำงานประจำให้ทำงานฟรีแลนซ์ก็ยากฉันนั้น
“โลกภายนอกที่ไม่มีอาหาร 3 มื้อมาวางตรงหน้า ก็คือ โลกที่ไม่มีเงินเดือนมารอทุก ๆ สิ้นเดือน น้อยคนนักจะเข้าใจ เพราะเราส่วนใหญ่ถูกสอนจากมหาวิทยาลัยให้เรียนจบแล้วออกรับเงินเดือน”
ลองจินตนาการดูว่า หากเดือนไหนเราใช้เงินเกินตัว สิ้นเดือนก็มีเงินเข้าบัญชีวนเวียนอยู่แบบนี้ ถึงหมดแล้วก็แค่รอเดือนหน้า...
แต่รู้หรือไม่ว่า “งานประจำนั้นพรากจิตวิญญาณการเอาตัวรอดและพึ่งพาตัวเองไปเสียหมดสิ้น”
ใจความสำคัญที่วิสูตรอยากจะสื่อในบทนี้ ไม่ใช่การโจมตีอาชีพงานประจำ แล้วเชียร์ฟรีแลนซ์ แต่ความหมายลึกกว่านั้นคือ ทำไมเราไม่เลือกที่จะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ท้าทายตัวเอง อยากพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน ทำงานเหมือนฟรีแลนซ์ (แม้ว่าได้เงินเดือนประจำ)
คาถาการทำงานที่ดีที่สุดที่ควรท่องจำให้ขึ้นใจตอนนี้ สำหรับผู้เขียนและอีกหลายคนที่ยังอยู่ในโลกพนักงานประจำและฟรีแลนซ์
“ฉันคือพนักงานประจำมืออาชีพ...ไม่ใช่มนุษย์รอเงินเดือนไปวัน ๆ”
เพราะเมื่อวันหนึ่งที่เราเผชิญหน้ากับพายุทอร์นาโดที่เลวร้ายมาก ๆ และอาจจับพลัดจับผลูมาเป็นฟรีแลนซ์ หรือ ฟรีแลนซ์มาเป็นมนุษย์เงินเดือน บทพิสูจน์เดียวที่จะส่ง ‘คุณค่า’ ของคุณได้ก็คือ คุณภาพ ความเป็นมืออาชีพ ของตัวคุณเองนั่นแหละ
สวัสดีวันจันทร์นะคะ
ที่มา: หนังสือ งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า